ชัยภูมิ 2 พ.ย. – กลุ่มวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ไล่ฟันกัน ก่อนประสบอุบัติเหตุชนรถเก๋งกลางสี่แยกไฟแดงกลางเมืองชัยภูมิ ขณะเจ้าหน้าที่มูลนิธิปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ วัยรุ่นอีกกลุ่มใช้มีดฟันผู้บาดเจ็บคาเปล แต่พลาดถูกเจ้าหน้าที่มูลนิธิบาดเจ็บ
เพจเฟซบุ๊กข่าวชัยภูมิโพสต์คลิปวงจรปิดระบุว่า “(1 พ.ย.63) กลุ่มวัยรุ่นชายหญิงนับ 10 คน ขี่รถจักรยานยนต์ถือมีดตามไล่ฟันกลุ่มวัยรุ่นที่ขับมาประสบอุบัติเหตุขับรถจักรยายนต์ชนกับรถเก๋งอยู่กลางสี่แยกไฟแดง ขณะเจ้าหน้าที่มูลนิธิกำลังปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ กำลังจะนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลชัยภูมิ นอกจากนั้นกลุ่มวัยรุ่นยังใช้มีดฟันผู้บาดเจ็บคาเปลคนไข้ แต่มีดพลาดไปถูกเจ้าหน้าที่มูลนิธิจนได้รับบาดเจ็บ 1 ราย
ตำรวจ สภ.เมืองชัยภูมิ ได้รับแจ้งเกิดเหตุมีกลุ่มวัยรุ่นยกพวกตะลุมบอลกัน และใช้ไม้หน้าสาม ก้อนหิน ขวด ขว้างใสกัน บริเวณสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในตัวเมืองชัยภูมิ และกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวขับรถจักรยานยนต์ไล่ฟันกัน เกิดประสบอุบัติเหตุชนกับรถเก๋งที่สี่แยกไฟแดงโรงเรียนสารพัดช่างชัยภูมิ จนสาหัส จึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุสี่แยกไฟแดง ถนนสายบรรณาการฯ หน้าวิทยาลัยสารพัดช่างชัยภูมิ พบรถจักรยานยนต์สีแดง ไม่ติดแผนป้ายทะเบียน ชนกับรถเก๋งสีดำ ทะเบียน กต-8760 ชัยภูมิ
สอบสวนทราบว่ามีกลุ่มวัยรุ่นต่างถิ่นและกลุ่มวัยรุ่นเจ้าถิ่นเขม่นกันในสถานบันเทิงที่ตั้งอยู่กลางเมืองชัยภูมิ ก่อนจะวิ่งตามเข้ามาขวางขวดใส่กัน ชกต่อยกันชุลมุนอยู่พักใหญ่ ก่อนจะขับรถจักรยายนต์ไล่ฟันกันมาตามถนนสายบรรณาการฯ ในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ จนทำให้รถจักรยานยนต์เด็กชายเอ อายุ 17 ปี ที่ขับรถจักรยานยนต์หนีการไล่ล่าของกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุชนกับรถเก๋งที่สี่แยกไฟแดงโรงเรียนสารพัดช่างชัยภูมิ จนบาดเจ็บสาหัส
ขณะเจ้าหน้าที่มูลนิธิกำลังปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บ กำลังจะนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลชัยภูมิ มีกลุ่มวัยรุ่นทั้งชายหญิงขับจักรยานยนต์มา จากนั้นเดินถือมีดตรงเข้าไปไล่ฟันกลุ่มวัยรุ่นต่างถิ่นที่ประสบอุบัติเหตุขับรถชนกับรถเก๋งอยู่กลางสี่แยก นอกจากนั้นกลุ่มวัยรุ่นเจ้าถิ่นยังได้ใช้มีดเดินตรงเข้าฟันนายเออายุ 17 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บคาเปลคนไข้ แต่มีดพลาดไปถูกนายชัยนพพร พลมณี อายุ 30 ปี เจ้าหน้าที่มูลนิธิ ที่กำลังนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุตำรวจได้ติดตามจับกุมตัววัยรุ่นอายุ 19 ปี นายชัยวัฒน์ บุญคำพา ผู้ก่อเหตุ โดยได้นำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย