ทำแผนทาสยาบ้าฆ่าพระ

ร้อยเอ็ด 25 ก.ย.-ตำรวจ สภ.เมืองสรวง คุมหนุ่มคลั่ง ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังก่อเหตุบุกฟันพระมรณภาพคากุฏิ 1 รูป และบาดเจ็บอีก 1 รูป พ่อเผยลูกติดยามาหลายปี เอามาบวชก็บำบัดไม่ได้ จนต้องหนีจากบ้าน เพราะลูกคลั่งยาขู่จะฆ่าเป็นประจำ


ตำรวจ สภ.เมืองสรวง จ.อุดรธานี คุมตัวนายอัจฉริยะ ธุรพันธ์ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่วัดกกกุงวนาราม ตำบลกกกุง อำเภอเมืองสรวง จังหวัดร้อยเอ็ด หลังจาก ช่วง 21.30 น. ของวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา นายอัจฉริยะ ได้ก่อเหตุใช้มีอีโต้ฟันพระในวัดจนบาดเจ็บ 1 รูป และมรณภาพ 1 รูป โดยผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่าขับรถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้ากุฏิของพระณฐกร ดีทองหลาง อายุ 34 ปี ก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้อง ใช้มีอีโต้ฟันใส่พระณฐกร 2 ครั้ง ที่กลางศีรษะเป็นแผลใกญ่ 1 แผล และลำคอเป็นแผลเหวอะ 2 แผล จนพระณฐกรล้มลงและนิ่งไป

จากนั้นได้บุกไปฟันประตูกุฏีซึ่งอยู่ข้างกัน แล้วเข้าไปในกุฏีฟันเข้าที่ศีรษะขอองพระประวัติ กุลนา 3 แผล จนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นผู้ก่อเหตุหลบหนีไปซ่อนตัวที่บ้านพัก ห่างจากวัดประมาณ 800 เมตร เจ้าหน้าที่บุกตามจับกุม และเกลี้ยกล่อม แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมวางมีดพยายามต่อสู้ขัดขืนใช้มีดฟันสวนถูกแขนเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ แต่สุดท้ายก็จับตัวไว้ได้ และคุมตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ


พระประวัติที่ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่าก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงจักรยานยนต์ขี่มาจอดใกล้กุฏิ ก่อนจะได้ยินเสียงมีดฟันพังประตูเข้ามาทำร้าย โดยใช้มีดอีโต้ฟันเข้าที่ศีรษะและหัวไหล่ แต่ก็พยายามต่อสู้โดยใช้มือดันผู้ต้องหาชิดฝาผนัง จนสู้แรงไม่ไหว ผู้ต้องหาเลยบอกให้ปล่อย จะไม่ทำอะไรแล้ว ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป จึงรีบไปดูพระณฐกร ก็พบว่ามรณภาพแล้ว

ผู้ต้องหาเคยบวชเป็นพระ ซึ่งอยู่วัดใกล้กัน แต่ได้ลาสิกขาออกไปเพราะถูกจับได้ว่าเสพยาบ้า หลังจากนั้นก็ชอบเข้ามาที่วัดเพื่อขอขนม ขอเงินและบุหรี่อยู่เป็นประจำ โดยครั้งล่าสุดได้มาขอเงินพระณฐกร แต่ถูกปฏิเสธ จึงคาดว่าอาจจะเป็นปมเหตุในการลงมือครั้งนี้ นอกจากนี้ผู้ก่อเหตุเคยชกต่อยเจ้าอาวาสวัดกกกุงมาแล้ว 1 ครั้ง และเจ้าอาวาสวัดบ้านใกล้กันอีก 1 ครั้ง จนเป็นที่เอือมระอาของพระและชาวบ้าน

ยายเพ็ญศรี ชาวบ้านกกกุง เล่าว่า พระณฐกร ที่มรณภาพ เป็นพระที่มีนิสัยโอบอ้อมอารี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เป็นประจำ ซึ่งชาวบ้านก็รู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุสลดภายในวัดที่เป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านกกกุง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการกับผู้ต้องหาให้ถึงที่สุด


จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของผู้ต้องหา พบกับนายอุเรียน ธุระพันธ์ พ่อของผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ลูกชายติดยาเสพติดมากว่า 5 ปี เคยนำไปบำบัดหลายครั้งแต่ก็กลับมาติดยาอีก จนต่อมาได้มีการเข้าไปขอบวชวัดที่ก่อเหตุ หวังว่าจะให้พระที่วัดเป็นคนกล่อมเกลาจิตใจ แต่ปรากฏว่ายิ่งไปบวช ยิ่งเป็นอิสระจากครอบครัว และติดยาเหมือนเดิมจนถูกจับสึก

พ่อผู้ต้องหา ระบุว่าลูกชายเคยคลุ้มคลั่ง เข้าไปทำร้ายเจ้าอาวาสวัดที่เป็นพระอุปัชฌาย์ นอกจากนั้นยังขู่ฆ่าทุกคนที่ห้ามเสพยา บ่อยครั้งที่ตนเองต้องพาทุกคนในบ้านหนีไปอยู่ที่กระท่อมปลายนา เนื่องจากเวลาลูกชายคลุ้มคลั่งก็จะขู่ฆ่าพ่อตัวเอง แต่เมื่อรู้ว่าลูกชายถูกตำรวจจับกุมดำเนินคดี ก็รู้สึกโล่งใจ เพราะหวังว่าลูกชายอาจจะเลิกเสพยาแล้วกลับเนื้อกลับตัวได้แล้วทุกอย่างน่าจะดีขึ้น

พนักงานสอบสวน ได้ตั้งข้อหา 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2.พยายามฆ่าผู้อื่น 3.ต่อสู้คัดขวางการปฏิบัติของเจ้าพนักงาน 4.พกอาวุธมีดในเมืองหรือหมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต 5.บุกเคหสถานในเวลากลางคืน หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุมตัวผู้ต้องหา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]