บุรีรัมย์ 29 ก.ค.-รวบหลานเมายาบ้าคลั่ง ขอเงินย่าวัย 88 ปี ไม่ได้ บีบคอหวิดขาดใจ ทั้งกระโดดถีบลุงจนทรุดพื้น หลังถูกจับร่ำไห้กราบเท้าขอโทษ ลุงยันดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะสุดทนพฤติกรรมทำร้ายคนในครอบครัวหลายครั้งแถมขู่ฆ่าจนไม่กล้าอยู่บ้าน
นายจักร์กฤษ ร่วมกูล ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอนางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีชายเมายาบ้าคลุ้มคลั่ง ทำร้ายร่างกายคนในครอบครัว ทั้งข่มขู่จะฆ่าตลอดเวลาจนคนในครอบครัวเกิดความหวาดกลัวไม่กล้าอยู่บ้าน ต้องไปขออาศัยอยู่บ้านญาติชั่วคราว จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่และตำรวจ สภ.นางรอง ตรวจสอบ
เมื่อไปถึงบ้านที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านหลังหนึ่งใน ต.นางรอง พบนายอาม (นามสมมติ) อายุ 21 ปี กำลังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งพูดจาไม่รู้เรื่อง ส่วนคนในครอบครัวหลบไปอยู่บ้านญาติอีกหลังเพราะกลัวจะถูกทำร้าย เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวนายอาม มาสงบสติอารมณ์ จากการสอบถามนายอาม ยอมรับว่าเสพยาเสพติดจริง และทำร้ายร่างกายนายวิชิต ผู้เป็นลุงด้วยแต่แค่ใช้เท้าเตะทีเดียว อ้างว่าโมโหที่ลุงพูดจาไม่รู้เรื่อง ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่สอบถามบางช่วงนายอาม ก็ร้องไห้ไปด้วย พร้อมบอกว่าผมสำนึกผิดและอยากขอโทษทุกคนในบ้าน เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจปัสสาวะปรากฏว่าพบสารเสพติดในร่างกาย จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะที่นำตัวนายอาม ส่งพนักงานสอบสวน สภ.นางรอง นายวิชิต อายุ 61 ปี ซึ่งเป็นลุงที่ถูกนายอามทำร้าย ก็เดินทางมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีกับนายอาม หลานชาย ฐานทำร้ายร่างกาย เมื่อนายอาม เห็นลุงก็เข้าไปก้มกราบขอโทษบอกว่าสำนึกผิดแล้ว แต่ผู้เป็นลุงยืนยันให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกหลานทำร้าย ที่ผ่านมาหลานจะพาเพื่อนมามั่วสุมเสพยาเสพติดที่บ้าน พอเมายาจะเกิดอาการคลุ้มคลั่งใครพูดอะไรไม่พอใจ จะทำร้าย ล่าสุดนายอาม เดินมาถามหาไฟแช็กแต่ตนเองบอกว่าไม่มี นายอามจึงกระโดดถีบหน้าอกแล้วเตะซ้ำอีก 2 ครั้ง จนทรุดลงกับพื้น จนญาติต้องพาส่งโรงพยาบาล เพราะมีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก หมอได้ทำการเอ็กซเรย์พบมีอาการปอดอักเสบ และที่ผ่านมานายอาม ยังเคยบีบคอย่าวัย 88 ปี เพราะไปขอเงินแต่ย่าไม่มีให้ เวลาคลุ้มคลั่งจะชอบข่มขู่คนในบ้านว่าจะฆ่าทิ้งให้หมด จนคนในบ้านหวาดกลัวไม่กล้าอยู่บ้าน ต้องไปขออาศัยอยู่กับญาติชั่วคราว ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายอามไว้ดำเนินคดีในข้อหา “ทำร้ายร่างกาย และเสพสารเสพติด”.-สำนักข่าวไทย