31 มี.ค. – ครอบครัวแรงงานหนุ่มอุดรธานี ร่ำไห้รอรับศพ หลังลูกชายเสียชีวิตเพราะเข้าไปช่วยเพื่อนจากเหตุตึก สตง. ถล่ม ขณะที่หลายหน่วยงานเร่งช่วยเหลือแจ้งสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ครอบครัวผู้สูญเสียแล้ว
ที่บ้านนาเหล่า อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ทั้งแรงงาน ประกันสังคม และจัดหางาน เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมแจ้งสิทธิการช่วยเหลือเยียวยาให้กับครอบครัวของนายกิตติกร หรือ ตั๋ง อายุ 32 ปี แรงงานที่เสียชีวิตจากเหตุตึก สตง. ถล่ม ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของครอบครัว
พ่อแม่เผยลูกจิตใจดี เสียชีวิตหลังเข้าไปช่วยเพื่อนร่วมงาน
พ่อผู้ตาย ให้ข้อมูลว่า มีลูก 3 คน ผู้ตายเป็นลูกชายคนโต ออกไปทำงานรับจ้างเดินท่อน้ำประปา โดยก่อนหน้านี้ ทำงานที่ จ.ภูเก็ต ก่อนย้ายไปทำงานที่กรุงเทพฯ ได้เพียง 2 สัปดาห์ หลังทราบข่าวจากลูกสาวคนเล็กว่าตึกที่ลูกทำงานเกิดถล่ม นายจ้างบอกให้ทำใจ เพราะว่าลูกทำงานอยู่ชั้น 5 วิ่งหนีลงมาชั้นล่างแล้ววิ่งกลับไปช่วยเพื่อนและไม่เห็นลงมา เพื่อนที่อยู่ด้วยกันก็น่าจะเสียชีวิตทั้งหมด

แม่ผู้ตาย เล่าด้วยว่า หนึ่งวันก่อนเกิดเหตุลูกได้วิดีโอคอลมาพูดคุย บอกว่าวันสงกรานต์ไม่รู้จะได้กลับบ้านหรือเปล่า ถ้าไม่ได้กลับก็จะโอนเงินมาให้ และยังบอกว่าให้ดูแลตัวเองนะ “ผมรักแม่” ส่วนตัวรู้สึกแปลกใจในคำพูดของลูก เพราะที่ผ่านมาลูกไม่เคยพูดแบบนี้ และไม่คิดว่าคำพูดนี้จะเป็นคำพูดสุดท้าย ขอให้ปาฏิหาริย์มีจริง แต่ท้ายสุดปาฏิหาริย์ก็ไม่มี เพราะลูกชายเสียชีวิต ถูกเหล็กทับติดอยู่ในซากตึก หากดวงวิญญาณของลูกรับรู้อยากจะบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงแม่ ขอให้ดวงวิญาณไปที่สู่สุคติ โดยศพของลูกขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลที่โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อแล้วเสร็จ นายจ้างจะนำร่างกลับมาให้ครอบครัวบำเพ็ญกุศลที่บ้าน
เจ้าหน้าที่แรงงาน เปิดเผยว่า ที่ จ.อุดรธานี มีแรงงานที่ทำงานเสียชีวิตจากเหตุดังกล่าวรวม 2 ราย รายแรกเป็น ชาว อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี และอีกรายอยู่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี เบื้องต้นผู้เสียชีวิตจะได้สิทธิประโยชน์จากกองทุนชราภาพ และจากกองทุนทดแทน เป็นค่าทำศพ 50,000 บาท นอกจากนี้ยังมีเงินทดแทนกรณีเสียชีวิต เป็นรายเดือนอีกร้อยละ 70 ของเงินเดือน เป็นระยะเวลา 10 ปี และเงินบำเหน็จในวัยชราภาพตามสัดส่วนที่คนงานจ่ายสมทบไว้
แม่เศร้ารอรับร่างลูก หลังตึก สตง.ถล่ม
ส่วนที่บ้านคำสว่าง ต.วังตามัว อ.เมืองนครพนม ครอบครัว ตลอดจนชาวบ้าน และผู้นำชุมชน ต่างช่วยกันจัดเตรียมพื้นสถานที่เพื่อรอรับร่างนายบุญรอด โอทาตะวงค์ หรือ หลอด อายุ 34 ปี แรงงานที่เสียชีวิตจากเหตุตึก สตง. ถล่ม หลังมีการตรวจอัตลักษณ์บุคคลแล้วคาดจะเดินทางมาถึงบ้านเกิดในเวลาเที่ยงคืนนี้ และจะมีพิธีฌาปนกิจวันที่ 3 เมษายน
แม่ผู้ตาย เล่าว่า ลูกชายคนนี้เป็นเสาหลักของครอบครัว ทำงานเลี้ยงดูพ่อแม่ เพราะที่บ้านไม่มีที่นาเป็นของตัวเอง พ่อแม่ทำงานรับจ้างทั่วไป แต่ความเป็นอยู่ดีขึ้นได้มีลูกคอยส่งเงินมาให้ใช้ไม่ขาดมือ และลูกยังบอกว่าสงกรานต์ปีนี้จะกลับมาหา หลังไปทำงานที่กรุงเทพฯ 4 ปี ไม่ได้กลับมาเลย
ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านให้ข้อมูลว่าพื้นที่หมู่บ้านนี้มีลูกบ้านเป็นแรงงานก่อสร้างราวๆ 20 คน ซึ่งคนในหมู่บ้านต่างสงสัยถึงมาตรฐานวัสดุที่ก่อสร้าง และความปลอดภัย ว่าเหตุใดจึงเกิดเหตุถล่มรุนแรงทั้งตึก แค่ตึกนี้เท่านั้น
ร่างแรงงาน 3 แม่ลูกถึงบ้านเกิดแล้ว
ผู้ว่าฯ หนองคาย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำพวงหรีดมาร่วมไว้อาลัยกับครอบครัวของนายประเทือง-นางทอง มาตรา พ่อแม่ที่ต้องสูญเสียลูกสาวคนโต หลานชาย และหลานสาว ไปพร้อมกันถึง 3 คน จากเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม และมีการตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่บ้าน ต.เฝ้าไร่ อ.เฝ้าไร่ ก่อนจะมีพิธีฌาปนกิจในวันที่ 3 เมษายนนี้
นายประเทือง ให้ข้อมูลว่า ลูกสาวคนโต หลานชาย เดิมทำงานก่อสร้างตึกดังกล่าว ส่วน น.ส.สุมิตา หรือ น้องนุ่น หลานสาว เพิ่งเรียนจบสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย จะรับปริญญาในเดือนเมษายนนี้ ลูกสาวคนโตเห็นว่าเรียนจบแล้วจึงชวนไปทำงานด้วยกัน ทำได้แค่วันเดียวก็เกิดเหตุตึกถล่ม ส่วนลูกเขยตอนนี้ยังหาตัวไม่เจอ ติดอยู่ในตัวตึก แต่คาดว่าน่าจะเสียชีวิตแล้ว ส่วนลูกชายคนรอง ก่อนเกิดเหตุได้ลงมาเอาเหล็กด้านล่างจึงรอดชีวิตอย่างหวุดหวิด
ด้านผู้ว่าฯ หนองคาย สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือเยียวยาตามสิทธิโดยเร่งด่วน และประสานให้ ทีมแพทย์ของโรงพยาบาลเฝ้าไร่ มาช่วยดูแลเรื่องสุขภาพกาย สุขภาพจิต อย่างต่อเนื่อง และให้ผู้นำชุมชนให้หมั่นดูแลครอบครัวนี้อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นการสูญเสียคนในครอบครัวไปในคราวเดียวถึง 3 คน.-สำนักข่าวไทย