ส่งหนังสือแจ้งพฤติกรรม 2 นักท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ ให้สถานทูตฯ รับทราบ

ภูเก็ต 18 มี.ค. – ตม.เพิกถอนวีซ่า 2 นักท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ ทำร้ายตำรวจจราจร หลังถูกดำเนินคดี 5 ข้อหาหนัก จ่ออายัดตัวต่อหลังฝากขัง ด้านผู้ว่าฯ ภูเก็ต ย้ำทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย พร้อมทำหนังสือถึงสถานทูตนิวซีแลนด์ แจ้งพฤติกรรมให้ทราบ


คลิปเหตุการณ์ที่ MR.HAMISH DAY อายุ 36 ปี และ MR.OSCAR MATTSON DAY อายุ 38 ปี 2 นักท่องเที่ยว ชาวนิวซีแลนด์ ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ด.ต.สมศักดิ์ หนูเอียด ผบ.หมู่จราจร สภ.ฉลอง หลังเรียกตรวจ 2 นักท่องเที่ยวขณะขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วสูงในเขตชุมชน บริเวณถนนเจ้าฟ้าตะวันออก หน้า สภ.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต แต่ทั้ง 2 คนกลับไม่หยุดรถ จนต้องขี่รถไล่ตาม ก่อนทั้ง 2 คนจะจอดรถแสดงอาการโวยวาย ไม่พอใจเจ้าหน้าที่ซึ่งถ่ายคลิปเหตุการณ์พร้อมปัดโทรศัพท์ขณะถ่ายคลิป

จากนั้นยังร่วมกันรุมทำร้ายและยื้อเเย่งอาวุธปืนพกประจำกายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ปืนลั่น 1 นัด โชคดีไม่โดนผู้ใด ก่อนจะมีพลเมืองดีเข้ามาช่วยห้ามปราม โดยหลังเหตุชุลมุน 2 นักท่องเที่ยวยังมีความพยายามจะติดสินบนเจ้าหน้าที่ด้วย


ล่าสุดวันนี้ (18 มี.ค.) ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรฉลอง ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนักท่องที่ยวทั้ง 2 คน โดยตรวจยึดของกลางรถจักรยานยนต์ยี่อห้อยามาฮ่า รุ่น Aerox สีเหลือง จำนวน 2 คัน, อาวุธปืนชนิด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก และปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 1 นัด พร้อมแจ้ง 5 ข้อกล่าวหา คือ ร่วมกันชิงทรัพย์, ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่, ร่วมกันพยายามให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่, ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับรถ”

นำตัว 2 นักท่องเที่ยวเหิมฝากขัง จ่ออายัดตัวต่อ
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า วันนี้นักท่องเที่ยวทั้ง 2 คน จะถูกนำตัวส่งศาลจังหวัดภูเก็ตฝากขัง โดยตำรวจจะคัดค้านการประกันตัว แต่หากศาลอนุมัติให้ประกันตัวได้ ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต จะทำการอายัดตัวต่อไป เนื่องจากขณะนี้ทาง ตม.6 มีการเพิกถอนวีซ่าของชาวต่างชาติทั้ง 2 คนไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน

ส่งหนังสือแจ้งพฤติกรรมให้สถานทูตฯ รับทราบ
ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ระบุว่า จ.ภูเก็ต ได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวดกับชาวต่างชาติที่กระทำผิดในพื้นที่ โดยชาวต่างชาติทุกคนจะต้องเคารพกฎหมาย ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยว ในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทาง จ.ภูเก็ต จะทำหนังสือแจ้งไปยังสถานทูตนิวซีแลนด์ในประเทศไทย เกี่ยวกับพฤติกรรมพลเมืองที่มาก่อเหตุ ขณะเดียวกันยังขอความร่วมมือกงสุลของประเทศต่างๆ ให้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทุกประเทศปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศไทยอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ท่องเที่ยวและอยู่ใน จ.ภูเก็ต อย่างมีความสุข


แค่ 5 เดือน ดำเนินคดีต่างชาติ 400 คดี เพิกถอนวีซ่า 95 ราย
จากข้อมูลของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พบว่านับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึงปัจจุบัน มีดำเนินคดีกับชาวต่างชาติใน จ.ภูเก็ต มากถึง 400 คดี และมีการเพิกถอนวีซ่าไปแล้วถึง 95 ราย แบ่งเป็นชาวจีน 41 ราย เมียนมา 28 ราย รัสเซีย 8 ราย อินเดีย 5 ราย ออสเตรเลีย 3 ราย โมร็อกโก 2 ราย อังกฤษ 2 ราย และอื่นๆ 5 ราย

โดยมีรายละเอียดข้อหาคือ พยายามฆ่าผู้อื่น 1 ราย, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน 6 ราย, ลักทรัพย์ 6 ราย, พระราชบัญญัติยาเสพติด 23 ราย และต่างด้าวทำงาน 50 ราย

รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต มอบกระเช้าเยี่ยม “ด.ต.สมศักดิ์”
ด้าน ด.ต.สมศักดิ์ หนูเอียด ผบ.หมู่ (จร.) สภ.ฉลอง ล่าสุดยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต โดยนายกองเอก อดุลย์ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้เดินทางไปเยี่ยม พร้อมมอบกระเช้าให้กำลังใจ จากการสอบถามอาการพบว่าอาการดีขึ้น ทุกอย่างเป็นไปปกติ แต่ยังคงเข้าเฝือกที่นิ้วนางด้านซ้ายเท่านั้น

กำชับ ตม.เข้มตรวจสอบต่างชาติ ให้รายงานผลทุกเดือน
พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีหนังสือคำสั่งถึงผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เรื่องกำชับการปฏิบัติในการป้องกันปราบปรามชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมผิดกฎหมาย โดยระบุถึงกรณีคนต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวมีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อสังคมนั้น จากการตรวจสอบพบว่าไม่ได้เข้ามาตามที่กฎหมายกำหนด มีพฤติการณ์แอบแฝงอยู่ในประเทศด้วยเหตุผลอื่น ทั้งยังมีการฝ่าฝืนหรือหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย แสดงให้เห็นถึงความไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายไทย

ดังนั้น จึงกำชับมาตรการปฏิบัติในการป้องกันปราบปรามชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมผิดกฎหมาย คือเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบคัดกรองคนต่างชาติที่เดินทางผ่านเข้า-ออกราชอาณาจักร ตลอดจนการพิจารณาให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรชั่วคราว การตรวจลงตราและการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา ให้สืบสวนจับกุมการกระทำผิดกฎหมายทุกฐานที่เกี่ยวข้องกับคนต่างชาติให้ครบถ้วน ทั้งกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง การทำงานของคนต่างด้าว การประกอบกิจการหรือธุรกิจผิดกฎหมาย การทำนิติกรรมอำพราง (นอมินี) และให้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลหรือไม่ หากพบให้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 พร้อมกำชับให้หน่วยงานในสังกัดจัดทำแผนการปฏิบัติ และกำหนดวงรอบในการออกตรวจสืบสวนจับกุมอย่างต่อเนื่อง หากมีการจัดกลุ่มให้ขยายผลทุกราย และรายงานผลการปฏิบัติให้ทราบภายในวันที่ 10 ของทุกเดือน เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป

ครอบครัว 2 นักท่องเที่ยวนิวซีแลนด์กังวลใจ-อาจมาไทย
ด้านครอบครัวของ 2 นักท่องเที่ยวชาวนิวซีแลนด์ที่ภูเก็ต วันนี้พ่อแม่ของพี่น้องคู่นี้ ซึ่งเป็นมหาเศรษฐี ได้แสดงความกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น และกำลังตัดสินใจว่าอาจจะเดินทางมาเพื่อช่วยเหลือ โดยสำนักข่าวต่างๆ ของนิวซีแลนด์ รายงานข่าว 2 นักท่องเที่ยวที่ถูกจับกุมใน จ.ภูเก็ต รวมถึงหนังสือพิมพ์นิวซีแลนด์เฮอรัลด์ ได้นำคำแถลงของครอบครัวของ 2 พี่น้องที่เข้ามาท่องเที่ยวและก่อคดีทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจภูเก็ต เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยนายลอว์เรนซ์ เดย์ ซึ่งเป็นบิดาของทั้ง 2 คน กล่าวว่า ตอนนี้ตัวเขามีความกังวลอย่างยิ่งต่อการที่ลูกชายทั้ง 2 คนถูกจับกุมดำเนินคดี ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

เขาเปิดเผยด้วยว่าลูกชายทั้ง 2 คนมีครอบครัวแล้ว และมีลูกๆ แล้ว ตอนนี้ทุกคนในครอบครัวต่างเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของทั้งสอง

นายลอว์เรนซ์ เดย์ ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง บอกว่า ลูกชายทั้ง 2 คน เคยเดินทางมาเที่ยวไทยแล้ว และเคยบอกด้วยว่าเป็นประเทศที่น่าเที่ยว โดยครั้งนี้อยู่ในไทยมาได้ราว 1 สัปดาห์ และมีกำหนดเที่ยวต่ออีก 10 วัน จากนั้นจะเดินทางกลับนิวซีแลนด์ ส่วนในเรื่องคดีนั้น นายลอว์เรนซ์ บอกว่าตัวเขาเองไม่ได้รู้ข้อมูลอะไรมากไปกว่าตามที่สื่อรายงาน ตอนนี้ลูกชายมีทนายความดูแลแล้ว แต่กำลังตัดสินใจว่าอาจจะเดินทางมาไทยด้วยตัวเอง เพราะอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

EOD เร่งกู้ระเบิดตกค้าง-พิสูจน์กลิ่นศพทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 4 ส.ค. – ตลอดทั้งวัน ชุด EOD ตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด ขณะที่กลิ่นศพทหารกัมพูชา ยังไม่ส่งผลกระทบฝั่งไทย แต่ชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันมีกลิ่นจริง ตลอดทั้งวัน ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD ของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 และตำรวจภูธรพนมดงรัก รวมถึง ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะใน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังสถานการณ์ปะทะสงบลง โดยพบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด หัวหน้าชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดให้ข้อมูลว่า ระเบิดส่วนใหญ่ทำงานไปแล้ว เหลือเพียง 7 จุดที่ยังคงอยู่ระหว่างการเก็บกู้ แต่มีบางจุดที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติงานได้ เนื่องจากอยู่ติดแนวชายแดน และอาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับทหารทั้ง 2 ฝ่ายที่ยังคงตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ อีกทั้งสภาพพื้นที่เป็นโคลนตม ทำให้บางจุดลูกระเบิดฝังลึกมาก ทำให้การเก็บกู้ยากลำบาก จึงทำได้เพียงล้อมรั้วแสดงสัญลักษณ์ให้ทราบ เพื่อความปลอดภัยและไม่ให้ผู้คนเข้าใกล้ […]

มทภ.2 หวัง GBC ได้ข้อสรุปที่ดี ลั่นไม่ถอยกำลังทหาร

กองทัพบก 4 ส.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่น ไม่ถอยกำลังทหาร หวังถก GBC ได้ข้อสรุปที่ดี แต่ยังคาดหวังอะไรไม่ได้หากสองประเทศยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกันก็จบง่าย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรกัน แต่ก็คาดหวังว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี หาข้อตกลงร่วมกันให้ดีที่สุด ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลสถานการณ์ชายแดน หลังวันที่ 7 สิงหาคม จะมีความตึงเครียดนั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้นำทั้งสองประเทศ จะเจอกันตรงจุดไหน หากยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ก็จบง่าย ซึ่งตอนนี้ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ ว่าผลจะออกมาอย่างไร เมื่อถามว่า ประเด็นเรื่องการถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน ยืนยันว่า “กองทัพไม่ถอย เพราะเรารุกในเขตพื้นที่อธิปไตยของเรา” สำหรับการดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการหยุดยิง ที่สองรัฐบาลได้พูดคุยกันไว้เพื่อความสงบสุขบริเวณชายแดน ซึ่งเราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องโดรนไม่ทราบฝ่าย ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงการติดตามกลุ่มบุคคลที่ทำตัวเป็นสายลับ และไส้ศึก […]

สำนักโฆษก กห. พาย้อนเหตุการณ์ยุคเขมรแดงปี 1979-1980

4 ส.ค.- เตือนความจำเขมร! สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม โพสต์ย้อนเหตุการณ์ไทยช่วยเขมร ยุคเขมรแดง ปี 1979-1980 เปิดประตูรับคนเขมรเป็นที่พึ่งสุดท้าย-เปิดค่ายพักพิงแบบไม่ลังเล วันนี้(4 ส.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้เผยแพร่ข้อมูลการช่วยเหลือของฝ่ายไทยที่มีต่อชาวกัมพูชาในยุคเขมรแดง โดยข้อความระบุว่า จากคนที่หนีตายสู่คนที่หันปากกระบอกปืนกลับมา” เมื่อ ‘เขมร’ ลืมทุกอย่างที่ไทยเคยมอบให้ ปี 𝟏𝟗𝟕𝟗… ชาวกัมพูชานับแสน นับล้าน วิ่งหนีตายจากนรกบนดินที่ชื่อว่า “เขมรแดง” ข้ามพรมแดนมายังไทย ในสภาพหมดเรี่ยวแรง หิวโหย และเกือบสิ้นลมหายใจ คนไทยเปิดประตูให้เขาพักพิง ตอนนั้นประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “เพื่อนบ้าน” แต่กลายเป็น “ที่พึ่งสุดท้าย” เราส่งอาหาร เราเปิดค่ายพักพิง เราช่วยเหลือทั้งในนามรัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และแม้แต่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ยอมแบ่งข้าวเพียงคำเดียวให้ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา การอพยพที่ไม่มีแผนที่เริ่มตั้งแต่ต้นปี 𝟏𝟗𝟕𝟗 จนถึงต้นยุค 𝟏𝟗𝟖𝟎𝐬 มีชาวกัมพูชาจำนวนมหาศาล บางแหล่งบอกว่ารวมกันถึง 𝟔 แสนถึง 𝟖 แสนคน อพยพอย่างไร้ทิศทางบางคนเดินเท้าเป็นร้อยกิโลเมตรจากกลางประเทศกัมพูชา หลายคนไร้เอกสาร ไม่มีอาหาร ไม่มีเป้าหมาย […]

กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ

ก.ต่างประเทศ 4 ส.ค.-กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คาดแจงข้อมูลที่บิดเบือน หลังกัมพูชาปล่อยเฟคนิวส์ต่อเนื่อง ด้าน “มาริษ” ย้ำไทยไม่ได้เริ่มก่อน ยึดแก้ปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี เรียกร้องกัมพูชายึดหลักสันติวิธี-จริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับ นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และ นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ณ ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงภายหลังจากที่ฝ่ายกัมพูชามีการให้ข้อมูลที่บิดเบือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ก่อนการบรรยาย นายมาริษ กล่าวเปิดโดยขอบคุณผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการบรรยายในวันนี้ พร้อมชี้แจงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และท่าทีของไทยต่อกรณีดังกล่าว โดยตนตั้งใจจะแบ่งการบรรยายเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ 1. การเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไทยขอประท้วงต่อฝ่ายกัมพูชากรณีที่ละเมิดกฎหมายมนุษยชนและใช้ความรุนแรง โดยมีเป้าหมายแบบไม่เลือกเป้าและโจมตีไปที่พลเรือน รวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งขัดต่อหลักการของอนุสัญญาออตโตวา ในขณะที่ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด จึงหวังเป็นอย่างยิ่งให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างจริงใจด้วยเช่นกัน ภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่ 2 คือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม […]