เด้ง ผอ.หวงเก้าอี้-สั่งสอบรู้ผลใน 7 วัน

ร้อยเอ็ด 16 มี.ค. – สพฐ. สั่งสอบข้อเท็จจริง-ย้าย ผอ.โรงเรียน แชทตำหนิครูสาวนั่งเก้าอี้ตัวเอง บอกเสียใจมากที่ครูทำพฤติกรรมแบบนี้ ด้านครูสาวเปิดใจเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


กรณีครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด โพสต์ภาพข้อความแชท ที่ครูพูดคุยกับ ผอ.โรงเรียน โดยเขียนจั่วหัวว่า วันนี้ประเมินเงินเดือน ที่ห้องประกัน แล้วเผลอนั่งเก้าอี้ ผอ. เพราะยกไปให้แกนั่งแล้วแกไม่นั่ง แกไปนั่งเก้าอี้ธรรมดา

ไฮไลท์ของเรื่องนี้ อยู่ที่ว่า ผอ. บอกรู้สึกเสียใจจนแขนขาอ่อนแรง และตรงที่ครูขอโทษ พร้อมขอแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการซื้อเก้าอี้ตัวใหม่ให้ แต่ ผอ.กลับตอบกลับมาว่า ไม่เป็นไรค่ะ ทางโรงเรียนจะซื้อเองค่ะ


ภายหลังโพสต์นี้ออกแชร์ออกไป หลายคนก็สงสัย เก้าอี้ตัวไหน ยังไง ครูสาวก็ออกมาชี้แจงว่า เก้าอี้ที่หนูได้นั่งจนเป็นประเด็น คือเก้าอี้ที่อยู่ในห้องประกันคุณภาพการศึกษา ห้องนี้มีไว้ประชุม หรือต้อนรับแขกที่มาติดต่อราชการค่ะ (จะมีเก้าอี้ดำ เป็นประธานค่ะ) ที่ได้ไปนั่งเพราะเป็นคนคอยอำนวยความสะดวกเปิด VTR ให้คณะครูฉายออกทีวีค่ะ แล้วที่อยู่ด้านหน้าค่ะ หนูไม่ได้นั่งเก้าอี้ส่วนตัวท่าน ผอ. ในห้องท่าน ผอ.ค่ะ รวมถึงโพสต์อีกข้อความ พร้อมกับรูปภาพของเก้าอี้สีดำเจ้าปัญหาว่า เก้าอี้สีดำตัวนี้ค่ะ พอถึงเวลานัดหมายที่จะประเมินเงินเดือน ผอ. ก็จะเดินเข้ามาค่ะ หนูก็รีบลุกและยกเก้าอี้ไปให้ท่านนั่ง ท่านก็บอกว่าไม่นั่งค่ะ

ล่าสุดเหตุการณ์นี้ ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานยืนยันว่า สพฐ. ไม่ได้นิ่งนอนใจ ล่าสุดได้ประสานสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ร้อยเอ็ด เขต 1 และได้สั่งให้ ผอ.กลุ่มกฎหมายและคดี ตั้งคณะกรรมการสืบสวนหาข้อเท็จจริง รวมถึงมีคำสั่งให้ ผอ.โรงเรียน มาปฏิบัติราชการที่เขตพื้นที่ ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการสืบสวน รวมถึงให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ส่วนการสืบสวนข้อเท็จจริง ย้ำว่าต้องให้ได้ข้อสรุป ภายใน 7 วัน

ขณะที่นักข่าวไปลองสอดส่องที่โรงเรียนที่เป็นข่าวฉาว ซึ่งวันนี้โรงเรียนปิดการเรียนการสอนเพราะเป็นวันหยุด แต่ด้วยความที่มีคนอยู่ในโรงเรียน ก็ได้พานักข่าวไปดูอาคารประกันสุขภาพการศึกษาที่มีเก้าอี้ของ ผอ.วางอยู่ที่นี่ พร้อมกับชี้บอร์ดที่ติดชื่อผู้บริหาร ผอ.โรงเรียน และคณะครูที่อยู่ในโรงเรียน และเล่าว่า ครูที่โพสต์ชื่อครูเหมียว สอนอยู่อนุบาล 1 และอนุบาล 2 เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ยังไม่ถึง 4 เดือน


ส่วนชาวบ้านแถวนั้นให้ข้อมูลว่า เห็นการทำงานของ ผอ.ก็เรียกว่ายอมรับได้ แต่ที่ไม่ค่อยเหมือน ผอ.คนอื่นๆ คือ ตั้งแต่ ผอ.คนนี้ย้ายมา ก็มักมีการเรี่ยไรเงิน เรี่ยไรข้าว เพื่อเอาไปใช้ในกิจกรรมบางอย่างของโรงเรียน ซึ่งชาวบ้านแม้ไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะลูกหลานก็เรียนอยู่ในโรงเรียน รวมถึงบอกด้วยว่าไม่รู้ว่าเรื่องที่เป็นดราม่าอยู่ในตอนนี้ เป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่พอเห็นแล้วก็ไม่สบายใจ เพราะมันเป็นแค่เรื่องเก้าอี้ เป็นเหตุเล็กๆ ที่ไม่น่าจะต้องจริงจัง หรือบานปลายไปขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม นักข่าวได้พยายามติดต่อไปยัง ผอ.โรงเรียน เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริง แต่โทรไปหลายครั้ง ผอ.ก็ไม่รับสาย ส่วนครูเหมียวรับสาย แล้วเล่าว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ เมื่อวานนี้ (15 มี.ค.) โดย ผอ.ให้คณะครูทำ VTR ผลงานมาคนละ 1 คลิป เพื่อนำมาประเมินเงินเดือน แล้ว VTR นี้ก็ให้เอามาเปิดในห้องประกันคุณภาพการศึกษา ซึ่งเป็นห้องที่เอาไว้รับแขกของโรงเรียน โดยภายในจะมีโต๊ะยาว และเก้าอี้หลายตัว รวมถึงมีเก้าอี้นวมสีดำ สำหรับประธาน ตั้งอยู่หัวโต๊ะ

ครูเหมียว มีหน้าที่รวบรวมไฟล์ของทุกคนมาเปิด โดยเชื่อมโน้ตบุ๊กไปยังจอทีวี จึงได้ไปนั่งที่เก้าอี้นวมสีดำหัวโต๊ะ เพื่อเช็กไฟล์ภาพและเสียงว่าเปิดได้หรือไม่ ในขณะนั้น ผอ.ได้ขึ้นไปที่ห้องของตนเองที่อยู่ชั้น 2 ครูเหมียวเลยนั่งเช็กไฟล์รอ และเมื่อ ผอ.ลงมา ครูเหมียวก็ลุก แล้วยกเก้าอี้สีดำเจ้าปัญหาไปให้ ผอ.นั่ง แต่ ผอ.บอกว่า “ไม่นั่ง” ก่อนที่จะเดินไปนั่งเก้าอี้ธรรมดาในห้อง

ครูเหมียว ก็ไม่ได้คิดอะไร และฉาย VTR ของทุกคนจนครบ และแยกย้ายกันไป แต่ปรากฏว่า ช่วง 17.00 น. ที่กำลังจะกลับบ้าน ครูเหมียวได้ยิน ผอ.พูดกับครูคนหนึ่งว่า ครูเหมียว มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ไปนั่งที่เก้าอี้ของ ผอ. แต่ตอนนั้นครูเหมียวก็คิดว่า คงไม่มีอะไร ก็กลับบ้าน กระทั่งมาเห็นไลน์ ผอ. เด้งมาในกลุ่มโรงเรียน ตำหนิครูเหมียวที่ไปนั่งเก้าอี้ ผอ. ครูเหมียวเห็นก็พิมพ์ไปขอโทษตามแชทที่ปรากฏในโซเชียล ซึ่งมีจังหวะนึงที่ ผอ. แชท บอกให้ครูอีกคนไปซื้อ หรือไม่ก็ยืมเก้าอี้ตัวใหม่มาให้วันจันทร์ ครูเหมียวเห็นว่าเรื่องราวเกิดขึ้นจากตัวเองเป็นต้นเหตุ และเห็นว่าโรงเรียนก็ไม่มีเงิน จึงเขียนแสดงความรับผิดชอบไปว่าจะออกเงินซื้อเก้าอี้ตัวใหม่มาให้ แต่ ผอ. ตอบว่าไม่เป็นไร และบอกว่าจะซื้อด้วยเงินตนเอง

ครูเหมียวบอกว่า คิดว่าเรื่องคงจบแล้ว จึงทักไลน์ส่วนตัวไปขอโทษ ผอ.อีกครั้ง ยอมรับว่า ทุกข์ใจมาก กดดัน ร้องไห้เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น สุดท้ายจึงได้แคปแชทในไลน์มาแชร์ ระบายความรู้สึกทางหน้าเฟซบุ๊กของตัวเอง พอแฟนมาเห็นว่าร้องไห้ ก็แคปข้อความไปโพสต์ต่อ ซึ่งเมื่อ ผอ. เห็นโพสต์ก็แชทมาหาบอกว่าว่า “ไม่เป็นไรค่ะเก้าอี้ตัวนี้เก่าชำรุดแล้วค่ะ”

หลังจากเห็นข้อความของ ผอ. ครูเหมียวก็ไม่ได้ตอบอะไรไปอีก กระทั่ง ผอ.นำข้อความไปลงไลน์กลุ่มโรงเรียน และโทรไลน์มาหา แต่ครูเหมียวก็ไม่ได้รับ เพราะตั้งใจว่าวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันเปิดเรียนจะไปขอโทษต่อหน้า ผอ. และจะถามว่าจะให้รับผิดชอบอย่างไร อย่างไรก็ตาม ครูเหมียวย้ำว่า เก้าอี้ตัวนี้ เป็นเพียงเก้าอี้รับรอง ไม่ใช่เก้าอี้ประจำตำแหน่งของ ผอ. ปกติไม่ว่าใครมา ก็มานั่ง ทำให้ไม่เข้าใจ ว่าทำไมการนั่งเก้าอี้ตัวนี้จึงเป็นเรื่องใหญ่โต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

รัฐบาลออกแถลงการณ์ปมไทย-กัมพูชา ยันปกป้องอธิปไตยเต็มที่

ทำเนียบ 4 มิ.ย.- รัฐบาล ออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ยืนยัน ตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยเต็มที่ ยึดหลักแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ หลักมนุษยธรรม และสวัสดิภาพของประชาชน ย้ำ ชายแดน มีความสงบเรียบร้อย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากการประชุมทุกภาคส่วนของ รัฐบาลภายหลังเกิดเหตุการณ์ที่บริเวณชายแดนไทย -กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น เช้าวันนี้ 4 มิถุนายน 2568 เวลา 07.00 น. รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์กรณีดังกล่าวดังต่อไปนี้ แถลงการณ์รัฐบาล “กรณีสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา” รัฐบาลขอยืนยันว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยและคุ้มครองบูรณภาพของดินแดนไทยอย่างเต็มที่โดยยึดหลักการในการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และยึดมั่นในหลักมนุษยธรรม โดยจุดเริ่มต้นของสถานการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ในขณะที่กองกำลังฝ่ายไทยลาดตระเวนตามปกติในพื้นที่ฝ่ายไทยซึ่งเป็นแนวที่ถือปฏิบัติเสมอมา แต่ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันในช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างกองกำลังไทยและกัมพูชา ที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีสถานการณ์จากการปะทะดังกล่าวทำให้กองกำลังไทยจำเป็นต้องป้องกันตัว และปกป้องพื้นที่อธิปไตยของไทย เป็นการดำเนินการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ภายหลังจากเกิดเหตุรัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้หารืออย่างใกล้ชิดในทุกระดับรวมถึงนายกรัฐมนตรี […]

อุตุฯ เผยไทยฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]