นนทบุรี 2 มี.ค.-พระพยอม กัลยาโณ ชี้กรณีพระเปิดศึกมวยหย่งชุนในวัด ไม่ข่มอารมณ์ ควรต้องจับศึก ขณะที่น้องสาวพระที่ถูกทำร้าย ยืนยันเอาเรื่องถึงที่สุด
จากกรณีพระสมิทธิ์ กตธัมฺโม อายุ 62 ปีพระลูกวัดทะเลาะชกต่อยกันบนกุฎิ ชั้น 2 ภายในวัด กู้ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดย พระสนธยา วิสุทโธ อายุ 62 ปีซึ่งเป็นพระลูกวัด ส่วนคู่กรณีพระมหาสุโข เป็นพระมาจากจังหวัดนครสวรรค์ มาพักเพื่อเรียนบาลีที่วัดได้ประมาณ 3 เดือน จนพระสนธยาได้รับบาดเจ็บเจ้าหน้าที่นำตัวส่ง รพ.ชลประทานปากเกร็ด
ล่าสุด พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า กรณีพระฝึกมวยมาก่อนแล้วมาบวช มาต่อยกันเองไม่ข่มอารมณ์ ไม่คุมอารมณ์ควรจะต้องจับสึก ทะมะไม่มีมีแต่ปะทะ การฝึกใจข่มใจฝืนใจไม่ให้มีเรื่องกับใคร แบบนี้ไม่มีลักษณะของความเป็นพระยังประทุษร้ายยังเบียดเบียนกัน เรียกว่าขาดสมณสัญญา ที่จับสึกเป็นเรื่องปลายเหตุแต่ต้นเหตุคือไปทำร้ายกันทำไม อยู่ในวัดเดียวกันอย่างนี้เรียกว่าเลี้ยงเสียข้าวสุก เปลืองข้าวสาร บวชผลาญข้าวสุก เอาเรี่ยวแรงไว้เดินจงกรมไปพัฒนากวาดวัดใช้แรงสร้างสรรค์ไม่ใช่ใช้แรงมาตีกันเป็นพระต้องพัฒนาวัด พระผู้ใหญ่ทำถูกแล้วควรจะจับสึกให้ขาดจากความเป็น
ส่วนที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.นุสรา น้องสาวของพระสนธยา ที่ถูกพระในวัดใช้มวยหย่งชุนทำร้ายได้รับบาดเจ็บ ได้เดินทางมาที่ สภ.ปากเกร็ด นำเอกสารจากโรงพยาบาลมาให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีนำไปเป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดี
น.ส. นุสรา กล่าวว่า ตนได้สอบถามหลวงพี่ ซึ่งพอที่จะสามารถพูดได้แล้ว ก่อนที่จะเกิดเหตุก็ไปฉันท์เพลด้วยกันแล้วมีการพูดเขม่นกัน ที่บอกว่าใช้แป๊ปตี ตนรู้มาจากกู้ภัยจริงๆ แล้วหลวงพี่เป็นคนถือแป๊ปป้องกันตัว และพระมหาสุโขก็บอกว่าป้องกันตัวเหมือนกันแต่ท่านตัวใหญ่กว่า ซึ่งไม่ได้ใช้แป๊ปแต่ใช้มือเปล่าทุบ ต่อยหน้าและจับหัวโขกพื้น จึงบวมอย่างที่เห็น ตนก็ถามพระสนธยา ว่าเขม่นอะไรกันถึงเป็นแบบนี้ พระมหาสุโขถือว่าตัวใหญ่กว่า พอพระสนธยาพูดไม่เข้าหูเขาก็ทำร้าย ส่วนเรื่องอาการของพระสนธยา ท่านไม่มีเลือดคลั่งในสมอง แต่ว่าหน้าแตกหัวบวม ซึ่งหมอวินิจฉัยว่า กระดูกแตกตั้งแต่แก้มไปจนถึงบนหัว แต่ข้างในไม่มีเลือด ต้องดูอาการ 24 ชม. สามารถโต้ตอบได้ แต่ยังมีอาการมึนงง พูดไม่รู้เรื่อง หมอส่งท่านไปที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารัฐ ตอน 1 ทุ่ม ตนไม่รู้ว่าปัญหาภายในเป็นอย่างไร แต่ไม่อยากให้พระสนธยา หรือพี่ของตนเอง ต้องมาโดนแบบนี้อีก.-สำนักข่าวไทย