สุรินทร์ 12 ธ.ค. – ผู้นำชุมชนลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุสลด พ่อ-ลูก-หลาน 5 ชีวิต จมน้ำมูลดับ ขณะไปตักทรายมาปูกระเบื้องบ้าน เผยไม่มีทรายดูดตามกระแสข่าว
จากกรณีพ่อพาลูกสาวและหลาน ไปตักทรายริมน้ำมูล เพื่อนำไปเทปูนสร้างบ้าน คาดว่าเด็กถูกกระแสน้ำพัด สองพ่อลูกที่เป็นผู้ใหญ่ ลงไปช่วยเด็ก 3 คน แต่น้ำลึก จึงกอดคอกันจมน้ำเสียชีวิต
วันนี้ผู้นำชุมชนในพื้นที่และตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุบริเวณริมแม่น้ำมูล หมู่ 15 บ้านโคกกลาง ต.ชุมพลบุรี อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ พร้อมทดสอบลงน้ำพบว่าบางจุดเป็นเนินทราย บางจุดเป็นร่องน้ำลึก ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติที่เกิดจากกระแสน้ำไหล แต่ไม่พบลักษณะทรายดูดตามกระแสข่าว โดยจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝั่ง อ.สตึก และ อ.ชุมพลบุรี ประชาสัมพันธ์ พร้อมติดป้ายแจ้งเตือน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ส่วนที่ชาวบ้านมาตักเอาทรายตามริมมูลเป็นวิถีปกติ เพื่อไปใช้ประโยชน์ในครัวเรือน เอาไปปริมาณไม่เยอะ และไม่ได้เอาไปขายหรือเชิงธุรกิจ ผู้ดูแลจึงไม่ได้ห้าม
ส่วนที่บ้าน นายวิริยา หนึ่งในผู้เสียชีวิต ที่พาลูกและหลาน ไปตักทรายเพื่อมาปูกระเบื้องที่บ้าน พบบริเวณห้องครัวมีการปูกระเบื้องได้ประมาณ 3 แถวและยังพบอุปกรณ์ กระบะผสมปูนฉาบและกระเบื้องที่ยังอยู่ในกล่อง ภรรยาบอกว่าสามีทำงานเป็น อปพร. ส่วนตนรับจ้างทั่วไป ช่วงไหนมีเงินก็จะต่อเติมไปเรื่อย ๆ ล่าสุดกำลังปูกระเบื้องห้องครัว สามีจึงจะไปเอาทรายมาผสมปูนเพื่อปูกระเบื้องและอาจจะอยากพาลูกหลานไปเล่นน้ำด้วย ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุสลดแบบนี้ ส่วนเรื่องบ้านตั้งใจว่า หากหาเงินได้ก็จะจ้างช่างมาปูกระเบื้องให้เสร็จ สานต่อเจตนาของสามีต่อไป
ด้านนางสุนีย์อายุ 51 ปี ยายของ “น้องญาญ่า” นักเรียนชั้น ป.5 และ “น้องโฟม” นักเรียนชั้น ป.2 เล่าทั้งน้ำตา ยังทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียหลานทั้งสองไปพร้อมกันแต่ไม่ติดใจ เข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุเพราะคนที่พาไปพ่อลูกก็เสียชีวิตทั้งคู่ และที่ผ่านมาหลานก็ไปเล่นด้วยกันบ่อย หลานว่ายน้ำไม่เป็น คิดว่าอาจจะพากันลงไปเล่นน้ำแล้วพ่อลูกที่พาไปคงจะลงไปช่วยจนจมน้ำเสียชีวิตทั้งหมด เจ้าหน้าที่บอกว่าตอนที่เจอศพทั้งน้องญาญ่า และน้องโฟม หลานทั้งสองคนยังกอดกันอยู่เลย
ส่วนที่สำนักสงฆ์บูรพา ม.2 ต.กระสัง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ มีญาติพี่น้องและชาวบ้านมาแสดงความเสียใจและให้กำลังใจครอบครัวผู้สูญเสียอย่างต่อเนื่อง โดยญาติมีกำหนดจะประกอบพิธีฌาปนกิจศพเผากองฟอน ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้.-สำนักข่าวไทย