นายกฯ เยี่ยมผู้ประสบภัยน้ำท่วม จ.พิษณุโลก

พิษณุโลก 14 ต.ค.-นายกฯ ตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์น้ำ ณ บึงตะเคร็ง อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พูดคุยปัญหา ข้อจำกัด วิธีการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ พร้อมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์น้ำ ณ บึงตะเคร็ง อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พร้อมพูดคุยปัญหา ข้อจำกัด และวิธีการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่ โดยมีนายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย


นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ว่านายกรัฐมนตรีรับทราบรายงานภาพรวมการบริหารจัดการแม่น้ำน่าน-แม่น้ำยม และการบริหารจัดการน้ำ จ.พิษณุโลก รวมทั้งการบริหารจัดการน้ำบึงตะเคร็งทั้งระบบ จากนายชำนาญ ชูเที่ยง ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพิษณุโลก ซึ่งบึงตะเคร็งเป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ พื้นที่ 1,340 ไร่ มีศักยภาพในการเก็บกักน้ำไว้ใช้ประมาณ 13.54 ล้านลูกบาศก์เมตร และเป็นหนึ่งในพื้นที่แก้มลิงโครงการบางระกำโมเดล จุดเริ่มต้นจากอุทกภัยปี 2554 ซึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบอุทกภัย ที่ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก โดยให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยรูปแบบโมเดล มีการแบ่งงานเป็น 4 กลุ่ม เป็น 2P2R โดยในด้าน Prevention การป้องกันอย่างยั่งยืน ได้อนุมัติให้กรมชลประทานดำเนินการพัฒนาบึงขนาดใหญ่ในพื้นที่แม่น้ำยมฝั่งขวาของ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก โดยการพัฒนาแก้มลิง บึงตะเครง-บึงขี้แร้ง-บึงระมาณ สามารถเก็บกักน้ำได้รวม 30.74 ล้านลูกบาศก์เมตร และดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2558 ปัจจุบันกักเก็บน้ำได้รวม 17.76 ล้าน ลบ.ม./56%

หลังจากนั้นได้มีการต่อยอดและพัฒนารูปแบบของโครงการบางระกำโมเดล โดยนำข้อเสนอของเกษตรกรในพื้นที่ ในการปรับตัวการเพาะปลูกข้าวนาปีและวิถีชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มต่ำ โดยวางแผนการเพาะปลูกข้าวฤดูนาปีในพื้นที่ลุ่มต่ำเขตชลประทาน (พื้นที่ฝั่งซ้ายแม่น้ำยม) พื้นที่ประมาณ 265,000 ไร่ คลอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด 5 อำเภอ 21 ตำบล 97 หมูบ้าน โดยใช้ปริมาณน้ำต้นทุนจากเขื่อนสิริกิติ์ ให้เกษตรกรทำการพาะปลูกเร็วขึ้น จากเดิมที่เริ่มในเดือนพฤษภาคม มาเพาะปลูกเร็วขึ้นในเดือนเมษายน เพื่อให้เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิต ได้ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมก่อนฤดูน้ำหลาก และหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว เกษตรกรจะไม่ทำการเพาะปลูกต่อเนื่อง เพื่อใช้เป็นพื้นที่แก้มลิงธรรมชาติชั่วคราว เพื่อรองรับน้ำในฤดูน้ำหลาก สามารถหน่วงน้ำได้สูงสุดประประมาณ 400 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันรับน้ำเข้าทุ่งแล้ว พื้นที่ 172,543 ไร่ ปริมาณน้ำ 330 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 82%โดยกรมชลประทานดำเนินโครงการบางระกำโมเดล ตั้งแต่ปี 2560 ต่อเนื่องปีนี้ 2566 เป็นปีที่ 7


ทั้งนี้ จังหวัดขอรับการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน (1) โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเพิ่มศักยภาพการกักเก็บน้ำ พื้นที่ฝั่งขวา (นอกเขต ชป.) อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก และ (2) โครงการเพิ่มศักยภาพการหน่วงน้ำในพื้นที่โครงการบางระกำโมเดล พื้นที่ฝั่งซ้าย (ในเขต ชป.) สำหรับข้อเสนอแนะและความต้องการของเกษตรกร เช่น ต้องการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งซ่อมแซม ถนน และทางสัญจร ของหมู่บ้านที่ได้รับความเสียหายให้สามารถใช้งานได้ภายหลังสิ้นสุดการหน่วงน้ำ ต้องการให้ปรับปรุงยกระดับถนนเพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วมถนนเพื่อให้สามารถใช้สัญจรได้ในช่วงเกิดอุทกภัย รวมทั้งปรับปรุงท่อลอดถนน อาคารชลประทาน สิ่งกีดขวางทางน้ำ ต้องการให้ส่วนราชการช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายครัวเรือน หรือการส่งเสริมอาชีพในช่วงระยะเวลาที่หน่วงน้ำ เนื่องจากไม่สามารถประกอบอาชีพเสริมได้ ขาดรายได้ เป็นต้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความดีใจที่ได้มาพบกับประชาชนชาว อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก และได้รับทราบถึงการบริหารจัดการน้ำของบึงตะเคร็ง ซึ่งเป็นหนึ่งในแก้มลิงโครงการบางระกำโมเดล ซึ่งได้ยินถึงการดำเนินงานของบางระกำโมเดลมานานแล้ว ในการลดผลกระทบจากอุกภัยให้กับประชาชนในพื้นที่และประเทศไทยได้อย่างมาก ทั้งนี้ เข้าใจถึงความยากลำบากของประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยเป็นอย่างดี รวมถึงการต้องพัฒนาพื้นที่บึงตะเคร็งให้ดี และมีศักยภาพในการสร้างอาชีพเสริมให้กับประชาชนในพื้นที่ดีขึ้น ทั้งการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ เช่น กิจกรรมแข่งเจ็ตสกี ส่วนกรณีที่มีปัญหาเรื่องเงินชดเชยนั้น รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีจะพยายามดูแลเรื่องนี้ให้ดีที่สุด

พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้มอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ ต.ท่างาม ต.ชุมแสงสงคราม ต.คุยม่วง ต.วังอิทก และต.บางระกำเมืองใหม่ โดยมีประชาชนที่ประสบอุทกภัยเดินทางมารับถุงยังชีพครั้งนี้ จำนวน 700 ครัวเรือน รวมทั้งนายกรัฐมนตรีได้มอบหญ้าอาหารสัตว์พระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายงานโดยกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้กับประชาชนเพื่อเป็นอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงด้วย


จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางต่อไปยังชุมชนบ้านปากคลอง ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ พร้อมลงเรือเยี่ยมเยียนให้กำลังใจประชาชนที่ประสบอุทกภัยและมอบถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบอุทกภัยอีกด้วย โดยพื้นที่ดังกล่าวมีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 68 ครัวเรือน จากทั้งหมด 98 ครัวเรือนตั้งแต่ช่วงประมาณต้นเดือนตุลาคม 2566 โดยระดับน้ำเพิ่มขึ้นทุกวันซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจากจังหวัดสุโขทัยที่ผ่านมาต้องรับผลกระทบอยู่กับน้ำประมาณ 1 เดือน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย