ลำพูน 14 มิ.ย.- “พิธา” ยันไม่กังวล หลัง กกต.ไม่รับรองว่าที่ ส.ส.ก้าวไกล เชื่อไม่ส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนการโอนหุ้นทำในฐานะผู้จัดการมรดก พร้อมให้ความมั่นใจประชาชนที่เลือกก้าวไกลต้องขับเคลื่อนด้วยความหวังถ้ากลัวแล้ว ตามเกมอีกฝ่าย คือ แพ้
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวระหว่างการลงพื้นที่ขอบคุณชาวลำพูน ว่า ที่ไปลำปางเมื่อเช้าประชาชนให้การตอบรับดี ส่วนกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ยังไม่รับรอง ส.ส.เขต จำนวน 71 คน โดยมีของพรรคก้าวไกล 7 คนนั้น สอบถามทั้ง 7 คนแล้ว ก็ยังไม่มีใครทราบเหตุผล จึงต้องรอกระบวนการของ กกต.ก่อน เชื่อไม่มีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาล เพราะเป็นฝั่งของพรรคประมาณ 30 คน และอีกฝั่ง 41 คน ซึ่งหากทราบเหตุผลจะชี้แจงได้ จึงยังไม่มีเรื่องที่น่ากังวลใจ หรือทำให้การตั้งรัฐบาลสะดุดได้ ส่วนการเลือกประธานสภานั้นมีความคืบหน้าบ้าง พรรคก้าวไกลมองเป็นการพูดคุยภายในระหว่างพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล เพราะตำแหน่งประธานสภาเป็นตำแหน่งที่สำคัญต้องคำนึงถึงความเป็นกลาง
เมื่อถามว่าครบ 1 เดือนหลังเลือกตั้ง อยากเรียกร้องทาง กกต.หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนเองเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่ถ้าดูจากไอลอว์ที่เปรียบเทียบประเทศตุรกีให้ดู ที่มีการเลือกตั้งในช่วงเดียวกันก็ได้ทำงานแล้ว แต่ประเทศไทยยังใช้เวลาอยู่ แต่เข้าใจว่าระบบต่างกัน ต้องให้เวลา กกต. เพื่อให้ได้ความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ประชาชนคนไทยก็รอไม่ได้
เมื่อถามถึงเรื่องน้ำประปา ที่การประปานครหลวงขอขึ้นราคา นายพิธา กล่าวว่า ต้องพูดคุยกันเชิงลึก ทั้งการประปานครหลวง (กปน.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ซึ่งเท่าที่ดูก็ยังมีกำไร กระแสเงินสดดีอยู่ และมีทรัพย์สินกว่า 8 หมื่นล้าน แต่ต้องฟัง กปน. ก่อน พร้อมหาทางออกที่กระทบกับประชาชนน้อยที่สุด
เมื่อถามว่าจะให้ความมั่นใจกับคนที่เลือกพรรคก้าวไกลและนายพิธาอย่างไร ที่กังวลต่อสถานะการเป็นนายกรัฐมนตรีของนายพิธาอยู่ นายพิธา กล่าวว่า อยากให้มั่นใจ มีความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลไปเรื่อยๆ และคณะทำงานยังทำงานอยู่ การเดินหน้าในการแก้ปัญหาของประชาชนยังสำคัญ แม้มีขวากหนาม แต่ก็สามารถชี้แจงด้วยหลักฐานไม่น่าจะมีอะไรที่กังวลใจ พร้อมย้ำว่า ประเทศเราควรขับเคลื่อนด้วยความหวังมากกว่าความกลัว แน่นอนว่าอาจจะมีเกมการเมืองหลายเรื่องที่ทำให้กังวลใจและกลัว แต่ถ้าเรารู้สึกตามเข้าเมื่อไหร่คือเราแพ้ทันที เราจึงต้องมีความหวังตลอดเวลาเพราะทุกอย่างเป็นไปได้
ส่วนกรณีคำสั่งศาลให้จัดการหุ้น itv นั้น เป็นไปตามที่ ป.ป.ช. แจ้งไว้ ซึ่งยื่นบัญชีทรัพย์สินค่อนข้างรัดกุมและยังไม่เห็นว่า กกต.สังสัย หรืออยากพิจารณาอะไร ย้ำไม่รู้สึกหวั่นไหว หรือกังวลอะไร หากการตัดสินเป็นไปอย่างเที่ยงธรรม ทั้งศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ และศาลอาญา เชื่อมั่นชี้แจงได้แน่นอน ยืนยันเป็นการโอนหุ้น ไม่ใช่การขาย ส่วนการสละมรดกและการโอนมันคนละเรื่องกัน แต่ที่ยืนยันได้คือการโอนที่เกิดขึ้นทำให้ฐานะผู้จัดการมรดกไม่ใช่ในนามส่วนตัว เมื่อถามว่ามีการเก็บเอกสารต้นขั้วของศาลไว้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า อาจไม่มีเอกสารตรงนั้น เพราะมันเป็นเอกสารที่แต่งตั้งให้ตนเองเป็นผู้จัดการมรดกตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งล่วงเลยมา 16-17 ปีแล้ว แต่หาก กกต.ขอก็พร้อมชี้แจง ส่วนจะฟ้องกลับคนฟ้องเรื่องหุ้นหรือไม่ นายพิธา บอกว่าทีมกฎหมายกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ขอตัดสินใจอีกครั้ง .-สำนักข่าวไทย