ตรัง 19 ก.พ. – “นายติ๊ก” หนุ่มคลั่งยิงปืนขึ้นฟ้ามอบตัวแล้ว หลังตำรวจกดดันค้นหานาน 4 วัน โผเข้ากอดพ่อแม่และย่าทั้งน้ำตา คาดน้อยใจครอบครัว
วันนี้ (19 ก.พ.) มีการระดมกำลังตำรวจทั้ง 16 สภ. ใน จ.ตรัง และชุดตำรวจภูธรจังหวัดตรัง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนจังหวัดตรัง พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง (ชุดหนุมาน) รวมกำลังกว่า 150 นาย โดยแบ่งเป็นทั้งหมด 5 ชุด 5 เป้าหมาย ออกปฏิบัติการปูพรมค้นหาตัว นายอุกฤษ หรือติ๊ก อายุ 31 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดตรัง ข้อกล่าวหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว หรือไม่มีเหตุอันควร, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน, พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร, ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ”
หลังนายติ๊กยิงปืนขึ้นฟ้าช่วงเย็นวันที่ 15 ก.พ. จำนวน 1 นัด และช่วงเช้าวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา จำนวน 1 นัด รวมทั้งยิงปืนอีก 1 นัด เพื่อเปิดทางหนีการจู่โจมจับกุมของเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง (ชุดหนุมานตรัง)
เจ้าหน้าที่ระดมค้นหา โดยเฉพาะบริเวณบ้านนายติ๊ก ต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ค้นหาในสวนปาล์มน้ำมันซึ่งอยู่ใกล้บ้าน ภายในขนำ จากการระดมค้นหาตัวนายติ๊ก ร่วม 3 ชั่วโมง ปรากฏว่านายติ๊กได้เดินเข้าไปมอบตัวกับตำรวจ สภ.ห้วยยอด ซึ่งเป็นญาติที่บ้านอยู่ใกล้กัน พร้อมอาวุธปืน 1 กระบอก ขนาด 9 มม. เครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง ขณะที่ตำรวจกำลังระดมตรวจค้นพร้อมกัน 5 จุด หลังจากนั้นได้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ถอนกำลังทุกฝ่ายกลับ
เบื้องต้นพบสภาพนายติ๊กอิดโรย หิว ร้องไห้อยู่ตลอดเป็นระยะ ตำรวจเจรจาพูดคุย แต่ขอไม่ให้ผู้สื่อข่าวเข้ามาถ่ายภาพด้านในห้อง ให้บันทึกภาพจากด้านนอก เผยแค่ว่ากลัวผู้สื่อข่าว ไม่อยากตอบคำถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะในใจรู้สึกผิด จากนั้นพ่อแม่และย่าได้เข้ามาพบกับนายติ๊ก พร้อมโผเข้ากอดด้วยน้ำตานองหน้า
พล.ต.ต.เชาวลิต เลี้ยงสุพงศ์ ผบก.ภ.จว.ตรัง พร้อมด้วย พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร รอง ผบก.ภ.จว.ตรัง สอบปากคำนายติ๊กด้วยตนเอง พร้อมกับพ่อแม่และย่า
นายสวัสดิ์ พ่อของนายติ๊ก ยกมือไหว้พร้อมกล่าวขอบคุณตำรวจ เผยพอใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ช่วยกันระดมค้นหาลูกชายตนเองจนพบกลับมาอย่างปลอดภัย ส่วนสาเหตุนั้นมาจากลูกชายน้อยใจตนเกี่ยวกับธุรกิจเลี้ยงหมู ประกอบกับมีอาการซึมเศร้า ตลอดระยะเวลา 3 วัน เดินออกตามหาลูกชายตลอด หลังจากนี้ตนเองจะปรับปรุงตัว หันหน้าพูดคุยกันในครอบครัว
16 ก.พ. ชาวบ้านผวาหนุ่มคลั่งยิงปืนหลบหนี
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ห้วยยอด รับแจ้งนายติ๊ก อายุ 31 ปี เกิดอาการคลุ้มคลั่ง เดินไปมาบริเวณบ้านของตนเอง ภายในสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน และบริเวณเล้าหมู ซึ่งอยู่บริเวณหลังบ้าน พร้อมอาวุธปืน 3 กระบอก คือ อาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก, ปืนพกสั้น 2 กระบอก .38 และ 9 มม. โดยเจ้าหน้าที่และญาติพี่น้องพยายามเกลี้ยกล่อมมานานหลายชั่วโมง แต่ไม่ยอมออกมา พร้อมกับยิงปืนออกมาจากบริเวณสวนปาล์มใกล้เล้าหมู 1 นัด เจ้าหน้าที่ต้องกันชาวบ้านและญาติพี่น้องที่อยู่บริเวณใกล้เคียงให้ออกมาอยู่ในที่ปลอดภัย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดหนุมานตรังเข้าปิดล้อมบ้าน เพื่อควบคุมตัวให้เร็วที่สุด จนสามารถเข้าเคลียร์พื้นที่บริเวณเล้าหมูและภายในบ้านพักสำเร็จ แต่สุดท้ายคว้าน้ำเหลว นายติ๊กหลบหนีออกไปจากบริเวณดังกล่าว สร้างความกังวลให้กับชาวบ้านและญาติพี่น้องในพื้นที่เป็นอย่างมาก เพราะกลัวความไม่ปลอดภัย
ขณะเดียวกันที่โรงเรียนบ้านซา ต.บางดี ซึ่งอยู่ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 300 เมตร คณะครูเร่งปล่อยตัวนักเรียนระดับชั้นอนุบาลถึง ป.6 รวม 150 คน ครูประมาณ 10 คน เร่งประสานผู้ปกครองให้มารับนักเรียนกลับบ้านในทันที หลังได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ว่ามีชายคลุ้มคลั่งถืออาวุธปืนอาละวาดในหมู่บ้าน
17 ก.พ. พ่อแม่วอนตำรวจเปิดทางให้ลูกกลับบ้าน
วันรุ่งขึ้น 17 ก.พ. พ่อแม่ของนายติ๊กออกมาพูดฝากไปถึงลูกชายผ่านสื่อ หลังขณะอยู่ระหว่างการหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ บอกว่า อยากให้ลูกกลับบ้าน ขอให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกไป เพื่อเปิดทางให้ลูกกลับบ้านอีกครั้ง จะได้พูดจาสื่อสารกัน ตอนนี้กำลังหนีเตลิดเพราะตกใจเจ้าหน้าที่ ลูกชายไม่ได้ร้ายถึงขนาดนั้น เพียงแต่น้อยใจครอบครัว จึงขอโอกาสให้ลูกชายกลับมา โดยแม่ยกมือไหว้ฝากขอโทษลูกชายทั้งน้ำตา
จนช่วงเย็นวันที่ 17 ก.พ. เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรังถอนกำลังออก โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดสายสืบ และฝ่ายปกครอง ดูแลพื้นที่ ตามคำร้องขอ
ขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามลงพื้นที่ตามที่ชาวบ้านแจ้งว่าพบเห็นนายติ๊กผ่านไป เช่น พื้นที่ ต.หนองช้างแล่น เขตรอยต่อ ต.บางดี แต่เมื่อไปตรวจสอบไม่พบแต่อย่างใด จนนายติ๊กเดินเข้ามอบตัวเอง.-สำนักข่าวไทย