ปทุมธานี 19 ก.พ. – ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับ อย. ทลายโรงงานผลิตลูกชิ้นเถื่อน ส่งทั่วกรุงเทพฯ-ปริมณฑล กว่า 41 แห่ง ยึดของกลางกว่า 20 รายการ
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา แถลงผลการปฏิบัติงานทลายโรงงานลูกชิ้นเถื่อน ย่าน ต.คลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตรวจยึดอายัดของกลางกว่า 20 รายการ
หลังจากเมื่อประมาณปลายเดือนมกราคม 2565 มีเด็ก 6 คน รับประทานไส้กรอกไม่มียี่ห้อแล้วคลื่นไส้ เวียนศีรษะ หายใจเร็ว จนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่จึงสอบสวนขยายผลสืบหาแหล่งผลิต และนำกำลังเข้าตรวจค้นโรงงานแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ยึดอายัดของกลางได้ 32 รายการ มูลค่ากว่า 700,000 บาท
จากเหตุการณ์ดังกล่าวจึงนำมาสู่การมาตรการเชิงรุก เพื่อป้องกันเหตุไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีก โดยมีการติดตามเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อาหารที่มีความเสี่ยงต่อผู้บริโภคที่อาจซื้อมารับประทานและได้รับอันตรายแก่ร่างกายหรือเสียชีวิต
ต่อมาจากการสืบสวนหาข่าวพบว่ามีโรงงานผลิตลูกชิ้นเถื่อนแห่งหนึ่ง ย่าน จ.ปทุมธานี มีการลักลอบผลิตลูกชิ้นหมูจำนวนมากในสถานที่ไม่ถูกสุขลักษณะ แพ็กบรรจุส่งขายตามตลาดนัดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล หลายแห่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงพื้นที่สืบสวนจนทราบถึงแหล่งผลิตลูกชิ้นดังกล่าว
จากนั้นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 สนธิกำลังเข้าตรวจค้นโกดังเก่าที่ดัดแปลงเป็นโรงงานผลิตลูกชิ้น หมู่ 2 ต.คลอง 4 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พบนายสัมฤทธิ์ แสดงตัวเป็นเจ้าของกิจการผลิตภัณฑ์ลูกชิ้นยี่ห้อหนึ่ง
โดยตรวจยึดของกลาง ได้แก่ 1.ผลิตภัณฑ์ลูกชิ้นบรรจุถุง กว่า 30 ถุง 2.เนื้อไก่และเนื้อหมูสดที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต 3.Sodium benzoate (วัตถุกันเสีย) จำนวน 12 กิโลกรัม 4.บรรจุภัณฑ์และส่วนผสมต่างๆ ที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 กว่า 20 รายการ รวมถึงได้ปิดโรงงานและอายัดผลิตภัณฑ์ลูกชิ้น เนื้อสัตว์ที่กำลังแปรรูป ส่วนผสมต่างๆ และเครื่องจักรในการผลิต อีก 3 รายการ
การตรวจค้นครั้งนี้ยังพบอีกว่ากระบวนการผลิตลูกชิ้นหมูดังกล่าวขาดสุขลักษณะ ไม่ผ่านเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด โดยผลิตภัณฑ์ลูกชิ้นหมูที่มีการโฆษณาว่าเป็นเนื้อหมูแท้นั้น เจ้าของโรงงานลักลอบนำเนื้อไก่มาผสมกับเนื้อหมู เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการผลิต ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิด และอาจซื้อไปบริโภคได้โดยไม่ทราบถึงส่วนผสมที่แท้จริงของอาหารที่รับประทานเข้าไป
จากการตรวจสอบสถานที่ผลิตแห่งนี้ตามหลักเกณฑ์ GMP พบว่าไม่ผ่านเกณฑ์ และโรงงานดังกล่าวไม่มีการควบคุมการผลิตในกรณีที่มีการใช้วัตถุเจือปนอาหารอย่างเหมาะสม อีกทั้งขั้นตอนการผลิตไม่เข้าข่ายโรงงานตามกฎหมาย โดยจากการนำส่วนผสมที่พบในโรงงานมาตรวจสอบกับชุดทดสอบสารปนเปื้อนบอแรกซ์ในเบื้องต้นพบผลเป็นบวก สันนิษฐานว่าผลิตภัณฑ์ลูกชิ้นที่ผลิตในโรงงานดังกล่าวอาจมีสารบอแรกซ์ปนเปื้อนอยู่ในลูกชิ้นที่ส่งขายให้กับผู้บริโภค
นายสัมฤทธิ์รับสารภาพว่า ผลิตลูกชิ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก อย. และ สสจ.ปทุมธานี โดยลูกชิ้นหมูยี่ห้อดังกล่าวไม่แสดงเลขสารบบอาหาร (ไม่ผ่าน อย.) โดยเนื้อหมูและเนื้อไก่ที่ใช้เป็นวัตถุดิบ นายสัมฤทธิ์ซื้อมาจากตลาดนัดทั่วไป ส่วน Sodium benzoate (วัตถุกันเสีย) ซื้อมาจากร้านค้าแห่งหนึ่งย่านเขตจตุจักร กรุงเทพฯ จากนั้นจะนำส่วนผสมต่างๆ มาผลิตเป็นลูกชิ้นที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งขายให้ลูกค้าตามตลาดสดในพื้นที่กรุงเทพฯ ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ กว่า 41 แห่ง รับว่าทำมาแล้วเป็นเวลา 2 ปี โดยจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลูกชิ้นวันละประมาณ 300-800 กิโลกรัม
จากการตรวจสอบบัญชีลูกค้าเพิ่มเติมพบหลักฐานบิลใบเสร็จลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 มีการส่งลูกชิ้นไปยังโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง ใน จ.ปทุมธานี จำนวน 65 กิโลกรัม เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งประสานไปยังโรงเรียนดังกล่าวให้งดการนำลูกชิ้นหมูดังกล่าวมาประกอบอาหารให้กับเด็กนักเรียนแล้ว
เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 โดย 1.ฐาน “ผลิตอาหารปลอม” ระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงหนึ่งแสนบาท
2.ฐาน “ผลิตเพื่อจำหน่ายอาหาร โดยสถานที่ผลิตอาหารไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการผลิตที่ดี (GMP)” ระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท 3.ฐาน “ผลิตเพื่อจำหน่ายอาหารที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง” ระวางโทษปรับไม่เกินสามหมื่นบาท
ทั้งนี้ ได้เก็บตัวอย่างอาหารเพื่อส่งตรวจวิเคราะห์หาสารบอแรกซ์ ชนิดและปริมาณวัตถุกันเสีย และจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หากพบสารต้องห้ามในอาหารเพิ่มเติม จะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 ฐาน “ผลิตอาหารไม่บริสุทธิ์” ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.-สำนักข่าวไทย