ตรวจสอบหอพัก นร.หญิงวัย 13 ที่ถูกล่อลวงมอมเหล้า

เชียงใหม่ 6 ธ.ค. – เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งสอบสวนและหาพยานหลักฐานคดีกลุ่มคนที่ล่อลวงเด็กนักเรียนหญิงวัย 13 ปี จากหอพักในโรงเรียนที่ จ.เชียงใหม่ ไปมอมเหล้าจนหมดสติ เพื่อเชื่อมโยงขบวนการค้าประเวณี พบมีเด็กหญิงใน 3 โรงเรียนเป็นกลุ่มเสี่ยงกว่า 100 คน ขณะที่โรงเรียนยืนยันมีมาตรการดูแลรัดกุม แต่กลับพบถุงยางใช้แล้วเกลื่อนใกล้หอพัก


สภาพของหอพักนักเรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นอาคาร 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ 3 หลัง แยกเป็นหอพักสำหรับเด็กชาย 30 คน 1 หลัง และหอพักเด็กหญิง 55 คน อีก 2 หลัง มีบ้านพ่อบ้านแม่บ้านคั่นตรงกลาง

ผู้บริหารโรงเรียน ยืนยันว่า เหตุนักเรียนหญิงชั้น ม.1 วัย 13 ปี ถูกกลุ่มคนล่อลวงจากหอพักไปมอมเหล้าจนหมดสติ ตื่นมามีผู้ชายนอนข้างๆ เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในเกือบ 60 ปีที่ตั้งโรงเรียนมา เพราะมีมาตรการดูแลรัดกุม โดยพ่อบ้านแม่บ้านและนักเรียนหัวหน้าชั้น เช็กจำนวนเด็กก่อนเข้านอน และในช่วงเช้าก่อนทำกิจกรรม เหตุที่เกิดขึ้นเพราะมีการลักลอบนำโทรศัพท์เข้ามาใช้ กลายเป็นช่องให้คนภายนอกล่อลวงได้ ซึ่งได้กำชับครูให้เพิ่มการดูแลเด็ก และจะเรียกประชุมผู้ปกครอง เพื่อทำความเข้าใจระเบียบ รวมทั้งติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่ม เพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอย โดยรู้สึกเสียใจและขอประณามการกระทำของกลุ่มคนที่ล่อลวงเด็ก


อย่างไรก็ตาม สภาพของโรงเรียนมีช่องทางให้ลัดเลาะออกจากโรงเรียนได้หลายช่องทาง ทำให้ยากต่อการดูแล และบริเวณด้านหลังหอพักชาย ทีมข่าวยังพบเศษซองและถุงยางอนามัยใช้แล้วเกลื่อน ซึ่งตำรวจได้เก็บภาพไว้เป็นหลักฐานแล้ว รวมทั้งพยายามสอบปากคำหญิงเจ้าของร้านน้ำปั่นและเพื่อนชาย ซึ่งเป็นผู้ล่อลวงเด็กหญิงวัย 13 ปี ไปมอมเหล้า แต่ยังให้การปฏิเสธ และไม่ให้ข้อมูลใดๆ ทั้งนี้ มีการตรวจสอบโทรศัพท์หาข้อมูลการชักชวนเด็ก ซึ่งในพื้นที่มีเด็กหญิงในหอพักกินนอนในโรงเรียนถึง 3 แห่ง รวมกว่า 100 คน กลายเป็นกลุ่มเสี่ยง

โดยทางคดีแจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์ชายที่พบนอนข้างเด็กหญิง ซึ่งต้องรอผลตรวจร่างกาย รวมทั้งคำให้การของเด็กหญิง ม.1 วัย 13 ปี ผู้เสียหาย และรุ่นพี่ ม.2 ที่ชักชวน ซึ่งได้นำตัวให้สหวิชาชีพสอบในวันนี้ โดยเด็กหญิงมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้น ขณะที่พ่อของเด็กหญิงเชื่อว่าลูกสาวถูกมอมยา โดยเฉพาะยาแฮปปี้ ที่เพิ่มฤทธิ์แอลกอฮอล์ ซึ่งระบาดตามแนวชายแดน แต่ต้องรอผลการตรวจร่างกายที่ชัดเจนก่อน ยืนยันจะดำเนินคดีกับขบวนการนี้ให้ถึงที่สุด. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกเอกราช

ศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท

ลูกนายกเบี้ยว

“อนุทิน” ลั่นต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว”

“อนุทิน” ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าผม ต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว” ฮึ่มเป็นลูกใครทำผิดกฎหมายก็โดน ถามใหญ่กว่าผมไหม ถ้าไม่ใช่ก็โดนหมด

สลด แม่คลอดลูกเสร็จ ไปเล่นสงกรานต์ต่อ ปล่อยเด็กตาย

สลด สาววัย 27 ปี คลอดลูกทิ้งไว้ข้างกระถางต้นไม้ แล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์ต่อ นานกว่า 1 ชม. มีคนแจ้งกู้ภัย พยายามปั๊มหัวใจ แต่ช่วยเด็กไม่ทัน

ผู้ป่วยแจ้งกู้ภัยเข้ามาช่วย แต่บอกบ้านเลขที่ผิด สุดท้ายเสียชีวิต

สลด หญิงวัย 54 ปี หายใจไม่ออกโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าแจ้งบ้านเลขที่ผิด เจ้าหน้าที่หลงทาง สุดท้ายไปไม่ทัน เสียชีวิตอยู่ข้างแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง พบทั้งบ้านมีกองขยะสูงเท่าหลังคา

ข่าวแนะนำ

“นายกเบี้ยว” พาลูกเข้ารับทราบข้อกล่าวหา-ตร.ยัน “พีช” เจตนาทำผิดอาญา

กรณี “พีช” ลูกนายกเบี้ยว ขับรถหรูปาดหน้าชนกระบะลุงป้า ตำรวจ สภ.ลำลูกกา ยืนยันพฤติการณ์ไม่ใช่แค่ขับรถประมาท แต่เจตนาทำผิดคดีอาญา และโดนแจ้งข้อหาขับรถไม่มีใบอนุญาต เนื่องจากใบขับขี่หมดอายุตั้งแต่ปี 64 ขณะที่ล่าสุด “นายกเบี้ยว” พาลูกชายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว

“ชัชชาติ” รับหลักฐานบางส่วนเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

“ชัชชาติ” นำทีม กทม. พบ นายกฯ รายงานคืบหน้ากู้ซากอาคาร สตง. ถล่ม ย้ำ รัฐ-เอกชน ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ขาดเหลือด้านใด เผย นายกฯ ติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่อง พร้อมให้ความร่วมมือตำรวจเก็บหลักฐาน แนะ ไปหน้างานประสานเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานได้เลย ยอมรับ หลักฐานบางส่วนพังเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

ปิดเขาล้อมจับมือปืนลำดับ 93 หนีคดี 10 ปี

ปฏิบัติการบุกขึ้นเขาปิดล้อม จับกุมมือปืนคนสำคัญ ลำดับ 93 ค่าหัว 1 แสนบาท ก่อเหตุอุกอาจหนีคดีมา 10 ปี แต่สุดท้ายไม่รอดมือตำรวจ