นนทบุรี 7 พ.ย. – สาวซื้อรถมือสองจากเต็นท์ ขับออกไปไม่ถึง 100 เมตร ล้อหลุดชนร้านสเต็กริมทางเสียหาย เต็นท์อ้างยกเลิกสัญญาไม่ได้ ตรวจสภาพพบรถพังยกคัน คัสซีคดเหมือนผ่านการชนมาอย่างหนัก ล้อทั้ง 4 ไร้นอตยึด
ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ (ทนายคลายทุกข์) พร้อมนางสาววรรณพิชา อายุ 23 ปี ผู้เสียหาย จากกรณีถูกเต็นท์รถมือสองแห่งหนึ่ง ย่านปากเกร็ด หลอกขายรถกระบะมือสอง สภาพไม่พร้อมใช้งาน โดยนางสาววรรณพิชา เล่าว่า ตนเองไปซื้อรถมือสองจากเต็นท์รถแห่งหนึ่ง ย่านปากเกร็ด โดยได้นัดดูรถประมาณ 21.00 น. ของวัน 31 สิงหาคม 2565 ก่อนตกลงซื้อขายในราคา 409,000 บาท จ่ายค่าจองรถ ณ วันนั้น 5,000 บาท และตกลงการชำระ ผ่านไฟแนนซ์ 9,906 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 60 งวด แต่เมื่อกำลังจะนำรถกลับบ้าน จึงเดินไปเปิดประตู เพื่อขึ้นรถ ปรากฏว่า คอนโซลตรงประตูฝั่งคนขับหลุดลงมา ทางร้านจึงจัดการซ่อมให้ทันที เมื่อซ่อมเสร็จจึงขับรถออกมาจากเต็นท์ ได้ประมาณ 100 เมตร ได้ยินเสียงคล้ายอุปกรณ์บางอย่างภายในรถหัก จากนั้น เห็นล้อรถด้านหน้าซ้ายของตนเอง วิ่งนำหน้ารถไป ก่อนพุ่งชนร้านสเต็กริมทางเสียหาย ตัวรถก็ครูดไปกับผิวจราจรจนเกิดประกายไฟ สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนและลูกค้าร้านสเต็ก หลังรถจอดสนิท จึงลงมาตรวจสอบและโทรศัพท์แจ้งเซลล์ของเต็นท์ ทางเต็นท์จึงส่งรถลากมานำรถกลับไปที่เต็นท์ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่มาเจรจาค่าเสียหายกับร้านสเต็ก พร้อมรับปากจะชดใช้ค่าเสียหายกับร้านสเต็ก
โดยในระหว่างที่เกิดเหตุ หนึ่งในลูกค้าของร้านสเต็กริมทาง มีเซลล์ขายรถมือหนึ่งยี่ห้อดัง เลยแนะนำว่า รถแบบนี้สภาพไม่พร้อมใช้งาน ต้องยกเลิกสัญญาทันที แต่ตนเองไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายข้อนี้ จึงขอร้องให้เซลล์คนดังกล่าวไปเป็นเพื่อน ซึ่งเซลล์คนนี้สงสารตนเอง จึงยอมไปเป็นเพื่อน เพื่อช่วยเจรจา แต่ทางเต็นท์รถปฏิเสธจะคุยกับเซลล์ ยืนยันว่า จะคุยกับลูกค้าของเต็นท์เท่านั้น ตนเองจึงขอยกเลิกสัญญา คืนรถได้หรือไม่ เพราะไม่กล้าขับแล้ว แต่ทางเต็นท์ปฏิเสธ โดยอ้างว่า “สัญญาเกิดขึ้นแล้ว ยกเลิกไม่ได้” แต่เนื่องจากตนเองและสามี มีความเสี่ยงสูง แม้ร้านจะเปลี่ยนรถให้ไม่ได้ แต่สามารถเปลี่ยนประกันจากชั้นสองเป็นชั้นหนึ่งได้ทันที ตนเองจึงจำใจต้องขับรถคันดังกล่าวกลับบ้าน ที่ จ.ชลบุรี ระหว่างทางฝนตก ปรากฏว่า ตนเองกับสามีเปียกฝน เพราะรถหลังคารั่ว
ต่อมา ประมาณ 1 เดือน ทางร้านสเต็กโทรศัพท์ไปต่อว่าตนเองกับสามี ว่าไม่มาชดใช้ค่าเสียหาย หากไม่มาชดใช้ เจ้าของร้านสเต็กจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับสามีของตนเอง ในฐานะคนขับรถและเจ้าของรถ ตนเองจึงติดต่อมาหาเต็นท์ เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าว แต่ได้รับคำตอบจากเต็นท์ว่า “รถมีประกันชั้น 1 แล้ว ก็ให้ประกันจัดการไป ทำไมต้องให้เต็นท์จ่าย” หลังจากนั้นตนเองรู้สึกกังวลว่าสามีจะตกเป็นผู้ต้องหา จึงไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ปากเกร็ด และตัดสินใจเข้ามาปรึกษาที่สำนักงานทนายคลายทุกข์ ของทนายเดชา ว่าจะสามารถยกเลิกสัญญาได้หรือไม่ โดยทนายเดชา ได้แนะนำให้นำรถคันดังกล่าว ไปตรวจสภาพรถที่ศูนย์บริการ และประเมินราคาใหม่ ปรากฏว่า ทางศูนย์บริการแจ้งว่า “รถพังยกคัน” คัสซีคด น่าจะเกิดจากรถถูกชนอย่างหนัก ประกอบกับตัวรถทั้งคันเป็นสนิม เชื่อว่าอาจจะจมน้ำมาก่อน ส่วนสาเหตุที่ล้อหลุด เนื่องจากล้อทั้ง 4 ไม่มีนอตยึดติดไว้ และจนถึงขนาดนี้เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้ว ยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางเต็นท์รถอีกเลย
ด้านทนายเดชา เผยว่า กรณีดังกล่าวอาจมีความผิดฐานขายของโดยหลอกลวง คุณภาพของอันเป็นเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 หรือ การขายของอันหลอกลวงคุณภาพอันเป็นเท็จ ซึ่งกรณีนี้ผู้เสียหายสามารถนำรถไปคืนเต็นท์ ขอเงินคืน พร้อมเรียกค่าเสียหายได้ เพราะกรณีเช่นนี้ ศาลฎีกา เคยตัดสินแล้วว่า ถ้าหากได้รถเสื่อมคุณภาพ ไม่เป็นไปตามความประสงค์ของผู้ ถือว่าผิดสัญญาซื้อขาย ไฟแนนซ์จะต้องรับผิดชอบ ในฐานะผู้ได้รับผลประโยชน์จากดอกเบี้ยตามสัญญาเช่าชื้อ จะอ้างว่า เป็นความผิดของเต็นท์ไม่ได้
กรณีเช่นนี้ สคบ. ต้องเข้ามาตรวจสอบเรื่องการขายรถมือสอง ให้การขายรถมือสองเป็นไปตามกฎหมาย และฝ่ายปกครอง จ.นนทบุรี ต้องเข้ามาตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องใบอนุญาตค้าของเก่า และสิ่งที่สำคัญ ต้องตรวจสอบกลับไปที่กรมการขนส่งทางบก ว่า ผ่านการตรวจสภาพรถคันนี้มาได้อย่างไร และจากการตั้งข้อสังเกตยังพบเรื่องของทะเบียนรถยนต์ ที่รถอายุ มากกว่า 10 ปี ที่อักษรตัวหน้าทะเบียนรถควรจะเป็นหมวดตัวอักษรสองตัวแต่กลับใช้ทะเบียนที่มีตัวเลขนำหน้า ซึ่งเป็นทะเบียนใหม่ และจากสำเนาเล่มรถ ยังพบว่ามีการจดทะเบียนในปี 2563 อาจจะมีการเลี่ยงการตรวจสอบประวัติของรถหรือไม่ รวมถึงในสำเนาเล่มรถยังพบว่าไฟแนนซ์ล่าสุดที่มีการถือกรรมสิทธิ์ของรถคันนี้ เป็นลำดับที่ 10 จึงเชื่อว่ารถคันนี้ผ่านการใช้มาหลายมือและอาจจะอยู่ในสภาพที่ใช้งานหนักจนมากลายเป็นสภาพนี้
หลังการแถลงข่าวผู้เสียหายได้เดินทางไปยัง สภ.ปากเกร็ด เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเต็นท์รถมือสองในข้อหา ขายของโดยหลอกลวง คุณภาพของอันเป็นเท็จ ตาม มาตรา 271 ซึ่งหลังจากพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ ก่อนพาผู้เสียหาย ไปยังเต็นท์รถมือสอง เพื่อทำการเจรจาขอยกเลิกสัญญา
การเจรจาในวันนี้ มีตำรวจสายตรวจ สภ.ปากเกร็ด เป็นตัวกลาง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนที่ผู้เสียหายจะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ในวันนี้ยังไม่มีการเจรจาเนื่องจากเจ้าของเต็นท์ไปทำธุระต่างจังหวัดเป็นเวลา 3 วัน ทางเต็นท์นัดเจรจาอีกครั้งในวันเสาร์ที่ 12 พ.ย. นี้ เวลา 13.00 น. เป็นเจรจาร่วมกันระหว่าง 3 ฝ่าย คือ ฝั่งของผู้เสียหายซึ่งมีทนายเดชาเป็นแกนนำ ฝั่งธนาคารเจ้าของไฟแนนซ์ และเจ้าของเต็นท์รถ โดยมีตำรวจ สภ.ปากเกร็ด เจ้าของสำนวนคดีเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยเบื้องต้น
ส่วนตัวได้เสนอข้อเรียกร้องไปแล้วว่าขอยกเลิกสัญญาการซื้อขายรถคันดังกล่าวพร้อมขอค่าจองคืนและเรียกร้องค่าเสียหายจำนวนหนึ่ง และสิ่งที่ผู้จัดการเต็นท์กับเซลล์ขายรถพูดกับตนในวันนี้ ไม่ดีเลย รู้สึกแย่มาก ว่าทำไมซื้อรถคันแรก หวังนำมาใช้งานสร้างเนื้อสร้างตัว แต่กลับต้องนำไปจอดทิ้งไร้ประโยชน์และต้องเป็นหนี้ถึงเกือบครึ่งล้าน หากเต็นท์จะเปลี่ยนรถคันใหม่ให้ ไม่ขอรับ ไม่รับเปลี่ยนโดยเด็ดขาด .-สำนักข่าวไทย