ร้องเอาผิดซื้อรถมือสองสภาพไม่พร้อมใช้งาน

นนทบุรี 7 พ.ย. – สาวซื้อรถมือสองจากเต็นท์ ขับออกไปไม่ถึง 100 เมตร ล้อหลุดชนร้านสเต็กริมทางเสียหาย เต็นท์อ้างยกเลิกสัญญาไม่ได้ ตรวจสภาพพบรถพังยกคัน คัสซีคดเหมือนผ่านการชนมาอย่างหนัก ล้อทั้ง 4 ไร้นอตยึด


ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ (ทนายคลายทุกข์) พร้อมนางสาววรรณพิชา อายุ 23 ปี ผู้เสียหาย จากกรณีถูกเต็นท์รถมือสองแห่งหนึ่ง ย่านปากเกร็ด หลอกขายรถกระบะมือสอง สภาพไม่พร้อมใช้งาน โดยนางสาววรรณพิชา เล่าว่า ตนเองไปซื้อรถมือสองจากเต็นท์รถแห่งหนึ่ง ย่านปากเกร็ด โดยได้นัดดูรถประมาณ 21.00 น. ของวัน 31 สิงหาคม 2565 ก่อนตกลงซื้อขายในราคา 409,000 บาท จ่ายค่าจองรถ ณ วันนั้น 5,000 บาท และตกลงการชำระ ผ่านไฟแนนซ์ 9,906 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 60 งวด แต่เมื่อกำลังจะนำรถกลับบ้าน จึงเดินไปเปิดประตู เพื่อขึ้นรถ ปรากฏว่า คอนโซลตรงประตูฝั่งคนขับหลุดลงมา ทางร้านจึงจัดการซ่อมให้ทันที เมื่อซ่อมเสร็จจึงขับรถออกมาจากเต็นท์ ได้ประมาณ 100 เมตร ได้ยินเสียงคล้ายอุปกรณ์บางอย่างภายในรถหัก จากนั้น เห็นล้อรถด้านหน้าซ้ายของตนเอง วิ่งนำหน้ารถไป ก่อนพุ่งชนร้านสเต็กริมทางเสียหาย ตัวรถก็ครูดไปกับผิวจราจรจนเกิดประกายไฟ สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนและลูกค้าร้านสเต็ก หลังรถจอดสนิท จึงลงมาตรวจสอบและโทรศัพท์แจ้งเซลล์ของเต็นท์ ทางเต็นท์จึงส่งรถลากมานำรถกลับไปที่เต็นท์ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่มาเจรจาค่าเสียหายกับร้านสเต็ก พร้อมรับปากจะชดใช้ค่าเสียหายกับร้านสเต็ก

โดยในระหว่างที่เกิดเหตุ หนึ่งในลูกค้าของร้านสเต็กริมทาง มีเซลล์ขายรถมือหนึ่งยี่ห้อดัง เลยแนะนำว่า รถแบบนี้สภาพไม่พร้อมใช้งาน ต้องยกเลิกสัญญาทันที แต่ตนเองไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายข้อนี้ จึงขอร้องให้เซลล์คนดังกล่าวไปเป็นเพื่อน ซึ่งเซลล์คนนี้สงสารตนเอง จึงยอมไปเป็นเพื่อน เพื่อช่วยเจรจา แต่ทางเต็นท์รถปฏิเสธจะคุยกับเซลล์ ยืนยันว่า จะคุยกับลูกค้าของเต็นท์เท่านั้น ตนเองจึงขอยกเลิกสัญญา คืนรถได้หรือไม่ เพราะไม่กล้าขับแล้ว แต่ทางเต็นท์ปฏิเสธ โดยอ้างว่า “สัญญาเกิดขึ้นแล้ว ยกเลิกไม่ได้” แต่เนื่องจากตนเองและสามี มีความเสี่ยงสูง แม้ร้านจะเปลี่ยนรถให้ไม่ได้ แต่สามารถเปลี่ยนประกันจากชั้นสองเป็นชั้นหนึ่งได้ทันที ตนเองจึงจำใจต้องขับรถคันดังกล่าวกลับบ้าน ที่ จ.ชลบุรี ระหว่างทางฝนตก ปรากฏว่า ตนเองกับสามีเปียกฝน เพราะรถหลังคารั่ว


ต่อมา ประมาณ 1 เดือน ทางร้านสเต็กโทรศัพท์ไปต่อว่าตนเองกับสามี ว่าไม่มาชดใช้ค่าเสียหาย หากไม่มาชดใช้ เจ้าของร้านสเต็กจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับสามีของตนเอง ในฐานะคนขับรถและเจ้าของรถ ตนเองจึงติดต่อมาหาเต็นท์ เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าว แต่ได้รับคำตอบจากเต็นท์ว่า “รถมีประกันชั้น 1 แล้ว ก็ให้ประกันจัดการไป ทำไมต้องให้เต็นท์จ่าย” หลังจากนั้นตนเองรู้สึกกังวลว่าสามีจะตกเป็นผู้ต้องหา จึงไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ปากเกร็ด และตัดสินใจเข้ามาปรึกษาที่สำนักงานทนายคลายทุกข์ ของทนายเดชา ว่าจะสามารถยกเลิกสัญญาได้หรือไม่ โดยทนายเดชา ได้แนะนำให้นำรถคันดังกล่าว ไปตรวจสภาพรถที่ศูนย์บริการ และประเมินราคาใหม่ ปรากฏว่า ทางศูนย์บริการแจ้งว่า “รถพังยกคัน” คัสซีคด น่าจะเกิดจากรถถูกชนอย่างหนัก ประกอบกับตัวรถทั้งคันเป็นสนิม เชื่อว่าอาจจะจมน้ำมาก่อน ส่วนสาเหตุที่ล้อหลุด เนื่องจากล้อทั้ง 4 ไม่มีนอตยึดติดไว้ และจนถึงขนาดนี้เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้ว ยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางเต็นท์รถอีกเลย

ด้านทนายเดชา เผยว่า กรณีดังกล่าวอาจมีความผิดฐานขายของโดยหลอกลวง คุณภาพของอันเป็นเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 หรือ การขายของอันหลอกลวงคุณภาพอันเป็นเท็จ ซึ่งกรณีนี้ผู้เสียหายสามารถนำรถไปคืนเต็นท์ ขอเงินคืน พร้อมเรียกค่าเสียหายได้ เพราะกรณีเช่นนี้ ศาลฎีกา เคยตัดสินแล้วว่า ถ้าหากได้รถเสื่อมคุณภาพ ไม่เป็นไปตามความประสงค์ของผู้ ถือว่าผิดสัญญาซื้อขาย ไฟแนนซ์จะต้องรับผิดชอบ ในฐานะผู้ได้รับผลประโยชน์จากดอกเบี้ยตามสัญญาเช่าชื้อ จะอ้างว่า เป็นความผิดของเต็นท์ไม่ได้

กรณีเช่นนี้ สคบ. ต้องเข้ามาตรวจสอบเรื่องการขายรถมือสอง ให้การขายรถมือสองเป็นไปตามกฎหมาย และฝ่ายปกครอง จ.นนทบุรี ต้องเข้ามาตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องใบอนุญาตค้าของเก่า และสิ่งที่สำคัญ ต้องตรวจสอบกลับไปที่กรมการขนส่งทางบก ว่า ผ่านการตรวจสภาพรถคันนี้มาได้อย่างไร และจากการตั้งข้อสังเกตยังพบเรื่องของทะเบียนรถยนต์ ที่รถอายุ มากกว่า 10 ปี ที่อักษรตัวหน้าทะเบียนรถควรจะเป็นหมวดตัวอักษรสองตัวแต่กลับใช้ทะเบียนที่มีตัวเลขนำหน้า ซึ่งเป็นทะเบียนใหม่ และจากสำเนาเล่มรถ ยังพบว่ามีการจดทะเบียนในปี 2563 อาจจะมีการเลี่ยงการตรวจสอบประวัติของรถหรือไม่ รวมถึงในสำเนาเล่มรถยังพบว่าไฟแนนซ์ล่าสุดที่มีการถือกรรมสิทธิ์ของรถคันนี้ เป็นลำดับที่ 10 จึงเชื่อว่ารถคันนี้ผ่านการใช้มาหลายมือและอาจจะอยู่ในสภาพที่ใช้งานหนักจนมากลายเป็นสภาพนี้


หลังการแถลงข่าวผู้เสียหายได้เดินทางไปยัง สภ.ปากเกร็ด เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเต็นท์รถมือสองในข้อหา ขายของโดยหลอกลวง คุณภาพของอันเป็นเท็จ ตาม มาตรา 271 ซึ่งหลังจากพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องไว้ ก่อนพาผู้เสียหาย ไปยังเต็นท์รถมือสอง เพื่อทำการเจรจาขอยกเลิกสัญญา

การเจรจาในวันนี้ มีตำรวจสายตรวจ สภ.ปากเกร็ด เป็นตัวกลาง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนที่ผู้เสียหายจะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ในวันนี้ยังไม่มีการเจรจาเนื่องจากเจ้าของเต็นท์ไปทำธุระต่างจังหวัดเป็นเวลา 3 วัน ทางเต็นท์นัดเจรจาอีกครั้งในวันเสาร์ที่ 12 พ.ย. นี้ เวลา 13.00 น. เป็นเจรจาร่วมกันระหว่าง 3 ฝ่าย คือ ฝั่งของผู้เสียหายซึ่งมีทนายเดชาเป็นแกนนำ ฝั่งธนาคารเจ้าของไฟแนนซ์ และเจ้าของเต็นท์รถ โดยมีตำรวจ สภ.ปากเกร็ด เจ้าของสำนวนคดีเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยเบื้องต้น

ส่วนตัวได้เสนอข้อเรียกร้องไปแล้วว่าขอยกเลิกสัญญาการซื้อขายรถคันดังกล่าวพร้อมขอค่าจองคืนและเรียกร้องค่าเสียหายจำนวนหนึ่ง และสิ่งที่ผู้จัดการเต็นท์กับเซลล์ขายรถพูดกับตนในวันนี้ ไม่ดีเลย รู้สึกแย่มาก ว่าทำไมซื้อรถคันแรก หวังนำมาใช้งานสร้างเนื้อสร้างตัว แต่กลับต้องนำไปจอดทิ้งไร้ประโยชน์และต้องเป็นหนี้ถึงเกือบครึ่งล้าน หากเต็นท์จะเปลี่ยนรถคันใหม่ให้ ไม่ขอรับ ไม่รับเปลี่ยนโดยเด็ดขาด .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]