บุรีรัมย์ 20 ก.ย. – โรงเรียนแห่งหนึ่งที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งผู้อำนวยการตกเป็นผู้ต้องหาลักทรัพย์โทรศัพท์มือถือของลูกศิษย์ กลุ่มนักเรียนยังคงประท้วงขับไล่เป็นวันที่ 2 เผยคดีที่เกิดขึ้นเป็นฟางเส้นสุดท้ายตัดสินปัญหาที่อยู่ร่วมกันตลอด 3 ปี
ยังคงประท้วงต่อเนื่อง สำหรับเด็กนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เมืองบุรีรัมย์ หลังเกิดคดีความระหว่างผู้อำนวยการโรงเรียนหญิง และเด็กนักเรียนชายชั้น ม.2 เมื่อฝ่ายลูกศิษย์เชื่อว่า ผู้บริหารสูงสุดเจตนาขโมยโทรศัพท์มือถือ มูลค่า 3,500 บาท ที่ตัวเองเสียบชาร์จไว้ในห้องเรียน
แม้ 2 วันก่อน ผอ.โรงเรียน เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาฐานลักทรัพย์ กับพนักงานสอบสวน สภ.หนองสองห้อง แต่ตลอด 2 วัน เพื่อนนักเรียนลุกขึ้นมาประท้วง ขอให้ย้าย ผอ.คนนี้ออกไป พร้อมระบุพฤติกรรมไม่เหมาะสมยาวเหยียดกว่า 30 ข้อ สะท้อนว่า คดีลักโทรศัพท์มือถือ เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เด็กนักเรียนไม่อยากอยู่ร่วมรั้วโรงเรียนกับ ผอ.คนนี้ หลังอยู่ภายใต้บรรยากาศกดดัน จนเกิดความเครียด เรียนไม่มีความสุขตลอดเวลา 3 ปี
กฎระเบียบที่เข้มงวดเกินไป เช่น การห้ามนำโทรศัพท์มือถือไปโรงเรียน ทั้งที่จำเป็นต้องใช้ค้นหาข้อมูล ห้ามไว้ผมยาว ทั้งที่กระทรวงศึกษาธิการผ่อนปรน อีกทั้งให้เวลาพักกลางวันเพียง 45 นาที วันที่ครูปล่อยช้า ไม่มีเวลารับประทานอาหาร เป็นต้น
ในทางคดี เบื้องต้นตำรวจมีหลักฐานเพียงพอแจ้งข้อกล่าวหาลักทรัพย์ ทั้งพิกัด GPS ระบุตำแหน่ง แสดงถึงการพกติดตัวไป และการปฏิเสธว่าไม่พบโทรศัพท์ กระทั่งมีหลักฐานพิกัดยืนยัน จึงยอมนำส่งให้ตำรวจ หลังเวลาผ่านไปถึง 3 วัน ผอ.ที่กลายเป็นผู้ต้องหา ให้การว่า ไม่มีเจตนาลักทรัพย์ เพียงแต่ยึดไว้ตามระเบียบ ซึ่งไม่อนุญาตให้นำโทรศัพท์มือถือมาโรงเรียน แต่ทั้งเด็กชาย ผู้เสียหาย และแม่ ต่างไม่เชื่อในเจตนา
นอกจากคดีความแล้ว สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาบุรีรัมย์ ในฐานะผู้บังคับบัญชา ได้ตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริง หากพบว่ามีมูล จะตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อลงโทษทางวินัยต่อไป
ขณะที่คณะกรรมการสถานศึกษา เตรียมหารือส่วนงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางออก ก่อนปัญหาจะบานปลาย ส่วน ผอ.ต้นเรื่อง ไม่สะดวกให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชน. – สำนักข่าวไทย