นครพนม 21 ส.ค. – คุมตัวสารวัตรทหารกระหน่ำยิงรุ่นน้องร่วมค่ายเสียชีวิต ส่งศาลทหารแล้ว ผู้ต้องหาตะโกนสั่งลาก่อนขึ้นรถ ฝากดูแลแม่ผมด้วย ขณะที่ญาติผู้เสียชีวิตรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศล กำหนดทำพิธีฌาปนกิจ อังคารนี้
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายทหารพระธรรมนูญ ศาลมณฑลทหารบกที่ 24 ค่ายประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี มารับตัว สิบโทมานิตย์ ที่ สภ.เมืองนครพนม เพื่อนำตัวส่งศาลทหาร เนื่องจากเป็นการกระทำผิดระหว่างทหารกับทหาร โดยมีญาติพี่น้องเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจ ขณะผู้ต้องหามีท่าทีสงบนิ่ง ไม่เคร่งเครียด ไม่พูดจากับใคร แต่ตะโกนทิ้งท้ายก่อนขึ้นรถบอกญาติฝากดูแลแม่ด้วย เพราะอยู่เพียงลำพัง ทั้งยังป่วยเป็นขาอ่อนแรง ตาพร่ามัว โดยผู้ต้องหาเป็นพี่คนโต ดูแลแม่มาตลอด หลังพ่อเสียชีวิต น้องชายทำงานต่างจังหวัด ซึ่งจากการสอบสวน สิบโทมานิตย์ สารภาพเพียงว่า เป็นปัญหาปมขัดแย้งส่วนตัว เพราะไม่พอใจที่ผู้ตาย เป็นรุ่นน้องแต่ไม่เคารพรุ่นพี่ เป็นความแค้นส่วนตัว ทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ โดยเมื่อเย็นวันที่ 18 สิงหาคม ขณะขี่รถจักรยานยนต์มาเจอผู้ตาย ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณป้อมยามรักษาการ หน้าค่ายพระยอดเมืองขวาง จังหวัดนครพนม เห็นผู้ตายแสดงสีหน้าไม่พอใจ ทำให้ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม. กระหน่ำยิง สห. รุ่นน้อง ถึง 19 นัดจนเสียชีวิตคาที่ก่อนหลบหนี และติดต่อเข้ามอบตัวกับตำรวจเมื่อคืนวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา
ขณะที่ตำรวจมั่นใจพยานหลักฐานชัดเจน เพียงพอที่จะเอาผิดตามกฎหมาย ทั้งมีพยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ รวมทั้งยึดเสื้อผ้า หมวกกันน็อก รถจักรยานยนต์ และอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ตรงตามหลักฐานตามกล้องวงจรปิด ตรวจสอบประวัติ ยังพบว่า ผู้ต้องหาเติบโตมาจากพลทหารก่อนเข้ารับราชการพลสารวัตรทหาร เคยได้รับคัดเลือกจากกองทัพบก เป็นพลทหารที่มีความประพฤติดี และมอบบ้านเฉลิมพระเกียรติให้ครอบครัว เมื่อปี 2555 ทำให้ไม่มีใครคาดคิดว่า ผู้ต้องหาจะก่อเหตุขึ้น เบื้องต้นถูกดำเนินคดีข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
มารดาของสิบโทมานิตย์ เผยว่าไม่อยากเชื่อว่าลูกชายจะฆ่าคนตายเพราะปกติลูกชายเป็นคนเงียบ ไม่ค่อยสุงสิงใคร ยังไม่มีครอบครัว วันไหนไม่เข้าเวรจะมาดูแลตนและกินข้าวด้วยทุกวัน เป็นคนที่ดูแลตนมาตลอดตั้งแต่พ่อเสียชีวิต แต่เมื่อลูกชายก่อเหตุจริง ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ด้านครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ติดต่อขอรับศพจากสถาบันนิติเวช จ.ขอนแก่น และนำกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านใน หมู่ 7 ต.โพนแพง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ตั้งแต่เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา บรรยากาศโศกเศร้า โดยบรรจุศพไว้ในโลงเย็น และมีกำหนดฌาปนกิจวันอังคารนี้ ขณะที่ญาติยืนยันไม่อโหสิกรรม แม้ผู้ต้องหาจะรับโทษตามกฎหมายแล้วก็ตาม เพราะถือเป็นการกระทำที่อุกอาจและโหดเหี้ยม ทั้งที่สาเหตุเพียงไม่เคารพรุ่นพี่แต่กลับต้องยิงกันถึงตาย ไม่เชื่อจะเป็นไปตามคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหา เพราะผู้ตายนิสัยดีมาตั้งแต่เด็กอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เชื่อว่าจะเป็นคนก้าวร้าว ไม่เคารพรุ่นพี่ ไม่ต้องมาขอโทษขอขมา ต้องการชีวิตแลกด้วยชีวิต วอนขอให้ศาลตัดสินประหารชีวิตอย่างเดียว ไม่ต้องลดโทษถึงจะพอใจ.-สำนักข่าวไทย