“กรวีร์” ลั่นถึงเวลาแล้ว! ส.ว.ต้องคืนอำนาจให้ประชาชน

รัฐสภา 24 มิ.ย. – “กรวีร์ ปริศนานันทกุล” ลั่นควรยกเลิกมาตรา 272 ถึงเวลาแล้ว! ส.ว. ต้องคืนอำนาจให้กับประชาชน


นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.พรรคภูมิใจไทย อภิปรายและเสนอในเรื่องของการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ ประเด็นแรก คือ เรื่องระบบการเลือกตั้ง ที่จะเปลี่ยนระบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นสูตรไหนก็แล้วแต่ ซึ่งเข้าใจในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ผ่านมาทั้งระบบเขต และระบบบัญชีรายชื่อ ได้รู้และเห็นถึงความสำคัญของการมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากทั้ง 2 ระบบ เป็นอย่างดี แต่ก็อดไม่ได้ว่าจะหนีไม่พ้นคำครหาของพี่น้องประชาชนที่บอกว่า การแก้ไขกฎหมายก็จะแก้เพื่อตัวพวกเราเอง ไม่อยากจะให้รัฐสภาแห่งนี้เป็นรัฐสภาที่ต้องแบกความรับผิดชอบว่า สุดท้ายแล้วการแก้ไขไม่ได้แก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน เมื่อคำนวณสูตรการคิดคำนวณ ส.ส.แล้ว ไม่เห็นประชาชนอยู่ในสมการการคิดคำนวณเลย นี่จึงเป็นที่มาที่พรรคภูมิใจไทยเสนอในการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ว่า อยากจะเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปากท้อง แก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยที่กินได้ เพื่อให้กับพี่น้องประชาชนผ่านการเขียนบรรจุลงไปในกฎหมายหลัก ก็คือกฎหมายรัฐธรรมนูญ ในสภาแห่งนี้ เชื่อว่าเรามีความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้หลากหลายเรื่อง แต่เชื่อว่าเรื่องหนึ่งที่พวกเราในฐานะสมาชิกรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.ฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล หรือแม้กระทั่ง ส.ว. ก็ตาม เราเห็นตรงกัน คือ เรื่องของปากท้อง และการแก้ไขปัญหาความยากจนของพี่น้องประชาชนให้หมดไป เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าเราเห็นตรงกันว่าเรื่องปากท้องของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ทำไมไม่บรรจุใส่ไว้ในกฎหมายที่สูงที่สุดของประเทศ นั่นก็คือ กฎหมายรัฐธรรมนูญ ทำไมปล่อยให้เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะไปพิจารณาว่าจะช่วยหรือไม่ช่วย ที่จะให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้เขาลืมตาอ้าปากได้หรือไม่

นายกรวีร์ กล่าวต่ออีกว่า ครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดี และในร่างกฎหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 13 ฉบับ มีของพรรคภูมิใจไทยฉบับเดียวที่บรรจุเรื่องนี้เอาไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ หวังว่าเพื่อนสมาชิกรัฐสภา ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และ ส.ว. จะเห็นตรงกัน แล้วจะหยิบยกเรื่องนี้ให้ผ่านในวาระแรก และเข้าไปสู่กระบวนการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญในท้ายที่สุด


ประเด็นที่ 3 เรื่องของการยกเลิกมาตรา 272 ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ คือ การยกเลิกอำนาจในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจาก ส.ว. ซึ่งประเด็นนี้ ทางพรรคภูมิใจไทยไม่ได้รังเกียจ ส.ว. พวกเรารู้ถึงความจำเป็น และรู้ว่าการทำหน้าที่ ระหว่างสภา ส.ส. และสภาสูง (สภาของสมาชิกวุฒิสภา) นั้น การทำงานร่วมกันมีความจำเป็น ในทางตรงกันข้าม เรายังปรารถนาดีที่อยากจะเห็น ส.ว. เป็นสภาอันทรงเกียรติ เป็นสภาที่กลั่นกรองกฎหมายที่ผ่านจาก ส.ส. ของพวกเราขึ้นไป เพื่อความรอบคอบ และทำหน้าที่รับใช้ประชาชนเคียงคู่กันไปกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

นอกจากนั้น ต้องชื่นชมสมาชิกวุฒิสภาหลายท่านในชุดนี้ เป็นคนเก่ง มีความสามารถ แต่สิ่งที่เป็นปัญหา มีอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรก คือ ไม่ได้มาจากพี่น้องประชาชน และเรื่องที่ 2 คือ ส.ว. มีอำนาจบางอย่างอยู่ในมือของท่าน โดยที่เป็นอำนาจไม่พึงจะมี ด้วย 2 อย่างนี้ จึงทำให้สถานะการดำรงอยู่ของ ส.ว. ไม่ค่อยสง่างาม และด้วยอำนาจของท่านที่ไม่พึงจะมี และทำให้ท่านไปใช้อำนาจแทนพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้ง ในการเลือกตัวนายกรัฐมนตรีนั้น ขัดกับหลักการของประชาธิปไตยอย่างเสียหายเป็นอย่างยิ่ง

“เมื่อปี 2559 ต่อเนื่องถึงปี 2560 มาตรา 272 ไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญในเบื้องแรก แต่มาจากการตั้งคำถามพ่วงในวันที่พวกเราทำประชามติถามกับพี่น้องประชาชน แล้วคำถามพ่วงนั้นมาจากสมาชิก สนช. โดยความให้อนุมัติผ่านสภา สนช. โดยคำแนะนำของ สปท. (สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปแห่งประเทศ) และบังเอิญที่บางส่วนของสมาชิก สนช. และบางส่วนของสมาชิก สปช. (สภาปฏิรูปแห่งชาติ) มาอยู่ในสภาแห่งนี้ มากลายร่างเป็น ส.ว.ในยุคปัจจุบัน และ ส.ว.ในชุดนี้ บังเอิญเป็นการแต่งตั้ง คัดเลือกโดย คสช. และ ส.ว.ชุดนี้ ก็ไปเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯ ท่านปัจจุบันนี้ ที่พวกเราทราบกันดี ด้วยกติกาและวิธีการแบบนี้ จึงทำให้ ส.ว.ชุดนี้ หนีไม่พ้นคำครหา เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน จนทำให้คนอื่นดูแคลนสมาชิกวุฒิสภาชุดนี้ไปต่างๆ นานา ด้วยเหตุนี้เอง ถึงบอกว่าเห็นใจ เพราะ ส.ว.ชุดปัจจุบันไม่ได้เป็นคนเขียนกติกา แต่ท่านต้องมารับเผือกร้อนด้วยการถือเอาอำนาจที่ท่านไม่ควรที่จะได้รับตั้งแต่แรกมาไว้ในมือ จึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา”


อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงวันนี้ที่ผ่านมา สมาชิกวุฒิสภาหลายท่านแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนว่า เห็นด้วยในหลักการที่จะรับในการยกเลิกมาตรา 272 แล้วคืนอำนาจในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีให้เป็นอำนาจของประชาชน ผ่านตัวแทนของพี่น้องประชาชน ก็คือ ส.ส. ที่เลือกตั้งกันเข้ามา ประเด็นนี้อยากจะบอกกับท่านวุฒิสมาชิกว่า ถึงเวลาแล้วที่จะคืนอำนาจเหล่านี้ให้กับพี่น้องประชาชน เขาเลือกตั้ง ส.ส. เลือกพรรคการเมืองเข้ามา ด้วยความหวังว่า พรรคการเมืองเหล่านั้นจะมาเป็นรัฐบาล และผลักดันนโยบายต่างๆ แต่สุดท้ายการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี การแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีผ่านรัฐสภาแห่งนี้ กลับมีเสียงที่ไม่ได้มาจากประชาชน 250 เสียง ในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีด้วย

“นี่คือโอกาสที่ดีที่จะทำให้คำครหาต่างๆ ที่มีกับท่าน ส.ว. หมดไป และเป็นโอกาสที่ดีที่จะแก้ไขกติกาที่ผิดเพี้ยนจากหลักระบอบประชาธิปไตยให้ถูกต้อง ให้กลับมาอยู่ในเส้นทางของระบอบประชาธิปไตยเสียที นี่คือโอกาสที่จะสร้างความชอบธรรม สร้างอำนาจอธิปไตยในการเลือกตัวนายกรัฐมนตรี ให้กลับไปอยู่ที่ตัวแทนของพี่น้องประชาชนผ่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร”

นายกรวีร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ถ้าเราจะเห็นการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญสักฉบับหนึ่ง คาดหวังว่าจะไม่เป็นคำติฉินนินทา และไม่เป็นคำครหากลับมาที่รัฐสภาแห่งนี้ ว่าพวกเราแก้เพื่อตัวเอง ถ้าเราจะแก้รัฐธรรมนูญกันใหม่สักครั้งหนึ่ง ก็อยากจะเห็นว่าเป็นการแก้ไขเพื่อแก้ปัญหาปากท้อง การกินดีอยู่ดี และสร้างรัฐธรรมนูญที่กินได้ให้กับพี่น้องประชาชนเสียที และถ้าเราจะแก้รัฐธรรมนูญ หวังว่าเราจะสร้างกติกาที่เป็นสากลในระบอบประชาธิปไตย และหวังว่าการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี การแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีผ่านสภาในครั้งหน้านั้น เราจะได้ทำหน้าที่ในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีอย่างสมเกียรติ สมศักดิ์ศรี และเราจะได้นายกรัฐมนตรีที่สง่างามให้กับคนไทยทั้งประเทศ” – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. แต่งตั้งนายพล 250 ตำแหน่ง

1 ก.ย. – เปิดโผตำรวจ ประชุม ก.ตร. กว่า 8 ชม. บัญชีแต่งตั้งนายพลตำรวจ 250 ตำแหน่ง “บิ๊กเต่า” แห้ว “นพศิลป์” ได้ขึ้น พล.ต.ท. เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม 2568 ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (รองประธาน ก.ตร.) เป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 8/2568 วาระแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ถึง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ประจำปี 2568 โดยแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และโยกย้ายสับเปลี่ยน กว่า 250 ตำแหน่ง ทั้งนี้ ก.ตร.ครบองค์ประชุม ขาดเพียงนายภูมิธรรม […]

“บิ๊กเต่า” ยอมรับมีอดีต ผอ.พศ.-ตลกชื่อดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทนอดีตพระอลงกต

กรุงเทพฯ 1 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” ยอมรับมีอดีต ผอ.พศ. ร่วมถือครองโฉนดที่ดินแทน “อดีตพระอลงกต” ส่วน “สมปอง” ยังอยู่ในข่ายถูกดำเนินคดี แม้จะอ้างว่าเป็นการยืมเงินและคืนไปบางส่วนแล้ว ขณะที่วง “พิงค์แพนเตอร์” ประสานเข้าพบตำรวจเร็วๆ นี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนคดี “อลงกตการละคร” ระบุว่า คดีมีความคืบหน้าไปพอสมควร และมีตัวละครที่สามารถดำเนินคดีได้หลายคน แต่ตำรวจต้องการพยานหลักฐานมาประกอบข้อมูลตรงนี้ให้ชัดเจนมากขึ้นก่อน ซึ่งตอนนี้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามทยอยเรียกสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องมากขึ้นเรื่อย ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบขยายผลเส้นทางการเงินและทรัพย์สิน โดยเฉพาะประเด็นที่มีคนใกล้ชิด อักษรย่อ นางสาว ว. ถือครองโฉนดที่ดินมูลค่ารวม 140 ล้านบาทนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่าตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบบุคคลเกี่ยวข้องทั้งหมด โดยในจำนวนนั้นยอมรับว่ามีอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และตลกชื่อดัง ถือครองโฉนดที่ดินแทน “อดีตพระอลงกต” ด้วย โดยทั้งคู่มีพฤติกรรมคล้ายๆ กัน คือ เข้าไปหาผลประโยชน์ และไม่ใช่เพียงผลประโยชน์จากเงินวัดก้อนเดียว แต่หาผลประโยชน์จากกลุ่มเครือข่ายด้วย ซึ่งมีมูลค่าเงินจำนวนมาก และทางอดีตพระอลงกต ก็มองว่าตนเองถูกรังแก ถูกโกงเงินไป ทั้งเรื่องคอนเสิร์ต เรื่องที่ดิน และถือครองทรัพย์สินแทน […]

พรรคกล้าธรรม ออกแถลงการณ์โหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ

พรรคกล้าธรรม 30 ส.ค.-พรรคกล้าธรรม ออกแถลงการณ์ โหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ ชี้ปล่อยให้ประเทศเกิดสุญญากาศไม่ได้ เผยภูมิใจไทยรับข้อเสนอ แก้ กม.ต้องไม่กระทบสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อเวลา 15.55 น. พรรคกล้าธรรม (กธ.) ได้ออกแถลงการณ์ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรี จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ และจะต้องมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ต่อไปว่า คณะกรรมการบริหารพรรค ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ได้ร่วมกันพิจารณารับฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรคทุกท่าน เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินการของพรรค รวมถึงพิจารณาข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทย โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า พรรคกล้าธรรม จะลงมติในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สนับสนุนให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เนื่องด้วยสถานการณ์ของประเทศไทยขณะนี้ จำเป็นที่จะต้องมีฝ่ายบริหารมาขับเคลื่อนและแก้ปัญหาให้กับประชาชนในทุกด้าน ทั้ง ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ ปัญหาสังคมด้านต่าง ๆ อย่างเร่งด่วน โดยไม่สามารถประวิงเวลาไปได้อีก พรรคกล้าธรรม ได้แสดงจุดยืนของพรรคให้กับพรรคภูมิใจไทยทราบ คือ 1.พรรคกล้าธรรม ยึดถือ […]

“เดชอิศม์” ปิดประตูจับมือ “ภูมิใจไทย” ตั้งรัฐบาล

พรรคประชาธิปัตย์ 31 ส.ค.- “เดชอิศม์” ปิดประตูจับมือ “ภูมิใจไทย” ตั้งรัฐบาล กร้าว ถ้าหนุนก็ไม่เหลือความเป็นคน บอก รัฐประหาร 100 ครั้ง ก็ไม่เลวร้ายเท่าฮั้ว สว. ยกอำนาจให้คนเดียวชี้ขาดประเทศ ย้ำคดีเขากระโดง ต้องเอาผิดให้เด็ดขาด บอก 2-3 เดือน ก็ยุบสภาได้ ไม่ต้องรอ 4 เดือน นายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุภายหลังการเจรจากับพรรคประชาชน ที่พรรคร่วมรัฐบาลรับเงื่อนไขทั้งหมดของพรรคประชาชน ว่า จริงๆ เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชน ตนไปเป็นเพื่อนเขา ส่วนประเด็นเป็นเรื่องของทั้งสองพรรคต้องคุยกัน เมื่อถามย้ำว่า หมายถึงพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้รับเงื่อนไขทั้งหมดใช่หรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ปฏิบัติตามเงื่อนไขของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ส่วนจะนำข้อหารือระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน เข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือไม่ นายเดชอิศม์ ยอมรับว่า อาจอยู่ในวาระอื่นๆ เนื่องจากมีวาระสำคัญอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับข้อเสนอของพรรคประชาชนและและข้อเสนอเพิ่มเติมของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเดชอิศม์ ยืนยันว่า […]

ข่าวแนะนำ

‘เท้ง’ ยันแกนนำ ปชน. ไม่มีธงโหวตนายกฯ

1 ก.ย.- ‘เท้ง ณัฐพงษ์’ ยืนยันแกนนำพรรคประชาชน ไม่มีธงโหวตเลือกนายกฯ เปิดโอกาสถกเต็มที่ ย้ำได้ข้อยุติก่อนวันโหวตแน่นอน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เดินทางมายังที่ทำการพรรค พร้อมเปิดเผยก่อนการประชุมร่วมกับคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อกำหนดทิศทางในการผ่าทางตันโหวตนายกรัฐมนตรี โดยแนวทางในวันนี้จะเปิดโอกาสให้สมาชิกพรรค แสดงความคิดเห็นอย่างเปิดกว้าง ส่วนจะต้องมีการลงมติหรือไม่ ถือว่าอยู่ที่การหารือของที่ประชุม เพราะหากเราสามารถหารือกันได้ข้อสรุปไปในทิศทางเดียวกันได้ อาจจะไม่จำเป็น แต่ตอนนี้ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่ สำหรับเงื่อนไขที่จะทำให้ไม่สามารถเคาะทิศทางโหวตได้ในวันนี้นั้น มีหลายเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ทั้งความเสี่ยงของฉากทัศน์ต่างๆ ตนขอยังไม่ลงรายละเอียดในตอนนี้ดีกว่า เมื่อถามถึงกระแสผู้สนับสนุนพรรค ที่อยากให้ยึดจุดยืน โดยไม่เลือกพรรคไหนเลยนั้น นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า ทุกอย่างควรพิจารณาทั้งหมด ส่วนคาดว่าจะมีการโหวตได้เมื่อไหร่ หรือจะมีการเซอร์ไพรส์ไม่โหวตเลยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนคงไปตอบแทนเพื่อน สส. รวมถึงองคาพยพของพรรคไม่ได้ เพราะในตอนนี้เป็นโอกาสที่ต้องหารือภายในกันให้รอบด้าน อาจให้คำตอบได้แค่ว่า จะพยายามหารือให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด รอเย็นวันนี้ก่อน น่าจะได้ความคืบหน้า อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าทุกคนคงได้รับฟังเสียงสะท้อน ทั้งความคิดเห็นในออนไลน์ และออฟไลน์ เมื่อถามว่านายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ได้มีการติดต่อมาคุยหรือยัง เนื่องจากไม่ได้มาหารือพร้อมกับพรรคเพื่อไทย นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่มี […]

เพื่อไทย ยังไม่มีแกนนำเข้าพรรค รอลุ้นมติ ปชน.บ่ายนี้

พรรคเพื่อไทย 1 ก.ย.-เพื่อไทย ยังไม่มีแกนนำเข้าพรรค แยกปฏิบัติภารกิจแต่ละกระทรวง รอลุ้นมติ ปชน.บ่ายนี้ ด้าน “ชัยเกษม” ลั่นไม่ต้องห่วงเรื่องความพร้อม เพื่อชาติบ้านเมืองไม่มีปัญหา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเมื่อวานนี้ (31 ส.ค.) แกนนำ ซึ่งนำโดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะปฏิบัติหน้านายกรัฐมนตรี นำคณะเจรจาแกนนำไปพูดคุยขอเสียงสนับสนุนจากพรรคประชาชน บรรยากาศที่พรรคเพื่อไทยตั้งแต่ช่วงเช้าไม่พบแกนนำพรรคเดินทางเข้ามา โดยจากการสอบถามทุกคนยังคงปฏิบัติภารกิจตามงานของกระทรวง มีเพียงสื่อมวลชนที่เข้ามาเกาะติดสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังพรรคประชาชนมีมติออกมาว่าจะสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ ฝ่ายใดนั้น แกนนำพรรคเพื่อไทย จะมีความเคลื่อนไหวออกมาแน่นอน ด้านนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตนเองมีความพร้อมในการเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยมีมติอย่างไร ก็ว่ากันไปตามนั้น “ไม่ต้องห่วงเรื่องความพร้อม ตนพร้อมทำหน้าที่ เพื่อชาติบ้านเมือง ไม่มีปัญหา” นายชัยเกษม กล่าว ส่วนเรื่องการยอมรับเงื่อนไขจากพรรคประชาชน นั้น นายชัยเกษม ระบุว่า ก็เป็นไปตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้วเมื่อวานนี้ และถือว่าให้เป็นไปตามมติของแกนนำพรรค.-316.-สำนักข่าวไทย

วางบึ้ม-เผายางรถยนต์ 5 อำเภอ 6 จุด จ.นราธิวาส

นราธิวาส 1 ก.ย.-ใต้ป่วนหนัก วางระเบิด-เผายางรถยนต์ 5 อำเภอ 6 จุดในพื้นที่นราธิวาส กล้องวงจรปิดจับภาพชัด เจ็บ 2 ราย รายงานข่าวจากพื้นที่ จ.นราธิวาส แจ้งว่า ในช่วงคืนที่ผ่านมาตั้งแต่เวลา 19.50 น. ของคืนวันที่ 31 ส.ค.68 ถึงเวลา 00.30 น. ของคืนวันที่ 1 ก.ย.68 ได้มีกลุ่มสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง ได้มีการประชุมวางแผนกระจายกำลังกันก่อเหตุเผายางรถยนต์ และลอบวาระเบิดในพื้นที่ 5 อำเภอ ของ จ.นราธิวาส ประกอบด้วย อ.สุไหงปาดี, จะแนะ, บาเจาะ, เจาะไอร้องและศรีสาคร ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจพบ จำนวน 6 จุด มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย รถยนต์ได้รับความเสียหาย 1 คัน พร้อมกันพื้นที่จุดเกิดเหตุและได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อเข้าทำการตรวจสอบในช่วงสายของวันนี้ โดยจุดแรก เกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.50 น. ของคืนวันที่ […]

“บิ๊กเต่า” ยันไม่น้อยใจ หลังหลุดโผแต่งตั้ง-โยกย้าย

กทม. 1 ก.ย.-“บิ๊กเต่า” ยันไม่น้อยใจ หลังหลุดโผแต่งตั้ง-โยกย้าย เผยชีวิตนี้ผ่านอะไรมาเยอะ ยันทำเพื่อส่วนรวมไม่ใช่เพื่อตนเอง หลังจากนี้จะเดินหน้าทำงานต่อไปและทำงานให้หนักขึ้น จากการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อวานนี้ใช้เวลานานถึง 8 ชั่วโมงจัดทำบัญชีรายชื่อ ซึ่งมีตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ 250 นาย แต่ปรากฎว่า พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไม่มีชื่อในการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งก่อนหน้านี้ออกมาเปิดหน้ายื่นขอความเป็นธรรมกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ เปิดเผยว่า ไม่น้อยใจที่ไม่ได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าอยากให้คนทำงานมีโอกาสได้รับการแต่งตั้ง สำหรับคนที่ได้รับการแต่งตั้งก็ยินดีและดีใจด้วย อย่าง พลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะเป็นคนเก่งและมีความสามารถ ทำงานด้านสืบสวน มองว่าหากตนเองไม่ออกมาให้สัมภาษณ์และให้มีการแก้ไขก็คงแก้ยากเพราะทุกคนไม่มีรายชื่อเข้าไป เพราะฉะนั้นตนเองก็เห็นด้วยที่ ก.ตร. เข้ามาแก้ไขปัญหา ส่วนที่ตนเองไม่ได้เลื่อนตำแหน่งก็ไม่เป็นไร เพราะเชื่อว่าการทำเพื่อส่วนรวมและให้ระบบเดินต่อไปได้เป็นสิ่งที่ดี และอยากสร้างมาตรฐานอีกหนึ่งอย่างคือ อยากเห็นแนวทางการพิจารณาเรื่องการแต่งตั้งในหมวดความรู้ความสามารถ อยากให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) หาแนวทางในการให้ความเป็นธรรมกับตำรวจที่จะมีการแต่งตั้งในระดับผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการในปีต่อไป หลังจากนี้จะต้องปรึกษากับฝ่ายกฎหมายว่าการพิจารณาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในการประชุมคณะกรรมการชุดเล็กและชุดใหญ่ ควรนำหลักการอะไรมาพิจารณาเพื่อความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และเพื่อประโยชน์กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเป็นขวัญกำลังใจ ทำให้ตำรวจและส่วนรวมได้มีความมุมานะในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน […]