กทม. 30 ก.ค.-กมธ.ต่างประเทศ สภาฯ เดินสายพบ “ทูตอังกฤษ – ทูตสหภาพยุโรป” แจงข้อเท็จจริงเหตุการณ์ไทย-กัมพูชา ด้าน “สรัสนันท์” แจงเหตุเกิดจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะนโยบายปราบคอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาล หลังถูกถามปมเหตุนอกจากปัญหาชายแดนหรือไม่ หวังใช้กลไกเวทีระหว่างประเทศ ชี้แจงโลกเรื่อยๆ ย้ำไทยปฏิบัติตาม กม.ระหว่างประเทศมาตลอด
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร นำโดย น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกมธ.ฯ พร้อมด้วย นายชลัฐ รัชกิจประการ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และนายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกกมธ.ฯ เดินสายพบคณะทูตสหภาพยุโรป และทูตอังกฤษ เพื่ออัพเดทข้อเท็จจริง สถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา
โดย น.ส.สรัสนันท์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้พบปะทูตอังกฤษ ซึ่งเป็นพันธมิตรยาวนานของเรา รวมถึงวงสหภาพยุโรป 18 ประเทศ จากการพบปะพูดคุยหลายประเทศแสดงความเป็นห่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน อยากให้ไทยและกัมพูชาพูดคุยกันอย่างสันติ แม้ว่าหลังจากมีข้อตกลงหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข แต่ยังมีอุปสรรคบ้าง เขาก็มั่นใจว่าทั้งสองประเทศมีความตั้งใจจริงอยากให้ความสงบสุขกลับคืนมา
นอกจากนี้ เขามีความสนใจในประเด็นว่าสาเหตุเกิดจากอะไร เพราะปัญหาบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา มีประเด็นมาตั้งนานแล้ว แต่เหตุใดจึงมาถึงจุดที่อยู่ๆก็ระเบิดขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย เขาจึงถามว่ามาจากปัจจัยอื่นๆ ด้วยหรือไม่

ประธานกมธ.ต่างประเทศ กล่าวว่า เราจึงชี้แจงไปว่าแน่นอนว่ามาจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขัดผลประโยชน์ของทางฝั่งกัมพูชาเอง ที่เกี่ยวกับนโยบายของประเทศไทย ที่จะทำให้ผลประโยชน์ของเขาเสียหาย เช่น นโยบายเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ หรือแม้แต่ความมุ่งมั่นตั้งใจของรัฐบาลที่จะปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่น่าจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลัก ที่ทำให้ทางกัมพูชาไม่พอใจกับนโยบายของรัฐบาลนี้
น.ส.สรัสนันท์ กล่าวว่า อีกหนึ่งประเด็นที่คณะทูตสหภาพยุโรปตั้งคำถาม คือวันที่มาเลเซียเป็นตัวกลางไกลเกลี่ย ทำไมถึงมีจีน และสหรัฐอเมริกา เข้ามามีส่วนร่วมทั้งที่ไม่ได้อยู่ในกรอบของอาเซียน ซึ่งตนได้ให้ความเห็นในเชิงแสดงความกังวล ว่าที่จริงแล้วเป็นเรื่องข้อพิพาทดินแดนเป็นเรื่องที่สองประเทศต้องคุยกันเอง แต่ถ้าหาทางไกล่เกลี่ยระหว่างสองประเทศไม่ได้ ก็ควรพึ่งกลไลภายในภูมิภาคกคืออาเซียน แต่การที่มีมหาอำนาจทั้งสองประเทศเข้ามาร่วมสังเกตการณ์ด้วยนั้น จะยิ่งทำให้มีความซับซ้อน กลายเป็นสงครามตัวแทน และอาจทำให้ประเทศไทยมีความจำเป็นที่จะต้องเสียสละมากกว่ากัมพูชา เพราะว่าเรามีผลได้ผลเสียทางเศรษฐกิจกับทั้งสองประเทศนี้มากกว่ากัมพูชา ที่สำคัญเราอยู่ในบทบาทที่เคารพกติกามารยาทของโลก ทำให้เรามีพันธสัญญา และกฎหมายต่างๆ ที่เราต้องเคารพ มากกว่ากัมพูชา
“มองว่าสมรภูมิภูมิภาคของเรา ได้กลายเป็นสมรภูมิตัวตายตัวแทนระหว่างสหรัฐฯกับประเทศจีนหรือไม่อย่างไร ส่วนนี้ก็ต้องติดตามดูต่อไป แต่ในจุดยืนของประเทศไทย เราไม่ได้ฝักใฝ่ให้ประเทศมหาอำนาจเข้ามาเป็นตัวจัดการที่จะมาไกล่เกลี่ยเรื่องนี้อยู่แล้ว เราเพียงต้องการมิตรประเทศเป็นกลาง ยืนอยู่กับความถูกต้องและข้อเท็จจริง อารยประเทศต่างๆควรเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดบิดเบือน หยุดใช้ความรุนแรงต่อประชาชน ซึ่งความปลอดภัยของประชาชนต้องมาเป็นอันดับแรก“ ประธาน กมธ.การต่างประเทศ ระบุ
น.ส.สรัสนันท์ กล่าวอีกว่า หลังจากได้พูดคุยกัน ทั้งทูตอังกฤษ และคณะทูตสหภาพยุโรป มีความเชื่อมั่นในประเทศไทยอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแถลงข่าวของฝ่ายกองทัพ เพราะทุกอย่างมาจากหลักฐาน และข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ท่าทีของเขาไม่ได้ไม่เชื่อเรา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้ฟังทางกัมพูชาเลย เพราะเขาก็ต้องวางตัวเป็นกลาง และรับฟังทั้งสองฝ่าย เพื่อประกอบการพิจารณา
“ที่ผ่านมาคณะ กมธ.การต่างประเทศ เดินสายชี้แจงถึงที่มาที่ไปของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนมากเป็นการสะท้อนความเห็นของสภาผู้แทนราษฎร แนวทางต่อไปที่กมธ.สามารถเข้าไปมีส่วนร่วม คือจะใช้เวทีระหว่างประเทศที่จะมีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งขณะนี้ยังมีการประชุมสหภาพรัฐสภาโลก ก็จะใช้ช่องทางองค์การสภาระหว่างประเทศ ในการชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆจากฝั่งประเทศไทยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สมาชิกประเทศทราบว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร และที่ผ่านมาประเทศไทยปฏิบัติตามหลักกฏหมายระหว่างประเทศเสมอมา” ประธาน กมธ.การต่างประเทศ ระบุ.-สำนักข่าวไทย