พรรคก้าวไกล 7 ส.ค.- ก้าวไกล เปิดตัวแคมเปญ “ก้าวไกล NEXT” เดินหน้ารับฟังความเห็นประชาชน พร้อมปฏิรูป 7 ด้าน เตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง ตั้งเป้ากวาด ส.ส.เข้าสภาฯ เป็นรัฐบาลให้ได้ ยันพรรคคือตัวเลือกแห่งความหวัง
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ร่วมแถลงแคมเปญ “ก้าวไกล NEXT” เพื่อพูดคุยถึงอนาคตของพรรค ยุทธศาสตร์การเลือกตั้งครั้งต่อไป
นายพิธา กล่าวว่า ก้าวไกล NEXT เป็นการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนร่วมระดมความคิดกำหนดทิศทางของพรรคในอนาคต และเป็นการตามหาอนาคตใหม่ให้กับพรรคก้าวไกล ทั้งมิติมุ่งไปสู่อนาคตและมิติมุ่งไปสู่อดีต ซึ่งพรรคต้องทำงานให้หนักมากขึ้นในการรับฟังความเห็น
นายพิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลต้องการก้าวต่อไปก้าวไกลกว่าเดิม และให้มี ส.ส.เข้าสู่สภาฯ ให้มากที่สุด โดย “ก้าวไกล NEXT” คือการปฏิรูปพรรคทั้ง 7 ด้าน ได้แก่ กระบวนการคัดเลือกว่าที่ผู้สมัครฯ การสื่อสารของพรรค การนำเสนอนโยบาย การทำงานในสภาฯ การทำงานพื้นที่ งานอาสาสมัคร และการระดมทุน โดยพรรคจะจัดกิจกรรมรับฟังความเห็นทั่วประเทศและทางออนไลน์ เริ่มตั้งแต่วันนี้ ในการลงพื้นที่ทั่วทุกภาคในประเทศไทย และที่ กทม. ในวันที่ 28 ส.ค.นี้ หลังจากนั้นจะรวบรวมทุกข้อคิดเห็น เปิดแคมเปญใหญ่ของพรรคในวันที่ 9 เดือน 9 ต่อไป
เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ของพรรค มี 3 ประการ คือ ตั้งเป้าเพื่อเป็นรัฐบาลให้ได้ ที่ผ่านมาประเทศไทยบอบช้ำมามาก และต้องเข้าไปแทนที่ของรัฐบาลชุดนี้ให้ได้ เพื่อให้ประเทศมีอนาคต พรรคต้องขยาย ส.ส.เขตให้ได้มากที่สุด และมี ส.ส.เขตในทุกภูมิภาค เพราะการมี ส.ส.เขต จะทำให้พรรคมีความแข็งแรง และตั้งเป้าพรรคได้ ส.ส. ใน 100 เขต และทุกคะแนนเสียงที่ได้รับ จะรักษาความหวัง ความเชื่อมั่นว่าประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศให้ก้าวหน้าได้ โดยผ่านระบบรัฐสภา ดังนั้น เพื่อเดินสู่เป้าหมายนี้ คือ ต้องเตรียมว่าที่ผู้สมัครให้ดีที่สุดพร้อมกับสร้างรากฐานพรรคให้เข้มแข็ง หลังจากถูกทำลายเมื่อครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่
เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวอีกว่า ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น มั่นใจว่า ว่าที่ผู้สมัครของพรรคจะดีกว่าเดิม โดยว่าที่ผู้สมัครจะเป็นหน้าใหม่ เกือบทั้งหมด ทุกคนเข้าใจวิถีการทำงานของพรรคเป็นอย่างดี โดยในหลายพื้นที่ได้เริ่มทำงานแล้ว ขณะที่การทำนโยบาย ต้องตอบโจทย์ระดับพื้นที่และระดับชาติ ประสานนโยบายที่จะเปลี่ยนแปลง สร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเป็นเอกภาพ การปฏิรูปพรรคครั้งใหญ่ จะนำจุดแข็งในอดีตมาตอบโจทย์ประชาชน การปฏิรูปพรรคจะนำไปสู่การรีเฟรชภาพลักษณ์และการจดจำของประชาชน ให้มีความชัดเจนเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน
ส่วนที่ขณะนี้มีพรรคการเมืองใหม่เปิดตัวหลายพรรค นายพิธา มองว่า การตั้งพรรคการเมืองใหม่ ถือเป็นรูปแบบทางการเมือง ที่ต้องหารอยต่อของแต่ละกลุ่มการเมือง ซึ่งพรรคควบคุมปัจจัยภายนอกไม่ได้ แต่สามารถควบคุมการทำงานภายในของพรรคได้ โดยยืนยันว่าพรรคคือตัวเลือกแห่งความหวัง
เลขาธิการพรรค กล่าวว่าในการตั้งเป้าเป็นรัฐบาลพรรคยังเดินหน้าแนวทางเดิม ไม่เน้นหาคนในตระกูลใหญ่ หรือบ้านเดิม แต่จะสรรหาบุคคลธรรมดา ที่มีความโดดเด่น เข้าหาประชาชนให้มากที่สุด มั่นใจพรรคจะเติบโตขึ้นกว่าที่ผ่านมาแน่นอน ยืนยันพรรคไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งทางความคิด .-สำนักข่าวไทย