ผลศึกษาจุฬาฯชี้ กสทช.ไม่มีอำนาจควบรวมทรูดีแทค

กทม. 4 ส.ค.- ผลการศึกษา จุฬาฯ ระบุชัด กสทช. ไม่มีอำนาจอนุญาตหรือไม่อนุญาตการควบรวมธุรกิจทรู-ดีแทค  แต่สามารถออกเงื่อนไขประกอบเพื่อลดผลกระทบได้  แนะจับตาสามารถกำหนดกรอบเงื่อนไขได้ภายใน10 ส.ค.นี้ได้หรือไม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แหล่งข่าวจากกสทช. เผยว่า ในการประชุม กสทช. ครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่23 กุมภาพันธ์ 2565 ได้เห็นชอบให้จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ในฐานะที่ปรึกษาทำการศึกษาในนามของศูนย์บริการวิชาการวิเคราะห์การรวมธุรกิจระหว่างทรู-ดีแทค ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้อ้างอิงประกอบการพิจารณาเงื่อนไขหลังรับทราบรายงานการควบรวม โดยจะต้องดำเนินการภายใน 90 วัน หลังจากที่ได้รับรายงาน ซึ่งปัจจุบันก็ล่วงเลยมาจนเป็นที่น่าจับตาว่า กสทช. จะสามารถกำหนดกรอบเงื่อนไขได้ภายในวันที่ 10 สิงหาคม2565 ตามที่ได้ระบุไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ 

ทั้งนี้ผลการศึกษาของที่ปรึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้สรุปใจความสำคัญชัดเจนว่า“กสทช. ทำได้เพียงพิจารณากำหนดเงื่อนไขหรือนำมาตรการเฉพาะสำหรับผู้มีอำนาจเหนือตลาดอย่างมีนัยสำคัญมาบังคับใช้เท่านั้น แต่ไม่มีอำนาจในการพิจารณาอนุญาตหรือไม่อนุญาตการรวมธุรกิจอีกต่อไป จึงทำให้เรื่องการตีความอำนาจทางกฎหมายของ กสทช. มีความชัดเจน นอกจากนี้ ประกาศ กสทช. และ วิธีปฏิบัตินี้ ก็ได้ดำเนินการมาแล้ว 9 กรณี โดยเป็นรายงานหรือการแจ้งเพื่อทราบ และเมื่อ กสทช. พิจารณาผลกระทบก็สามารถออกเงื่อนไขเป็นเช่นนี้ตามกฎหมาย และ วิธีปฏิบัติมาในอดีต ดังนั้น การควบรวม ทรูและดีแทค จึงใช้ประกาศ กสทช. ปี 61 เช่นเดียวกับ กรณีอื่น โดยไม่เลือกปฏิบัติ” กสทช. ทำได้เพียงกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะ แต่ไม่มีอำนาจอนุญาตหรือไม่อนุญาตควบรวม


โดยในรายงานมีการสรุปย้อนที่มาถึงอดีต โดยอ้างอิงถึงประกาศที่ถูกยกเลิกไปก่อนหน้านี้คือประกาศคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการการควบรวมและการถือหุ้นไขว้ในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 ซึ่งมีการให้อำนาจคณะกรรมการกทช. ในการอนุมัติหรือไม่อนุมัติการควบรวมได้ ตามที่กำหนดไว้ในข้อ 9 และมีหลายคนเอามาอ้างอิง ทั้งที่ประกาศฉบับนี้ถูกยกเลิกไปนานแล้ว  โดยประกาศ ปี 2553 มีใจความสำคัญคือ “…ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่า การควบรวมกิจการไม่ทำให้เกิดการครอบงำตลาดที่เกี่ยวข้องให้คณะกรรมการสั่งอนุญาตให้ควบรวมกิจการได้ แต่ในกรณีที่คณะกรรมการเห็นว่าการควบรวมกิจการอาจทำให้เกิดการครอบงำตลาดที่เกี่ยวข้อง ให้คณะกรรมการสั่งห้ามควบรวมกิจการ…” แต่ต่อมาประกาศปี2553 ฉบับนี้ได้ถูกยกเลิก และมีการบังคับใช้ประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2561 ขึ้นมาแทนและมีผลบังคับอยู่ปัจจุบัน โดยประกาศ กสทช. ปี 2561 และมีการบังคับใช้มาแล้ว 9 กรณี โดย ระบุว่า“ให้เลขาธิการ กสทช. รายงานต่อ กสทช. ภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับความเห็นประกอบการรายงานการรวมธุรกิจจากที่ปรึกษาอิสระ หากการรวมธุรกิจตามข้อ 5 ส่งผลให้ตลาดที่เกี่ยวข้องมีดัชนีเฮอร์ฟินดาห์ล-เฮิร์ชแมน (HHI) มากกว่า 2,500 และเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจากเดิมมากกว่า 100 และมีอุปสรรคการเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการครอบครองโครงสร้างพื้นฐานที่จําเป็นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ ให้ถือว่าการรวมธุรกิจส่งผลกระทบต่อการแข่งขัน ในตลาดที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กสทช.อาจพิจารณากําหนดเงื่อนไขหรือนํามาตรการเฉพาะสําหรับผู้มีอํานาจเหนือตลาดอย่างมีนัยสําคัญในตลาดโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้เพื่อป้องกันความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะ”

“ตามประกาศ 2561 นี้ กสทช. ยังคงมีอำนาจในการกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะสำหรับผู้มีอำนาจเหนือตลาด แต่เนื่องจากประกาศ 2561 ไม่ได้มีเนื้อหาส่วนใดที่ระบุไว้ชัดเจนว่ากสทช. มีอำนาจอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ควบรวม ดังที่เคยปรากฏชัดเจนในข้อ 9 ของประกาศ 2553 รายงานฉบับนี้จึงสรุปว่า กสทช. ในปัจจุบันไม่ได้มีอำนาจอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ควบรวม แต่มีเพียงอำนาจในการกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะเท่านั้น”

ทั้งนี้เหตุผลประกอบของที่ปรึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้อธิบายไว้ละเอียด ดังต่อไปนี้“ภายใต้ประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการกำกับดูแลการรวมธุรกิจฯ ปี 2561 นั้น กสทช. ไม่มีอำนาจ “ไม่อนุมัติ” ให้ผู้รับใบอนุญาตควบรวมกิจการ ประกาศดังกล่าวกำหนดเพียงว่า หากพิจารณาแล้วเห็นว่าการควบรวม ส่งผลให้ตลาดที่เกี่ยวข้องมีดัชนีเฮอร์ฟินดาห์ล-เฮิร์ชแมน(HHI) มากกว่า 2,500 และเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นจากเดิมมากกว่า 100 และมีอุปสรรคการเข้าสู่ตลาด เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ กสทช. อาจพิจารณากำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะสำหรับผู้มีอำนาจเหนือตลาดอย่างมีนัยสำคัญในตลาดโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้เพื่อป้องกันความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะได้  ซึ่งแตกต่างจากประกาศ กทช. ปี 2553 เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการควบรวมฯที่กทช.มีอำนาจอนุมัติการควบรวมกิจการ อนุมัดิการควบรวมกิจการแบบมีเงื่อนไขโดยการกำหนดมาตรการต่าง ๆ และไม่อนุมัติการควบรวมกิจการ” ซึ่งประกาศ กทช. ปี 2553 ได้ถูกยกเลิกไปแล้ว และใช้ประกาศ กสทช. ปี 2561 ทดแทนและใช้มาแล้วกับหลายกรณี


“การกำหนดมาตรการเฉพาะ หมายความถึงการกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตกระทำหรือไม่กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการแข่งขันทางการค้า อันเป็นเจตนารมณ์ของมาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ. การประกอบกิจการโทรคมนาคม เทียบเคียงได้กับการกำหนดมาตรการทางปกครองของเจ้าหน้าที่รัฐตาม พ.ร.บ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ที่เจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งทางปกครองมีอำนาจที่จะพิจารณาใช้มาตรการบังคับทางปกครองเพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งของตนได้ ดังนั้นการกำหนดมาตรการเฉพาะตามมาตรา 21 ย่อมไม่อาจรวมถึงการออกประกาศเพื่อให้อำนาจ กทช. พิจารณาอนุมัติการควบรวมกิจการของผู้รับใบอนุญาตได้” ซึ่งสอดคล้องกับมาตรา 51 (13) แห่งพ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2543 และมาตรา27 (11) แห่ง พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 ที่ให้อำนาจ กสทช. “กำหนดมาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน” หมายความถึงเพียงเรื่องการกำหนดมาตรการประกอบคำสั่งทางปกครอง มิได้เป็นอำนาจในการสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตการควบรวมกิจการ

เมื่อผลการศึกษาของวิเคราะห์การรวมธุรกิจระหว่างทรู-ดีแทค ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณ10 ล้านบาท ซึ่งได้รับความเห็นชอบในการประชุม กสทช. ครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ได้ออกมาชี้ชัดถึงบทบาทของ กสทช. และอำนาจทางกฎหมายที่มี ในการดำเนินการต่อไป กสทช. คงต้องเร่งกระบวนการพิจารณาเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะสำหรับผู้มีอำนาจเหนือตลาดอย่างมีนัยสำคัญในตลาดโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้องมาบังคับใช้เพื่อป้องกันความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

บอร์ดคดีพิเศษ เลื่อนโหวตคดีฮั้วเลือก สว.

บอร์ดคดีพิเศษ เลื่อนโหวตคดีฮั้วเลือก สว. เชิญประธาน กกต. ชี้แจง 5 มี.ค. ก่อนเคาะอีกครั้ง 6 มี.ค. เสียงแตก แย้งให้ส่งอนุกรรมการกลั่นกรองคดีพิเศษตามขั้นตอนก่อน ขณะที่กรรมการบางส่วน เสนอรับเฉพาะที่เกี่ยวกับคดีอาญา “ภูมิธรรม” ยันไม่กระทบสัมพันธ์พรรคร่วม “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย”

ดินเนอร์พรรคร่วมฯ เริ่มแล้ว “อนุทิน” ขอทุกคนอเมริกันแชร์ค่าอาหาร

ดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลเริ่มแล้ว “อนุทิน” ขอทุกคนอเมริกันแชร์ค่าอาหารหัวละ 7,000 บาท เหตุค่าโรงแรมสูง ก่อนเสิร์ฟสปาเกตตี้ซอสเนื้อ

ค้นพบโครงกระดูกมนุษย์ อายุกว่า 29,000 ปี พื้นที่เขาสามร้อยยอด

กรมอุทยานแห่งชาติฯ ร่วมกับกรมศิลปากร แถลงข่าวค้นพบโครงกระดูกมนุษย์ยุคน้ำแข็งโบราณ อายุกว่า 29,000 ปี เก่าแก่ที่สุดในไทย ในพื้นที่ อช.เขาสามร้อยยอด เตรียมพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวธรรมชาติ

เลี้ยงหมูเด้ง

“เฉลิมชัย” ยันสวนสัตว์เขาเขียวเลี้ยงหมูเด้งตามมาตรฐานสากล

“เฉลิมชัย” โต้ “พีต้า” สวนสัตว์เขาเขียวเลี้ยงหมูเด้งถูกสุขลักษณะตามมาตรฐานสากล ทำแม่ฮิปโปแคระมีลูกถึง 7 ตัว ยันมีหลายองค์กรรับรอง จี้ “พีต้า” มาดูด้วยตัวเอง