รัฐสภา 22 ก.ค.-“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ยกรัฐธรรมนูญชี้ “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกฯ ได้ถึง 23 ส.ค.เท่านั้น ถ้าดื้ออยู่ต่อมีวิกฤติแน่นอน
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยเชื่อว่าหลังจากวันที่ 23 สิงหาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 ประกอบมาตรา 264 กำหนดไว้ว่านายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปีไม่ได้ และ ครม.ที่อยู่ก่อนรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ให้ถือเป็น ครม.ตามรัฐธรรมนูญด้วย พล.อ.ประยุทธ์รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งแรกวันที่ 24 สิงหาคม 2557 และครั้งที่สองคือ 9 มิถุนายน 2562 ดังนั้น การนับวาระดำรงตำแหน่งต้องนำมารวมกัน และจะครบ 8 ปีวันที่ 23 สิงหาคม 2565
“ก่อนหน้านี้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมายบอกว่านายกฯ ครบ 8 ปี จะกลับมาไม่ได้ เว้นแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งผมเชื่อว่าสมาชิกสภาฯ ไม่ให้แก้ เพราะมีแต่คนไล่ ดังนั้น เมื่อนักกฎหมายประจำตัวชี้ ควรเข้าใจ อย่าดื้อรั้นต่อไป ท่านอยู่ได้ถึง 23 สิงหาคม หากพยายามอยู่ต่อ เชื่อว่าจะมีวิกฤติประเทศขึ้น ประชาชนไม่ยอมรับได้ เพราะประชาชนไม่เอาประยุทธ์แม้แต่คนเดียว หากฝืนดำรงตำแหน่งต่อไป อ้างไม่เข้าใจรัฐธรรมนูญ ส่งศาลรัฐธรรมนูญ วิกฤติประเทศเกิดจะรับผิดชอบไหวหรือไม่ ผมเชื่อว่า ส.ส.ฝ่ายค้านยอมไม่ได้ หากจะแก้ปัญหานี้ ฝ่ายค้านและรัฐบาลต้องร่วมมือกันไม่ไว้วางใจ แต่หากไม่สำเร็จ พรรคร่วมรัฐบาลต้องรับผิดชอบกับการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญของ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย เช่นเดียวกับสภาที่ต้องร่วมรับผิดชอบการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ต้องต้องดำเนินคดีอาญา พล.อ.ประยุทธ์และผู้ที่เกี่ยวข้อง” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ไม่สามารถไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ได้ เพราะการบริหารราชการล้มเหลว เป็นนักกู้เงินสูงสุด มีวงเงินกู้รวม 10 ล้านล้านบาท เหตุผลที่กู้เงินมาเพื่อนำมาผลาญ มาแจกประชาชน หวังสืบทอดอำนาจ นอกจากนั้น ยังไม่สนใจปัญหาประชาชน เห็นได้จากการขอจัดสรรงบประมาณกระทรวงกลาโหมมากกว่างบประมาณกระทรวงด้านสังคม ด้านช่วยเหลือประชาชน ขณะเดียวกันในการลงพื้นที่ต่างจังหวัดยังพบว่าสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน.-สำนักข่าวไทย