รัฐสภา 19 ก.ค.-“นพ.วาโย” เปิดคลิป “อนุทิน” ชูนโยบายกัญชาหาเสียง ชี้ จงใจสร้างสุญญากาศทางกฎหมายควบคุม ชี้มีประโยชน์รักษาได้บางโรค แต่มีโทษต่อพัฒนาการเด็ก
นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยเริ่มต้นด้วยการเปิดคลิปปราศรัยของนายอนุทินที่เคยหาเสียงนโยบายกัญชาเสรี ซึ่งเนื้อหาในคลิป ระบุว่า “กัญชาไม่ใช่เสพติด แต่เป็นยาพารวย ปลูกได้ทุกบ้าน และจะรับซื้อกิโลกรัมละ 7 หมื่นบาท ไม่รวยตอนนี้จะรวยตอนไหน นำมาผสมอาหารก็ได้ หรือให้พี้ก็ได้เพิ่มเสียงหัวเราะให้ประชาชน”
นพ.วาโย กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าเสียดาย แทนที่จะสร้างเสียงหัวเราะประชาชนด้วยนโยบายเศรษฐกิจ แต่กลับมาสร้างเสียงหัวเราะด้วยกัญชา อีกทั้งยังโฆษณาชวนเชื่อกับประชาชนว่าทุกคนจะปลูกกัญชาได้จนร่ำรวย สามารถนำกัญชาไปผสมอาหารหรือเสพได้ ซึ่งเหล่านี้ไม่ใช่วัตถุประสงค์ของกัญชาทางการแพทย์เลย ต้องยอมรับความจริง 3 ข้อ คือ 1.กัญชาไม่ใช่ยาครอบจักรวาล 2.กัญชามีทั้งประโยชน์และโทษ 3.กัญชา ถ้าจะนำมาใช้ในการนันทนาการ ต้องระมัดระวัง ทั้งตัวเองและคนรอบข้าง โดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชน เพราะมีหลักฐานจากนักวิชาการว่าเมื่อใช้กัญชา จะมีปัญหาและพฤติกรรมผิดเพี้ยนชนิดไม่กลับคืน
นพ.วาโย ตั้งข้อสังเกตว่า นายอนุทินจงใจสร้างสูญญากาศทางกฎหมาย เพราะระหว่างที่ปลดล็อกกัญชา กลับเพิ่งยื่นร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชงเข้าสภาฯ ในวันที่ 26 มกราคม 2565 เมื่อเป็นร่าง ฯ เกี่ยวด้วยการเงินก็ต้องส่งให้นายกรัฐมนตรีในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่รัฐมนตรีประกาศปลดกัญชาออกจากยาเสพติด เมื่อนายกรัฐมนตรีอนุมัติและส่งกลับมาก็ปิดสมัยประชุมไป 3 เดือน เพิ่งจะได้บรรจุเข้าวาระปลายเดือนพฤษภาคม และรัฐสภาตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณากฎหมายในวันที่ 8 มิถุนายน 2565 หรือเพียง 1 วันก่อนครบกำหนด 120 วันที่จะถอดกัญชาออกจากยาเสพติด
“ทำไมท่านไม่แก้ไขประกาศสาธารณสุขวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ยืดระยะเวลาออกไปจาก 120 วัน แค่นั้นเอง หรือหลังจากวันที่ 8 กุมภาพันธ์ เห็นแล้วว่ากฎหมายผ่านไม่ทัน ท่านก็แค่ยกเลิกประกาศให้ใช้ประกาศเดิม รอจนกว่าจะมีกฎหมายควบคุมกัญชาแต่ท่านไม่ทำ พรรคก้าวไกลสนับสนุนการปลดล็อกกัญชาทั้งทางการแพทย์และเพื่อสันทนาการ แต่จำเป็นต้องควบคุมอย่างเหมาะสม เพราะแม้กัญชาจะมีประโยชน์ในการรักษาบางโรค แต่ก็มีหลักฐานยืนยันโทษของกัญชาเช่นกัน โดยเฉพาะกับพัฒนาการของเด็กและเยาวชน” นพ.วาโย กล่าว
นพ.วาโย กล่าวว่า การปล่อยให้ไม่มีการควบคุมกัญชาจนร้านค้านำไปผสมอาหารโดยไม่แจ้งผู้บริโภค ทำให้เกิดความหวาดกลัวผลข้างเคียงของกัญชา ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานหรือท่องเที่ยวไทยกลัวว่าหากกินอาหารที่ผสมกัญชาเข้าไปโดยไม่รู้ตัว อาจเกิดปัญหากับประเทศต้นทาง จนอาจกระทบกับการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยอย่างมากด้วย สิ่งที่ทำไม่ได้สนับสนุนเชิงการแพทย์ เสี่ยงต่อเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว สุขภาพและการทูต จึงไม่สามารถไว้วางใจนายอนุทินได้.-สำนักข่าวไทย