มูลนิธิป่ารอยต่อฯ 11ก.ค.-“พล.อ.ประวิตร” ประชุมกรรมการบริหารโครงการพัฒนาพลังงานไฟฟ้า 5 จชต. มุ่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานทั้งระบบ สร้างอาชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตปชช.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประชุมคณะกรรมการอำนวยการบริหารโครงการพัฒนาพลังงานไฟฟ้า จังหวัดชายแดนภาคใต้(จชต.)เพื่อความมั่นคง ครั้งที่ 1/65 ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ โดยที่ประชุมรับทราบมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ผลักดันกระจายอำนาจการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่นำร่องจังหวัดชายแดนภาคใต้(จชต.) ด้วยโครงการบริหารจัดการไฟฟ้าครบวงจรในพื้นที่จชต. ผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลและชีวภาพ เน้นทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ความมั่นคงพลังงานยั่งยืน เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการพลังงาน สร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก โดยใช้กลไกโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกขนาดเล็ก / เล็กมาก เป็นเครื่องมือการพัฒนา แก้ปัญหาเชิงระบบให้ครบวงจร
ที่ประชุมร่วมพิจารณาและเห็นชอบแนวทางการดำเนินโครงการ “โรงไฟฟ้าประชารัฐ” สำหรับพื้นที่จชต. เพื่อส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชนและเชื่อมโยงเกษตรกรรมฐานรากผ่านพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งการช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนพลังงาน และเป็นพื้นฐานการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนทั้งระบบ โดยมอบหมายให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) และกระทรวงพลังงานร่วมขับเคลื่อนอย่างใกล้ชิด และมอบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ภาค 4 ส่วนหน้า( กอ.รมน.ภาค 4 สน. กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงทรัพย์ฯ และ กระทรวงมหาดไทยร่วมสนับสนุนการดำเนินโครงการ โดยเฉพาะการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชนให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ให้ความเห็นชอบการจัดสรรโควต้าพลังงานไฟฟ้าคงเหลือให้กับแผนขับเคลื่อนโครงการไฟฟ้าในพื้นที่ จชต. โดยมอบให้กระทรวงพลังงานพิจารณาโควต้าที่เหมาะสม และจัดสรรงบประมาณ จากกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานรวม 265 ล้านบาท เพื่อนำไปเสริมและสนับสนุนการขยายพื้นที่ปลูกพืชพลังงาน รองรับโครงการโรงไฟฟ้าจังหวัด ในปี 66 – 67
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า โครงการนำร่องดังกล่าว มีเป้าหมายสำคัญการพัฒนาเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนแบบมีส่วนร่วมในพื้นที่ 5 จชต. ( นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา สตูล) จึงต้องร่วมกันเร่งผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมเร็วที่สุด เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะก่อให้เกิดพื้นที่เพาะปลูกพืชพลังงานและพืชอาหารสัตว์เป็นวงกว้าง ร่วมกับการส่งเสริมงานปศุสัตว์ขนาดใหญ่ ที่นำไปสู่วิสาหกิจชุมชนและอุตสาหกรรมแปรรูปตามกรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล จชต. ซึ่งต้องพยายามให้เป็น “ศูนย์กลางการผลิตอาหารฮาลาลระดับโลก” ให้ได้
“ที่สำคัญการจัดให้มีกองทุนโรงไฟฟ้าเพื่อชุมชน จะส่งเสริมการประกอบพิธีทางศาสนาและการศึกษาที่เชื่อมโยงอาชีพและความต้องการของประชาชนในพื้นที่มากขึ้น ขอให้กระทรวงพลังงานและศอบต.สนับสนุนการใช้พืชพลังงาน เป็นวัตถุดิบในการผลิตไฟฟ้า เพื่อแรงจูงใจดึงภาคเอกชนร่วมพัฒนาพื้นที่ ที่มีปัญหาด้านความมั่นคง ด้วยความจริงใจและเข้าใจร่วมกัน” พล.อ.ประวิตร กล่าว.-สำนักข่าวไทย