กทม. 9 ก.ค.- “มงคลกิตติ์” แจ้งความคืบหน้าถูก “ศักดิ์สยาม” ฟ้องปมโควิด 2 คดี ลั่นจ่อฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส. บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงความคืบหน้าในกรณีที่ถูกนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ฟ้องร้องดำเนินคดีฐานความผิดหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญาและพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 จำนวน 2 คดีว่าสืบเนื่องจากกรณีเหตุการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 รอบ 2 ตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 เป็นต้นมา ตนได้วิพากษ์วิจารณ์นายศักดิ์สยามเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2564 จนนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติ ประเด็นสาเหตุการแพร่ระบาดโควิดรอบ 2 เมื่อ 3 กันยายน 2564 ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นายศักดิ์สยามได้ฟ้องร้องดำเนินคดีที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ จำนวน 2 คดี คือ
1.คดีหมิ่นประมาท-พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีเหตุการณ์ที่ขับเจ็ทสกีกับหญิงสาวผู้หนึ่ง และเหตุการณ์ที่สถานบันเทิงทองหล่อ ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างชั้นอัยการจังหวัดบุรีรัมย์ตีสำนวนกลับมาสอบสวนเพิ่มเติม โดยมีนายทิวา การกระสัง เป็นทนายความผู้รับมอบอำนาจและมีหญิงสาวผู้นั้น เป็นพยานโจทก์ในคดี
2.คดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 โดยมี นายทิวา การกระสัง เป็นทนายความผู้รับมอบอำนาจ อีกทั้งในเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีหญิงสาวผู้นั้นเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย มาเที่ยวพักผ่อนขับเจ็ทสกีที่ทะเล
เมื่อ 12 พฤษภาคม 2564 หญิงสาวผู้นี้ได้มาเป็นพยานในคดี สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้เป็นโจทก์ฟ้องต่อศาลอาญาดำเนินคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาพร้อมฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 5 ล้านบาท ใน คดีหมายเลขดำที่ อ.1063 /2564 กับนายมงคลกิตติ์ โดยมีนายทิวา การกระสัง เป็นผู้เรียง-ผู้เขียนหรือพิมพ์และทนายความ ต่อมาเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 เวลา 13.30 น. ศาลอาญาได้ไต่สวนมูลฟ้องทั้งฝ่ายโจทก์-จำเลย โดยมีนายศักดิ์สยาม ร่วมเป็นพยานแต่ไม่มาเบิกความ จนเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2565 เวลา 09.30 น. ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง คดีไม่มีมูล ศาลจึงไม่รับฟ้องคดีแพ่งจากโจทก์ได้
“ประเด็นสำคัญแห่งคดี ที่บุคคลผู้นั้นเป็นโจทก์กล่าวหาว่า ผมได้นำภาพของเธอและนายศักดิ์สยามไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ ข่าวชาวบ้าน-Thai TV Social และ เผยแพร่ผ่านเพจเฟซบุ๊ก CSI LA แต่ปรากฏในการนำสืบพยานในชั้นศาลไต่สวนจำเลย ได้นำเอกสารยืนยันจาก ข่าวชาวบ้าน-Thai TV Social และ เพจเฟซบุ๊ก CSI LA ว่าภาพที่อ้างถึงนั้น ไม่ได้มาจากนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร แบบบัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เหตุเนื่องจากภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต และปรากฏตามสื่อโซเชียลมีเดียหลายแพลตฟอร์ม ซึ่งบริษัทฯ ได้นำเสนอข่าวเช่นเดียวกับสื่อสำนักอื่นๆ บริษัทฯ จึงขอยืนยันว่านายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ไม่ได้ส่งข้อมูลภาพดังกล่าวให้แก่บริษัทฯ แต่อย่างใด” นายมงคลกิตติ์ กล่าว
นายมงคลกิตติ์ กล่าวด้วยว่า นายศฤงคาร ข่ายสุวรรณ หรือ ทนายมีน กรรมการบริหารพรรคไทยศรีวิไลย์ ฝ่ายกฎหมาย ได้เป็นทนายความประจำตัวให้กับตน ซึ่งทนายมีนซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นทนายความมือหนึ่งของพรรคไทยศรีวิไลย์ที่ไม่เคยว่าความแพ้คดีเลย ดังนั้นจากกรณีที่ศาลอาญาชั้นต้นได้ยกฟ้องในครั้งนี้จะมีผลต่อคดีที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพราะเป็นเหตุการณ์เดียวกันเนื้อหาเดียวกันเปลี่ยนเพียงชื่อโจทก์เท่านั้น ซึ่งถ้าในวันที่ 30 กรกฎาคม นี้ ถ้าโจทก์ไม่ยื่นอุทธรณ์จะถือว่าคดีถึงที่สุดแล้ว ถ้าคดีถึงที่สุดเมื่อใดตนจะฟ้องกลับโจทก์ พร้อมผู้เรียง-ผู้เขียนหรือพิมพ์คำฟ้อง ตาม ป.อาญา มาตรา 175 ผู้ใดเอาความอันเป็นเท็จฟ้องผู้อื่นต่อศาลว่ากระทำความผิดอาญา หรือว่ากระทำความผิดอาญาแรงกว่าที่เป็นความจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท พร้อมฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 100 ล้านบาททันที.-สำนักข่าวไทย