ทำเนียบรัฐบาล 8 ก.ค.- “ชัยวุฒิ”บินกัมพูชา ลงนามเอ็มโอยู กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 11 ก.ค.นี้
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู)ในการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ กับทางรัฐบาลกัมพูชา ว่า ในวันจันทร์ ที่ 11 ก.ค.นี้ ตน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)จะเดินทางไปที่กัมพูชา เพื่อลงนามบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู)ในการปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ซึ่งเอ็มโอยูดังกล่าว จะมีรายละเอียด อาทิ เรื่องการจับกุมดำเนินคดี การส่งผู้ร้ายข้ามแดนเป็นต้น และจะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันแก้ปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ให้ได้
ทั้งนี้เราตรวจสอบพบว่าแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ มีสำนักงานอยู่ที่กัมพูชา ทางกระทรวงดิจิทัลฯและตำรวจ จึงร่วมกันทำงานเพื่อจะปิดกั้นและจับกุมดำเนินคดีขบวนการดังกล่าว โดยได้รับความร่วมมือกับทางกัมพูชา และการลงนามครั้งนี้คาดว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มเติม มาเสนอกับสื่อมวลชนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือระหว่างไทยและกัมพูชาเป็นก้าวสำคัญ หากประสบความสำเร็จ จะทำให้ขบวนการนี้ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่สามารถก่อเหตุได้อีกต่อไป ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมา มีการร้องเรียน และแจ้งความคดีทางออนไลน์ กว่าหมื่นคดี โดยต้องยอมรับว่าการสืบสวนสอบสวนคดีเหล่านี้ทำได้ยาก เพราะต้องสืบหาต้นตอผู้กระทำผิด ขณะที่คนร้ายพยายามหลบหนีการจับกุม
เมื่อถามว่าจากการตรวจสอบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ที่อยู่ในกัมพูชา มีประมาณกี่ราย นายชัยวุฒิกล่าวว่า ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัดเจนว่าจับกุมไปเท่าไหร่
เมื่อถามว่าแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์เริ่มปรับรูปแบบการหลอกลวงโดยใช้หมายเลขจากในประเทศในการหลอกลวงผู้เสียหาย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า หากเป็นกลุ่มที่ก่อเหตุในไทย ตำรวจจับกุมดำเนินคดีอยู่แล้ว และจับกุมกลุ่มที่ใช้เครื่องมือด้วยวิธีการต่อสายครั้งเดียวไปถึงหลายเบอร์ ถ้าขบวนการนี้อยู่ในไทยเดี๋ยวก็ถูกจับ แต่ที่มีปัญหาคือมีสำนักงานในต่างประเทศ ทำให้ต้องประสานงานกับรัฐบาลประเทศนั้นๆเพราะเราไม่มีอำนาจไปดำเนินคดีในดินแดนอธิปไตยอื่น
เมื่อถามว่านายกฯได้กำชับเรื่องติดตามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์เป็นพิเศษหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า นายกฯเป็นห่วง เพราะคนไทยในปัจจุบัน ใช้สื่อโซเชียล และอินเตอร์เน็ตมากขึ้น โดยทำธุรกรรมต่างๆ เช่น ซื้อสินค้า ลงทุน หรือธุรกรรมการเงิน ผ่านระบบออนไลน์ จำนวนมาก แม้จะป้องกันอย่างดี แต่คนร้ายสามารถใช้ช่องทางนี้หลอกลวงประชาชน ทำให้เกิดมูลค่าความเสียหายในแต่ละปีค่อนข้างมาก.-สำนักข่าวไทย