ทำเนียบรัฐบาล 2 มิ.ย.-โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ กำชับทุกฝ่ายเร่งพัฒนาพื้นที่ย่านสถานีรถไฟอุดรธานี-หนองคาย รองรับส่งออกสินค้าผ่านรถไฟความเร็วสูง สปป.ลาว-จีน ให้มีประสิทธิภาพ สอดรับยุทธศาสตร์การคมนาคมระดับภูมิภาค
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามและกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพัฒนาโลจิสติกส์ระบบราง โดยเฉพาะในพื้นที่ย่านสถานีรถไฟอุดรธานี-หนองคาย ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านการส่งออกแห่งใหม่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อให้การขนส่งเกิดความก้าวหน้า มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์การใช้งานประชาชนมากที่สุด โดยเฉพาะด้านการนำเข้า ส่งออกสินค้าทางการเกษตรของผู้ประกอบการไทย ที่กำลังได้รับความนิยมในภูมิภาค
“จากภาพรวมอัตราการส่งออกของไทยระหว่างเดือนมกราคม-เมษายนที่ผ่านมาขยายตัวสูงกว่า 13.7% รวมมูลค่า 97,122 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ สินค้าการเกษตร สินค้าเกษตรอุตสาหกรรม และสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งการส่งออกสินค้าทางการเกษตรของไทยยังคงครองตลาดในจีนต่อเนื่อง อาทิ ทุเรียนหมอนทอง หมอนยางพารา ผ้าไหมไทย ข้าวมอลต์ ยางมะตอย เม็ดพลาสติก และอาหารไทยชนิดต่าง ๆ และจากความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกัน อีกทั้งรถไฟความเร็วสูงระหว่าง สปป.ลาว-จีนเปิดให้บริการแล้ว จึงเป็นโอกาสของไทยในการพัฒนาระบบการขนส่งทางรางให้มีประสิทธิภาพ เอื้อต่อการส่งออกสินค้าผ่านรถไฟจากไทยไปจีนยิ่งขึ้น ขณะนี้การขนส่งทางรถไฟความเร็วสูงจึงเป็นทางเลือกใหม่ที่คุ้มค่า” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีติดตามและสนับสนุนการส่งออกสินค้าไทยออกสู่ตลาดโลก อีกทั้งมุ่งมั่นเสริมสร้างศักยภาพระบบโลจิสติกส์ไทยให้ก้าวหน้าและพร้อมสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในอนาคต รวมทั้งขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาและหามาตรการรองรับอย่างต่อเนื่อง และขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมบูรณาการการทำงาน ให้สอดคล้องตามแนวนโยบายทางการค้าและยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งอย่างเคร่งครัด มีประสิทธิภาพ เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น การที่นายกรัฐมนตรีสปป.ลาวเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลระหว่างวันที่ 1-2 มิถุนายนนี้ จึงเป็นโอกาสให้ผู้นำทั้งสองฝ่ายร่วมหารือประเด็นนี้ โดยสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ.-สำนักข่าวไทย