ทำเนียบรัฐบาล 18 พ.ค.- นายกฯ พร้อมผลักดันความร่วมมือกับสาธารณรัฐเช็ก อย่างรอบด้าน พร้อมขยายการลงทุนร่วมกัน สร้างเศรษฐกิจที่ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
นายมาเร็ก ลิบชีตซกี (Mr. Marek Libřický) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเช็กประจำประเทศไทย เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เนื่องในโอกาสพ้นจากหน้าที่ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณและเชื่อมั่นว่าประสบการณ์ที่เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเช็กฯ ได้รับตลอดการทำงานที่ประเทศไทยจะช่วยสานต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในปี 2567 จะเป็นวาระครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ จึงหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระชับความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือเพื่อผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันแก่ประชาชนทั้งสองฝ่าย
เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเช็กฯ กล่าวว่า ไทยถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญในอาเซียน พร้อมชื่นชมการทำงานของรัฐบาลในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 โดยเชื่อมั่นว่า ภายหลังสถานการณ์คลี่คลาย ทั้งสองประเทศจะสานต่อการทำงานอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันความสัมพันธ์และความร่วมมือในอนาคต
นายกรัฐมนตรี ยินดีที่การค้าระหว่างกันในปี 2564 มีมูลค่าสูงถึงกว่า 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเช็กถือเป็นหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย และทั้งสองฝ่ายยังมีช่องทางที่จะขยายการลงทุนระหว่างกันได้อีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและอุปกรณ์ทางการแพทย์ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอแนะถึงการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนด้วยการใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG เช่นเดียวกับแผน European Green Deal (EDC) ของสหภาพยุโรป เพื่อสร้างการเจริญเติบทางเศรษฐกิจที่ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
นายกรัฐมนตรี ยินดีที่ทั้งสองประเทศต่างเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมระหว่างกัน โดยอนาคตควรมีแผนพัฒนาแลกเปลี่ยนกลุ่มนักท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยรัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้ โดยเช็กคาดหวังว่าภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จะมีการเส้นทางบินตรงกรุงเทพมหานคร-กรุงปรากต่อไป
นายกรัฐมนตรี หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐเช็ก (Joint Commission on Economic Cooperation: JEC) ครั้งที่ 3 เพื่อเป็นโอกาสในการหารือแนวทางที่มีอยู่เดิม และความร่วมมือในสาขาใหม่ อาทิ สาธารณสุข Startup การจัดการสิ่งแวดล้อม และการทูตอวกาศ ขณะที่เช็กฯ ยืนยันจะสนับสนุนไทยในการฟื้นการเจรจา FTA ไทย-EU และการลงนามความตกลง Thailand-EU PCA และพร้อมให้การสนับสนุนไทยในกรอบ EU ต่อไป
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียินดีที่เช็กจะดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรีสหภาพยุโรป ระหว่างเดือนกรกฏาคม-ธันวาคม 2565 รวมทั้งยินดีต่อการประกาศยุทธศาสตร์เพื่อความร่วมมือในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกของ EU ซึ่งไทยพร้อมให้การสนับสนุนเพื่อผลักดันให้ EU และอาเซียนมีความใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย