“สุวัจน์” นั่งประธาน ชพน. “Come Back” โคราช

โคราช 23 เม.ย.- ชาติพัฒนา มีมติแต่งตั้ง “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” เป็นประธานพรรค ปรับยุทธศาสตร์ทั้ง 4 ด้าน การเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี ชู 7 นโยบายทางออกประเทศหลังการเลือกตั้ง ลั่น ชาติพัฒนา Come Back เตรียมหวนคืนความยิ่งใหญ่ ยึดโคราชเป็นเรือนตาย


เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2565 เวลา 10.00 น. ห้องประชุมลำปลายมาศ โรงแรมแคนทารี่โคราช พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) จัดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2565 โดยมี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา พร้อมด้วย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา นายวัชรพล โตมรศักดิ์ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนา และ ส.ส.นครราชสีมา รวมทั้งที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ประกอบด้วย นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายสุเมธ ศรีพงษ์ อดีต ส.ว.นครราชสีมา, พันเอกวินัย สมพงษ์  อดีตรัฐมนรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ในฐานะรองหัวหน้าพรรคฯ โดยสมาชิกพรรคชาติพัฒนา จำนวน 290 คน ร่วมประชุมและรับฟังบรรยายสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการเมืองภายใต้หัวข้อ “ทางออกของประเทศภายหลังการเลือกตั้ง” รวมถึงการลงคะแนนเลือกตั้งประธานพรรค และคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคทั้ง 4 ด้าน

โดยที่ประชุมใหญ่มีมติเลือกตั้ง นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นประธานพรรคชาติพัฒนา ซึ่งตำแหน่งประธานพรรค จะเป็นประธานของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านเทคโนโลยี เพื่อจัดทำนโยบายและข้อเสนอแนะในการบริหารงานของพรรคชาติพัฒนาให้ทันกับการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองและสร้างความอยู่ดี กินดี ให้กับพี่น้องประชาชน


นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่าผมต้องขอขอบพระคุณท่านหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกทุกท่านที่ได้กรุณาให้เกียรติและไว้วางใจผมให้รับตำแหน่ง “ประธานพรรค” ของพรรคชาติพัฒนา จากการที่ได้มีการแก้ไขข้อบังคับพรรค เพื่อปรับปรุงโครงสร้างการทำงานของพรรคชาติพัฒนาให้สอดคล้องกับภาวะปัญหาและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของปัจจัยต่างๆ ของโลกรอบตัวเรา และปัญหาต่างๆ ภายในประเทศ เพื่อให้พรรคชาติพัฒนามีขีดความสามารถในการทำงานทางการเมือง โดยโครงสร้างพรรคใหม่ ภายใต้ข้อบังคับที่มีการแก้ไขวันนี้ ก็จะเพิ่มเติมให้มีโครงสร้างของคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคมีทั้งหมด 4 คณะ คือ ด้านเศรษฐกิจ  ด้านสังคมท้องถิ่นและการเมือง ด้านเทคโนโลยี  และด้านการเมือง

โดยมีประธานพรรค เป็นประธานของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ทั้งหมด ซึ่งหน้าที่ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ก็จะคล้ายๆ กับบริษัทใหญ่ๆ ที่จะมีคณะผู้บริหารและบอร์ดใหญ่ โดยบอร์ดใหญ่จะดูแลเรื่องนโยบายต่างๆ มอบให้กับคณะผู้บริหารรับไปพิจารณาเป็นแนวทางการบริหาร คณะผู้บริหารของพรรคก็จะมีหัวหน้าพรรคเป็นผู้รับผิดชอบร่วมกับกรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการยุทธศาสตร์ก็จะทำหน้าที่คล้ายบอร์ดนโยบายที่จะประกอบด้วยผู้อาวุโส มีประสบการณ์เยอะๆ  นักวิชาการต่างๆ มาร่วมกันคิดยุทธศาสตร์และนโยบาย ที่จะนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาของประเทศและของประชาชนให้ลุล่วง โดยมอบยุทธศาสตร์และนโยบายให้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรครับไปเป็นแนวทางในการทำงานต่อไป

นายสุวัจน์ กล่าวว่าการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้ามีความสำคัญมากกับอนาคตของประเทศและของเรา ต่างกับทุกครั้ง เพราะครั้งนี้จะเป็นการเลือกตั้งที่อยู่บนมหาวิกฤตและความหวังของประชาชนว่าใครจะมาแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาตลอดจนถึงวันนี้ เป็นวิกฤตจริงๆ ทั้งเรื่องโควิด วิกฤตเศรษฐกิจ และสถานการณ์ราคาน้ำมันแพงที่กระทบต่อทุกคนอยู่ในเวลานี้  เกิดจากสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเคร สถานการณ์การค้าการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด สถานการณ์ของสงครามการค้าของจีนและสหรัฐฯ สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ( TECHNOLOGY DISRUPION) ทั้งเทคโนโลยีดิจิตอล เทคโนโลยีชีวภาพวิทยาศาสตร์ชีวภาพทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นในการดำรงชีวิตชีวิตและการทำธุรกิจ ทำให้มีผลกระทบต่อขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศ กระทบต่อการเติบโตของ GDP ของประเทศ กระทบการลงทุนจากต่างชาติ กระทบการส่งออก กระทบต่อผลผลิตและราคาพืชผลการเกษตรของเกษตรกร กระทบต่อรูปแบบการทำธุรกิจที่เปลี่ยนไป การทำอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนไป กระทบต่อ SME ที่ปรับตัวไม่ทัน ปัญหาภัยธรรมชาติต่างๆ  น้ำท่วม  พายุ  แผ่นดินไหวที่เกิดจากปัญหาโลกร้อนกลายเป็นปัญหาใหญ่ของโลกที่ต้องแก้ไขร่วมกัน ถ้าฟังปัญหาทั้งหมดก็จะเห็นมหาวิกฤตจริงๆ บ้านเมืองของเราวันนี้ ก็เป็นเรื่องที่พวกเราต้องช่วยกันแก้ไข ช่วยกันคิดว่าจะพาประเทศชาติออกจากวิกฤติได้อย่างไรกัน  ถึงเป็นที่มาของหัวข้อการพูดวันนี้ว่า “ทางออกประเทศหลังการเลือกตั้ง” ควรจะต้องทำอย่างไรดีต่อไป”


นายสุวัจน์ กล่าวว่า “ทางออกประเทศหลังการเลือกตั้ง” หมายถึง งานและนโยบายต่างๆ ที่จะต้องดำเนินการกันอย่างจริงจัง เพื่อกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจกลับมาและให้เติบโตอย่างยั่งยืน สร้าง Plat Form ใหม่ ไม่ให้เราเสียเปรียบ แข่งขันบนจุดแข็งที่เรามีอยู่และสามารถรักษาขีดความสามารถด้านการแข่งขันของเราไว้ได้  เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีความรักสามัคคีเกิดขึ้นในชาติบ้านเมืองของเรา เมืองไทยเรากลับมามีรอยยิ้มเหมือนเดิม รักกันเหมือนเดิม มีความสุขเหมือนเดิม

และสิ่งที่เราควรจะทำกันเพื่อให้ประเทศชาติของเรามีทางออกมีหลายประเด็นที่อยากเสนอให้พวกเราช่วยกันคิด ช่วยกันทำ รวม 7 เรื่อง คือ 1.ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องและดูแลผลกระทบจากโควิด (Post Covid) 2.ใช้เทคโนโลยีมาสร้างความทันสมัยให้กับประเทศ 3.เศรษฐกิจต้องเติบโตบนจุดแข็ง เป็น Plat Form ใหม่ของเศรษฐกิจไทย 4.ท้องถิ่นต้องเข้มแข็ง สร้างความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ 5.ผู้สูงอายุ คือ กำลังของประเทศ 6.เตรียมพร้อมรองรับปัญหาโลกร้อน (Global Climate Change) และ 7. การเมืองทางออกสุดท้ายของประเทศ ต้องมีเสถียรภาพ  คุณภาพ เสียสละ ลดความขัดแย้ง

นายสุวัจน์ กล่าวย้ำว่าพรรคชาติพัฒนามีความตั้งใจที่จะเข้ามาช่วยกันทำงานในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้พี่น้องประชาชน จากประสบการณ์และบุคลากรของพรรคที่เคยทำมาแล้ว โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จในช่วงที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีต ส.ส.โคราชเป็นนายกรัฐมนตรี “เศรษฐกิจยุคทอง แปรสนามรบเป็นสนามการค้า โคราชประตูสู่อีสาน อีสานประตูสู่อินโดจีน” เราพร้อมที่จะทำงานและเชื่อมั่นว่าเราทำได้ เราเคยทำมาแล้ว เราจะทำต่อไปเพื่อพี่น้องประชาชนชาวไทย ขอให้ไว้วางใจพรรคชาติพัฒนา
 
“พรรคชาติพัฒนา เกิดที่โคราช ถึงมีคำว่าโคราชชาติพัฒนา มีคำว่าตนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน  เกิดที่โคราชก็ต้องตายที่โคราช พรรคชาติพัฒนาขอยึดเอาโคราชไว้เป็นเรือนตาย ขอ Come back อีกครั้งเพื่อรับใช้ชาวโคราช” ประธานพรรค กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย