fbpx

“สุวัจน์” นั่งประธาน ชพน. “Come Back” โคราช

โคราช 23 เม.ย.- ชาติพัฒนา มีมติแต่งตั้ง “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” เป็นประธานพรรค ปรับยุทธศาสตร์ทั้ง 4 ด้าน การเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี ชู 7 นโยบายทางออกประเทศหลังการเลือกตั้ง ลั่น ชาติพัฒนา Come Back เตรียมหวนคืนความยิ่งใหญ่ ยึดโคราชเป็นเรือนตาย


เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2565 เวลา 10.00 น. ห้องประชุมลำปลายมาศ โรงแรมแคนทารี่โคราช พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) จัดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2565 โดยมี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา พร้อมด้วย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา นายวัชรพล โตมรศักดิ์ เลขาธิการพรรคชาติพัฒนา และ ส.ส.นครราชสีมา รวมทั้งที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ประกอบด้วย นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายสุเมธ ศรีพงษ์ อดีต ส.ว.นครราชสีมา, พันเอกวินัย สมพงษ์  อดีตรัฐมนรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ในฐานะรองหัวหน้าพรรคฯ โดยสมาชิกพรรคชาติพัฒนา จำนวน 290 คน ร่วมประชุมและรับฟังบรรยายสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและการเมืองภายใต้หัวข้อ “ทางออกของประเทศภายหลังการเลือกตั้ง” รวมถึงการลงคะแนนเลือกตั้งประธานพรรค และคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคทั้ง 4 ด้าน

โดยที่ประชุมใหญ่มีมติเลือกตั้ง นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นประธานพรรคชาติพัฒนา ซึ่งตำแหน่งประธานพรรค จะเป็นประธานของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านเทคโนโลยี เพื่อจัดทำนโยบายและข้อเสนอแนะในการบริหารงานของพรรคชาติพัฒนาให้ทันกับการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองและสร้างความอยู่ดี กินดี ให้กับพี่น้องประชาชน


นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่าผมต้องขอขอบพระคุณท่านหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกทุกท่านที่ได้กรุณาให้เกียรติและไว้วางใจผมให้รับตำแหน่ง “ประธานพรรค” ของพรรคชาติพัฒนา จากการที่ได้มีการแก้ไขข้อบังคับพรรค เพื่อปรับปรุงโครงสร้างการทำงานของพรรคชาติพัฒนาให้สอดคล้องกับภาวะปัญหาและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของปัจจัยต่างๆ ของโลกรอบตัวเรา และปัญหาต่างๆ ภายในประเทศ เพื่อให้พรรคชาติพัฒนามีขีดความสามารถในการทำงานทางการเมือง โดยโครงสร้างพรรคใหม่ ภายใต้ข้อบังคับที่มีการแก้ไขวันนี้ ก็จะเพิ่มเติมให้มีโครงสร้างของคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคมีทั้งหมด 4 คณะ คือ ด้านเศรษฐกิจ  ด้านสังคมท้องถิ่นและการเมือง ด้านเทคโนโลยี  และด้านการเมือง

โดยมีประธานพรรค เป็นประธานของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ทั้งหมด ซึ่งหน้าที่ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ก็จะคล้ายๆ กับบริษัทใหญ่ๆ ที่จะมีคณะผู้บริหารและบอร์ดใหญ่ โดยบอร์ดใหญ่จะดูแลเรื่องนโยบายต่างๆ มอบให้กับคณะผู้บริหารรับไปพิจารณาเป็นแนวทางการบริหาร คณะผู้บริหารของพรรคก็จะมีหัวหน้าพรรคเป็นผู้รับผิดชอบร่วมกับกรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการยุทธศาสตร์ก็จะทำหน้าที่คล้ายบอร์ดนโยบายที่จะประกอบด้วยผู้อาวุโส มีประสบการณ์เยอะๆ  นักวิชาการต่างๆ มาร่วมกันคิดยุทธศาสตร์และนโยบาย ที่จะนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาของประเทศและของประชาชนให้ลุล่วง โดยมอบยุทธศาสตร์และนโยบายให้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรครับไปเป็นแนวทางในการทำงานต่อไป

นายสุวัจน์ กล่าวว่าการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้ามีความสำคัญมากกับอนาคตของประเทศและของเรา ต่างกับทุกครั้ง เพราะครั้งนี้จะเป็นการเลือกตั้งที่อยู่บนมหาวิกฤตและความหวังของประชาชนว่าใครจะมาแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาตลอดจนถึงวันนี้ เป็นวิกฤตจริงๆ ทั้งเรื่องโควิด วิกฤตเศรษฐกิจ และสถานการณ์ราคาน้ำมันแพงที่กระทบต่อทุกคนอยู่ในเวลานี้  เกิดจากสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเคร สถานการณ์การค้าการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด สถานการณ์ของสงครามการค้าของจีนและสหรัฐฯ สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ( TECHNOLOGY DISRUPION) ทั้งเทคโนโลยีดิจิตอล เทคโนโลยีชีวภาพวิทยาศาสตร์ชีวภาพทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นในการดำรงชีวิตชีวิตและการทำธุรกิจ ทำให้มีผลกระทบต่อขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศ กระทบต่อการเติบโตของ GDP ของประเทศ กระทบการลงทุนจากต่างชาติ กระทบการส่งออก กระทบต่อผลผลิตและราคาพืชผลการเกษตรของเกษตรกร กระทบต่อรูปแบบการทำธุรกิจที่เปลี่ยนไป การทำอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนไป กระทบต่อ SME ที่ปรับตัวไม่ทัน ปัญหาภัยธรรมชาติต่างๆ  น้ำท่วม  พายุ  แผ่นดินไหวที่เกิดจากปัญหาโลกร้อนกลายเป็นปัญหาใหญ่ของโลกที่ต้องแก้ไขร่วมกัน ถ้าฟังปัญหาทั้งหมดก็จะเห็นมหาวิกฤตจริงๆ บ้านเมืองของเราวันนี้ ก็เป็นเรื่องที่พวกเราต้องช่วยกันแก้ไข ช่วยกันคิดว่าจะพาประเทศชาติออกจากวิกฤติได้อย่างไรกัน  ถึงเป็นที่มาของหัวข้อการพูดวันนี้ว่า “ทางออกประเทศหลังการเลือกตั้ง” ควรจะต้องทำอย่างไรดีต่อไป”


นายสุวัจน์ กล่าวว่า “ทางออกประเทศหลังการเลือกตั้ง” หมายถึง งานและนโยบายต่างๆ ที่จะต้องดำเนินการกันอย่างจริงจัง เพื่อกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจกลับมาและให้เติบโตอย่างยั่งยืน สร้าง Plat Form ใหม่ ไม่ให้เราเสียเปรียบ แข่งขันบนจุดแข็งที่เรามีอยู่และสามารถรักษาขีดความสามารถด้านการแข่งขันของเราไว้ได้  เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีความรักสามัคคีเกิดขึ้นในชาติบ้านเมืองของเรา เมืองไทยเรากลับมามีรอยยิ้มเหมือนเดิม รักกันเหมือนเดิม มีความสุขเหมือนเดิม

และสิ่งที่เราควรจะทำกันเพื่อให้ประเทศชาติของเรามีทางออกมีหลายประเด็นที่อยากเสนอให้พวกเราช่วยกันคิด ช่วยกันทำ รวม 7 เรื่อง คือ 1.ต้องกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องและดูแลผลกระทบจากโควิด (Post Covid) 2.ใช้เทคโนโลยีมาสร้างความทันสมัยให้กับประเทศ 3.เศรษฐกิจต้องเติบโตบนจุดแข็ง เป็น Plat Form ใหม่ของเศรษฐกิจไทย 4.ท้องถิ่นต้องเข้มแข็ง สร้างความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำ 5.ผู้สูงอายุ คือ กำลังของประเทศ 6.เตรียมพร้อมรองรับปัญหาโลกร้อน (Global Climate Change) และ 7. การเมืองทางออกสุดท้ายของประเทศ ต้องมีเสถียรภาพ  คุณภาพ เสียสละ ลดความขัดแย้ง

นายสุวัจน์ กล่าวย้ำว่าพรรคชาติพัฒนามีความตั้งใจที่จะเข้ามาช่วยกันทำงานในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้พี่น้องประชาชน จากประสบการณ์และบุคลากรของพรรคที่เคยทำมาแล้ว โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จในช่วงที่ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีต ส.ส.โคราชเป็นนายกรัฐมนตรี “เศรษฐกิจยุคทอง แปรสนามรบเป็นสนามการค้า โคราชประตูสู่อีสาน อีสานประตูสู่อินโดจีน” เราพร้อมที่จะทำงานและเชื่อมั่นว่าเราทำได้ เราเคยทำมาแล้ว เราจะทำต่อไปเพื่อพี่น้องประชาชนชาวไทย ขอให้ไว้วางใจพรรคชาติพัฒนา
 
“พรรคชาติพัฒนา เกิดที่โคราช ถึงมีคำว่าโคราชชาติพัฒนา มีคำว่าตนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน  เกิดที่โคราชก็ต้องตายที่โคราช พรรคชาติพัฒนาขอยึดเอาโคราชไว้เป็นเรือนตาย ขอ Come back อีกครั้งเพื่อรับใช้ชาวโคราช” ประธานพรรค กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มหาวิทยาลัยแจงเหตุ นศ.สาวปี 3 แทงแฟน นศ.ปี 1 สาหัส

มหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีนักศึกษาหญิงทำร้ายนักศึกษาชาย ในหอพักจนบาดเจ็บสาหัส ด้านตำรวจยืนยันนักศึกษาหญิงที่ก่อเหตุมอบตัวแล้ว ยอมรับเป็นแฟนและทะเลาะกัน

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

ข่าวแนะนำ

คุมเพลิงไหม้ “วิน โพรเสส” ได้แล้ว 95%

เหตุไฟไหม้โรงงานเก็บขยะเคมีอันตราย วินโพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง วันนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้แล้ว 95% เหลือเพียงจุดความร้อนที่อยู่ใต้ซากกองเพลิง ซึ่งยังต้องใช้สาร F500 ฉีดลดความร้อน แต่ยังมีกลิ่นฉุนแอมโมเนีย ด้านกรมโรงงานอุตสาหกรรมเช็กกล้องวงจรปิดตรวจสอบว่าเป็นการวางเพลิงเพื่อทำลายหลักฐานเช่นเดียวกับเหตุที่เกิดขึ้นใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา หรือไม่

นายกฯ แจงเรียก “สุชาติ-รัฐมนตรี” เข้าพบ แค่ตามงาน

นายกฯ อารมณ์ดี เดินลงตึกไทยฯ พบสื่อ แจงเรียก “สุชาติ-รมต.” มีชื่อหลุด ครม.เข้าพบแค่ตามงาน ย้ำปรับ ครม.เสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้ ยันกินข่าวเที่ยงวานนี้ไม่มี ”ทักษิณ“

รวบ 2 ใน 4 อุ้มฆ่าหนุ่มไทใหญ่ทิ้งป่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

รวบแล้ว 2 ใน 4 ผู้ต้องหาอุ้มฆ่า “จ๋อมวัน” หนุ่มไทใหญ่ ก่อนนำศพไปทิ้งในป่าที่ จ.เชียงใหม่ ปมสังหารอ้างไม่พอใจถูกแซวเรื่องหญิงคนสนิท

ดวงอาทิตย์ตั้งฉาก กทม.ครั้งแรกของปี

วันนี้เป็นครั้งแรกของปีที่ดวงอาทิตย์จะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับพื้นที่ กทม. ส่งผลให้ดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่านใกล้จุดเหนือศีรษะ หรือตั้งฉากกับพื้นที่บริเวณต่างๆ ของไทย 2 ครั้งต่อปี คือช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. และเดือน ก.ค.-ก.ย.