กรุงเทพฯ 4 เม.ย. – “สุชัชวีร์” หาเสียงซอยอารีย์ สั่งถอดป้ายขวางทางเข้า-ออกทันที ย้ำทีมงานระมัดระวังการติดป้ายอย่ากีดขวางคนเดินและรถ ย้ำงานแรกร่วมแก้โควิด หวังฟื้นเศรษฐกิจ กทม. ลั่นไม่กลัวแพ้ แม้ ส.ส.ปชป.กทม. สูญพันธุ์รอบที่แล้ว แต่จะขยันมากขึ้น
นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 4 พร้อมด้วย นายเมธวิน อังคทะวานิช ผู้สมัคร ส.ก.เขตพญาไท เบอร์ 1 และนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคฯ และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก.พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่หาเสียงที่ซอยอารีย์ เพื่อแนะนำตัวกับพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่มาเดินซอยอารีย์ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนให้การตอนรับเป็นอย่างดี โดยช่วงหนึ่งนายสุชัชวีร์ ได้เห็นป้ายหาเสียงของตัวเองตั้งกีดขวางทางเข้าออก จึงให้เจ้าหน้าที่เอาออกทันที พร้อมระบุว่าให้ระมัดระวังในการติดป้ายอย่ากีดขวางทางเดิน และบริเวณทางข้ามถนน ต้องให้สามารถมองเห็นรถและไม่ควรล้ำไปบนถนน เพราะเป็นอันตรายต่อรถมอเตอร์ไซด์และรถยนต์อาจไปเกี่ยวได้ ทั้งนี้ต้องขออภัยหากไปเจอป้ายที่มีหน้าตนไปกีดขวาง ก็ได้กำชับเจ้าหน้าที่แล้ว ทั้งนี้ยอมรับว่าตอนนี้ป้ายหาเสียงเยอะจริงๆ แต่ป้ายของตนยังน้อยอยู่ เพราะตอนนี้เป็นยุคโซเซียลฯ ทำให้การติดป้ายต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ส่วนเรื่องป้ายโดนทำลายนั้นยังไม่พบ แต่มีบ้างนิดหน่อยซึ่งอาจจะเกิดจากโดนลมพัด
สำหรับการหาเสียงตอนนี้นอกจากชูนโยบายต่างๆ แล้ว ต้องชูนโยบายของ ส.ก.เข้าไปด้วยหรือไม่นั้น นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ผู้ว่าฯ กทม. ทำงานคนเดียวไม่ได้ เป็นเรื่องที่ต้องชัดเจนตั้งแต่ต้นว่าเราทำงานร่วมกันได้ ตนมีอิสระในเรื่องของนโยบาย วิสัยทัศน์บอกชัดว่ากรุงเทพฯต้องเป็นเมืองสวัสดิการที่ทันสมัยต้นแบบของอาเซียน ส.ก.ทั้ง 50 เขต ก็ไปด้วยนโยบายเดียวกัน ตรงนี้ถือว่าเป็นจุดแข็ง ไม่เช่นนั้นใครก็หาเสียงได้ แต่พอไปเป็นผู้ว่าฯ กทม. จริงๆ ก็ติดขัดที่ ส.ก. ตรงนี้ผู้ว่าฯจึงมาพร้อม ส.ก. 50 เขต
ส่วนการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์สูญพันธุ์ใน กทม. ถึงตอนนี้ยังไม่มั่นใจหรือไม่ นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ก็กลัวไม่ใช่ไม่กลัว เพราะปี 62 สูญพันธุ์ แต่จากการลงพื้นที่ไป 50 เขต รู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้น เพราะประชาชนให้การตอนรับจริงๆ เชื่อได้ว่าครั้งนี้ประชาชนจะกลับมาให้การสนับสนุน แต่ก็บอกอะไรล่วงหน้าไม่ได้ เราก็ต้องพยายามเต็มที่ให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าผู้ว่าฯ และผู้สมัคร ส.ก.ทำงานจริงๆ ทำงานได้ และทุ่มเทจริงๆ
เมื่อถามว่า กระแสตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เพราะผลโพลยังเป็นรองคู่แข่งอยู่ นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ตนลงพื้นที่ไป 50เขตได้รับการต้อนรับที่ดีจากคนทุกวัย ส่วนเรื่องโพลก็เป็นปกติ ยิ่งเป็นรองก็ยิ่งต้องขยันมากขึ้น
นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่ พ่อค้า แม้ค้าพูดเหมือนกันหมดว่า กรุงเทพฯ เฉา เพราะเศรษฐกิจยุคโควิด ดังนั้นตั้งใจว่าหากได้เป็นผู้ว่าฯ งานแรก คือ ต้องลงไปสู้กับโควิดแบบถึงลูกถึงคน เพราะถ้าโควิดยังแย่อยู่ อะไรก็แย่หมด หากแก้ปัญหาโควิดได้ 1 เรื่อง จะได้ตามมาอีก 4 เรื่อง คือ 1.เศรษฐกิจดีขึ้น คนได้กลับมาทำงาน 2.นักท่องเที่ยวกลับมา 3. หมอ อาสาสมัคร ได้กลับไปช่วยประชาชนที่เป็นโรคอื่น และ 4. กทม.ได้เก็บงบฯเต็มเม็ดเต็มหน่วยมาช่วยงานอื่นๆ ดังนั้นเรื่องโควิด จึงเป็นเรื่องที่ต้องจัดการสุดชีวิต
ส่วนเรื่องที่จะเปิดช่องให้พ่อค้าแม้ค้าขายของได้ทุกวันนั้น นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า หากเป็นบริเวณทางเท้าเห็นว่าทางไหนที่ขวางคนเดินเท้าก็ไม่ควรมีร้านค้า ต้องให้ความสำคัญกับคนเดินเท้ามากที่สุด แต่ในกรณีที่มีทางกว้างเราสามารถรักษาสมดุลผู้ซื้อ ผู้ขายได้ หากทางเท้ากว้างก็ขายได้ทุกวัน ขณะเดียวกันอยากจะเพิ่มก๊อกน้ำบริเวณริมทางเท้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและถูกสุขลักษณะ พร้อมทั้งจะดูแลจัดเก็บขยะ
สำหรับกรณีที่มีผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. มากถึง 29 คน หวั่นใจหรือไม่ ต้องมีการปรับกลยุทธ์หาเสียงยากขึ้น นายสุชัชวีร์ กล่าว่าจากในอดีตก็มีผู้สมัคร 20-30 คนมาแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่เหนือความคาดหมาย ดังนั้นกลยุทธ์สำคัญคือต้องขยันอย่างเดียว และต้องทำให้ประชาชนมั่นใจว่าสิ่งที่เราพูดไปทำได้จริง มั่นใจในสิ่งที่เราเคยทำ และต้องมั่นใจว่ากรุงเทพฯต้องเปลี่ยน และต้องเปลี่ยนเป็นเมืองสวัสดิการที่ทันสมัยต้นแบบของอาเซียนให้ได้ ตนไม่อยากให้ปัญหาซ้ำซากต้องไปถึงผู้ว่าฯ กทม.คนต่อไป.- สำนักข่าวไทย