ทำเนียบรัฐบาล 3 มี.ค.-โฆษกรัฐบาลมั่นใจเสถียรภาพเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ทั้งฐานะการเงิน การคลังและฐานะการเงิน วิกฤติรัสเซีย-ยูเครนส่งผลกระทบน้อย ระยะสั้น
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากตัวเลขทางเศรษฐกิจชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทั้งด้านฐานะการคลังและฐานะการเงิน โดยสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ร้อยละ 59.88 ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง ทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง ณ สิ้นเดือนมกราคม 2565 อยู่ที่ 242,772.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีสัดส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศต่อหนี้ต่างประเทศระยะสั้นสูงถึง 3 เท่า อีกทั้งดุลบัญชีเดินสะพัดปี 2565 คาดว่าจะกลับมาเกินดุลได้เล็กน้อยตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว รัฐบาลยังมีเงินคงคลังเพียงพอต่อการใช้จ่ายที่จำเป็นและความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐบาลยังอยู่ในเกณฑ์ดี
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วิกฤติรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ไทยในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างน้อย และเป็นไปเพียงในระยะสั้น โดยปกติตลาดหลักทรัพย์จะมีความผันผวนตามสถานการณ์ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 1 มีนาคม 2565 สถานเงินทุนสุทธิของนักลงทุนต่างชาติไหลเข้าในตลาดหลักทรัพย์ที่ 81,356.8 ล้านบาท
นายธนกร กล่าวว่า สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทยังแข็งแกร่ง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาทิศทางค่าเงินบาทโดยรวมยังปรับตัวแข็งค่าขึ้นที่ร้อยละ 2.10 จากต้นปี 2565 จากแผนการเปิดประเทศและตามสถานะเงินลงทุนสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าในตลาดหลักทรัพย์และตลาดพันธบัตรไทย ด้านการส่งออก ในเดือนมกราคม 2565 พบว่าการส่งออกในเดือนนี้ขยายตัว 8% หรือมีมูลค่า 21,258.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนมูลค่านำเข้าขยายตัว 20.5% หรือมีมูลค่า 23,785 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
“การส่งออกไทยขยายตัวเป็นบวกในเดือนแรก จากความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในรูปแบบกรอ.พาณิชย์ ที่ผลักดันการส่งออก รวมถึงการฟื้นความสัมพันธ์การค้าระหว่างซาอุดิอาระเบีย และยังประเมินว่าปัญหาสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังไม่กระทบกับการส่งออกไทยในช่วงเดือนก.พ. เนื่องจาก รัสเซียและยูเครนไม่ใช่ประเทศคู่ค้าหลักของไทย โดยในปี 2564 ไทยส่งออกสินค้าสู่รัสเซียและยูเครนมูลค่า 32,507.68 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.38 ของมูลค่าการส่่งออกรวม และ 4,228.78 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.05 ของมูลค่าการส่่งออกรวม หรือเป็นประเทศคู่ค้าลำดับที่ 36 และ 74 ของไทยตามลำดับ” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายธนกร กล่าวว่า ด้านการนำเข้า ไทยนำเข้าสินค้าจากรัสเซียและยูเครนมูลค่า 55,659.65 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 0.65 ของมูลค่านำเข้ารวม และ 8,199.64 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.09 ของมูลค่าการนำเข้ารวม) ตามลำดับ หรือคิดเป็นประเทศคู่ค้าด้านการนำเข้าลำดับที่ 26 และ 57 ของไทย
“รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยังเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศษฐกิจ ส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ S-Curve รวมทั้งการลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐาน ดิจิทัล พลังงาน EEC การใช้มาตรการทางการเงินและการคลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตลอดจนมาตรการผ่อนคลายการควบคุมการระบาดของโควิด การปูพรมฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ประชาชน ช่วยสร้างความเข็มแข็งให้กับระบบและโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ซึ่งหากวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน สามารถยุติลงได้โดยเร็ว มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวทั้งปีที่ร้อยละ 3.5-4.5 ในปี 2565 ได้ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย