เดินหน้าโครงการพัฒนาท่าเรืออุตฯ มาบตาพุดระยะ 3

ทำเนียบรัฐบาล 28 ก.พ. – นายกฯ เปิดโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) หวังเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง โลจิสติกส์ทางน้ำ เป็นประตูการค้ารองรับการลงทุนอุตสาหกรรมหลักของประเทศ


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนต์ โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายนรินทร์ กัลยาณมิตร ประธานกรรมการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายวิริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) ถือเป็นอีกหนึ่งโครงสร้างพื้นฐานหลักที่สำคัญ 1 ใน 5 ของโครงการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญมาโดยตลอด เพื่อใช้รองรับการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและวัตถุดิบเหลวสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี การดำเนินโครงการดังกล่าว เป็นการยืนยันเจตจำนงของความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชน ในการพัฒนาโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด อันจะก่อให้เกิดการลงทุนในด้านต่างๆ ที่ครอบคลุมทุกมิติ ทำให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับคนไทยทุกคน


“หากโครงการดังกล่าวสำเร็จลุล่วง จะก่อให้เกิดประโยชน์ในพื้นที่ทั้งการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ทางน้ำ และเป็นประตูการค้ารองรับการลงทุนอุตสาหกรรมหลักของประเทศ S-Curve และ New S- Curve เชื่อมโยงกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนสู่เศรษฐกิจนานาชาติ ตลอดจนมีส่วนในการพัฒนาพื้นที่และท้องถิ่น ให้เกิดการจ้างงาน สร้างเศรษฐกิจชุมชน เพิ่มรายได้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้การดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลัก ทั้งรถไฟความเร็วสูงฯ สนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือมาบตาพุด และท่าเรือแหลมฉบัง ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของ EEC ที่จะช่วยเสริมความเข้มแข็งเศรษฐกิจ สังคม และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน ตลอดจนช่วยยกระดับพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออกให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้โครงการต่าง ของ EEC มีความก้าวหน้าแล้วเสร็จตามแผนเป็นที่น่าพอใจ เช่น โครงการพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ที่มีการเตรียมความพร้อมดึงดูดการลงทุนฐานนวัตกรรมขั้นสูง และจูงใจนักลงทุนทั่วโลกเข้าสู่พื้นที่ EEC ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่สนับสนุนการจัดประชุมผู้นำเอเปคที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญอย่างยิ่งที่ไทยจะเปิดตัวและขับเคลื่อนการฟื้นประเทศจากโควิดไปสู่อนาคต และแสดงความพร้อมในการต้อนรับชาวต่างชาติ ตั้งแต่ระดับผู้นำ นักธุรกิจระดับสูง สื่อชั้นนำ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ ที่จะเดินทางมาประเทศไทยตลอดปีหน้า

“ขอให้ทุกภาคส่วนเตรียมความพร้อมใช้โอกาสในการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย ผลักดันและส่งเสริมผลประโยชน์ต่อภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และประชาชนคนไทยในทุกด้าน ทำให้ EEC และประเทศไทยเป็นจุดหมายสำหรับนักลงทุน นักท่องเที่ยวทั่วโลก ที่ต้องเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น เป็นฟันเฟืองสำคัญสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“หมอพรทิพย์” เผย แผลศพบอกได้ ฆาตกรรม หรือ ฆ่าตัวตาย

“หมอพรทิพย์” อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เผยบาดแผลที่ศพ “ผกก.โจ้” จะบ่งชี้ได้ว่า ถูกฆาตกรรม หรือฆ่าตัวตาย

รู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุคาร์บอมบ์-ยิงถล่มที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก

รู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุคาร์บอมบ์-ยิงถล่มที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก คาดฝีมือ นายอับดุลเลาะ บูละ แกนนำระดับสั่งการ ฝึกรบจากต่างประเทศ พบบางส่วนหนีขึ้นเขาตะเว บางส่วนข้ามชายแดนแล้ว

ชายแดนตึงเครียด ทหารเมียนมา-KNLA ยังปะทะเดือด

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ยังตึงเครียด ทหารเมียนมากับกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ ยิงปะทะดุเดือด ขณะที่ชาวเมียนมา อพยพเข้าไทยอีกครั้งแล้วหลายร้อยคน

เจอกระบะต้องสงสัยก่อเหตุหน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก

พบแล้ว รถกระบะต้องสงสัยใช้ก่อเหตุยิงปืนและลอบวางระเบิด หน้าที่ว่าการอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อคืนนี้

ข่าวแนะนำ

เร่งล่าคนร้ายไม่ต่ำกว่า 5 คน ซุ่มยิง อส.กรงปินัง เสียชีวิต

เจ้าหน้าที่เร่งล่าตัวคนร้ายไม่ต่ำกว่า 5 คน ซุ่มยิง อส.กรงปินัง เสียชีวิต ก่อนเผารถ ฉกปืนพกสั้น 9 มม. หลบหนี ทั้งยังพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดในพื้นที่ยะลาอีกหลายจุด

ลวงมาฆ่า จัดฉากเป็นอุบัติเหตุ หวังเงินประกัน 14 ล้าน

สุดโหด หนุ่มสกลนครถูกญาติตัวเองร่วมมือกับอดีตตัวแทนจำหน่ายประกัน ลวงมาฆ่า ก่อนจัดฉากเป็นอุบัติเหตุ หวังเงินประกัน พ.ร.บ.รถยนต์ 3 คัน รวม 14 ล้านบาท แต่บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถพบพิรุธ แจ้งตำรวจตรวจสอบ ก่อนออกหมายจับเบื้องต้น 4 คน