พท.มองรัฐบาลไม่พร้อมเป็นเจ้าภาพเอเปค

พรรคเพื่อไทย 25 ม.ค.-เพื่อไทยถามนายกฯ พร้อมเป็นเจ้าภาพประชุมแค่ไหน ขณะขาดภาวะความเป็นผู้นำ เสนอกุญแจ 3 ดอกฟื้นฟูการท่องเที่ยว ของประเทศไทย ผ่านการประชุมเอเปค จับตาใช้กว่า 3 พันล้านคุ้มค่าหรือไม่


นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ที่ปรึกษาคณะทำงานด้านนโยบายการต่างประเทศ  นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่  คณะทำงานด้านต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย และ นายนพ ชีวานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวกรณีที่ประเทศไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) โดยนายวรวัจน์ กล่าวว่า ประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคเมื่อ 20 ปีที่แล้ว และกำลังจะเป็นเจ้าภาพอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งไทยกำหนดหัวข้อการประชุม “เปิดกว้าง สร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” หรือ “Open. Connect. Balance.” แต่จนถึงขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่เห็นความพร้อมของรัฐบาลที่จะสร้างประโยชน์ให้กับประเทศ

“ไทยกำหนดแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และ เศรษฐกิจสีเขียว แต่ถ้าย้อนไปดูงบประมาณของรัฐบาล ยังไม่ค่อยเห็นการใช้เศรษฐกิจชีวิตภาพ และเศรษฐกิจสีเขียวเองก็ยังไม่เข้าเป้าที่วางไว้ โดยการจัดประชุมเอเปคภายใต้การนำของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วันนี้ภาพลักษณ์ของนายกรัฐมนตรีถือว่าขาดภาวะการณ์เป็นผู้นำ จะเห็นได้จากควบคุมพรรคแกนนำรัฐบาลและพรรคแกนหลักรัฐบาลไม่ได้ วันนี้ประเทศเกิดความปั่นป่วน ขาดความเชื่อมั่น อีกทั้งช่วง 8 ปีภายใต้การบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ ภาวะเศรษฐกิจของประเทศหดตัวอย่างรุนแรง ประชาชนเดือดร้อน เกิดภาวะเงินเฟ้อ เงินมีค่าน้อยลง ประชาชนไม่มีเงินเหลือในกระเป๋า เป็นภาวะที่อันตรายต่อประเทศ” นายวรวัจน์ กล่าว


นายวรวัจน์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยขอถามรัฐบาลว่ามีความพร้อมแค่ไหนในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ซึ่งประเด็นที่จะสร้างประโยชน์ให้ประชาชน สร้างประโยชน์ให้ประเทศ มีอะไรบ้าง เพราะประเด็นที่รัฐบาลตั้งไว้เหมือนภาพลวงตา ไม่เป็นจริง ต้องตอบว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ขอให้รัฐบาลบอกว่าเตรียมตัวอย่างไร คนไทยจะมีส่วนร่วมในการประชุมเอเปค ประชาชน ภาคธุรกิจจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง หรือเพียงแต่ได้เป็นเจ้าภาพในการประชุมเอเปค

“8 ปีภายใต้การบริหารของพล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปต่างประเทศมากมาย แต่ผลที่กลับมาไม่ได้อะไร ถูกตัดจากบัญชี GSP(Generalized System of Preference) หรือระบบสิทธิพิเศษทั่วไปทางภาษี หรือมีเพียงแค่อาวุธยุทโธปกรณ์กลับมาเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่คนไทยต้องการเห็น นับย้อนไปเมื่อ 20 ปีก่อนที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพโดยรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้จัดการประชุมอย่างสมบูรณ์แบบทุกด้าน ผู้นำแต่ละประเทศเห็นความสำคัญกับวาระการจัดงานของประเทศไทย เกิดผลการเจรจาจนสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศมากมาย  แต่ในขณะนี้ไทยซึ่งรับตำแหน่งเจ้าภาพอย่างเป็นทางการมาแล้ว 2 เดือน บรรยากาศกลับเงียบสงัด”  นายวรวัจน์ กล่าว

นายนพ วานันท์ ส.ส.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า  ที่ผ่านมานโยบายการต่างประเทศของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ส่งผลให้ข้อตกลงต่างๆ ชะงักลง อาทิ ข้อตกลงเขตการค้าเสรี ไทย-สหภาพยุโรป เพราะประเทศไทยมีผู้นำที่อ่อนแอและไร้ความสามารถในการสานสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไร้ความสามารถทางการทูต ส่งผลต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่การเสียเปรียบทางการค้าในสุด ดังนั้น สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเร่งดำเนินการ คือ การสร้างหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศและเพิ่มบทบาทในฐานะผู้จัดงานเอเปค


นายนพ กล่าวว่า การพัฒนาระบบธุรกิจดิจิทัล ซึ่งเป็นหัวใจหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันในยุค New Normal ได้แก่1.สร้างความพร้อมทางด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทย 2.ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยมีความรู้และขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศทั่วโลก 3.จัดหาแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำและปรับให้โครงสร้างภาษีต่ำเพื่อให้ธุรกิจดิจิทัลรายย่อยสามารถเติบโตได้  4.สร้างกฎหมายและมาตรการรองรับควบคุมดูแลให้การค้าการลงทุนในระบบดิจิทัลมีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอาเซียนรองจากประเทศอินโดนีเซีย

“แต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์เอาแต่ใช้กฎหมายไล่จับเว็บเถื่อน  เก็บภาษีการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เพียงเพราะหาเงินไม่เป็น เก็บรายได้ไม่เข้าเป้า รัฐบาลในฐานะผู้จัดงานเอเปคต้องเตรียมความพร้อมประเทศด้วยแผนพัฒนาธุรกิจดิจิทัลในระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ที่ชัดเจนและจับต้องได้มากกว่านี้ ก่อนที่นักลงทุนรุ่นใหม่จะเทเม็ดเงินไปลงทุนในต่างประเทศที่เอื้อต่อการลงทุนใหม่ ๆ ไปหมด” นายนพ กล่าว

นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้เห็นความไม่พร้อมในทุกด้านของรัฐบาล ซึ่งประเด็นที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการ คือ การฟื้นฟูความเชื่อมโยงโดยเฉพาะการเดินทางและการท่องเที่ยวอันประกอบด้วย 1. การจัดทำ APEC Frequent Travel Card หรือ AFTC 2.ข้อเสนอ APEC COVID-19 Health Certification Mutual Recognition และ 3. การขับเคลื่อนประเด็น safe passage นั้น เวทีเอเปคได้พยายามหาแนวทางร่วมมือเพื่ออำนวยความสะดวกและรื้อฟื้นการเดินทางข้ามพรมแดนในภูมิภาคอย่างปลอดภัย เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 มาตลอด

“แต่ประเทศไทยไม่พร้อมทุกด้าน โดยพล.อ.ประยุทธ์กลับเป็นผู้นำที่เมินเฉยต่อปัญหาเดิม เพิ่มเติมคือสร้างปัญหาใหม่ พรรคเพื่อไทยมีข้อเสนอ กุญแจ 3 ดอก เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวของประเทศไทย ผ่านการประชุมเอเปคในครั้งนี้ คือ 1.มาตรการสาธารณสุขในประเทศ ได้แก่ ฉีดเข็ม 3 สั่งยาและผลิตยา เตรียมบริการทางการแพทย์ เตรียม 2.หามาตรการทางการท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพ เปลี่ยนจากการเก็บค่าเหยียบแผ่นดินมาเป็นการตรึงประกันภัยโควิด สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการท่องเที่ยวแบบหรูหรา 3.เร่งจัดหานโยบายเพื่อลดและจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยวทั้งระบบและโครงสร้าง จากเงินเฟ้อที่จะเพิ่มขึ้น รับรองและพัฒนา อย่าเน้นแจกตังค์ ควรหาวิธีหาตังค์แทรกซึมเข้าไปด้วย”  นายจักรพล กล่าว

นายจักรพล กล่าวว่า ส่วนประเด็นโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (BCG Economy Model) ไม่พบว่าแผนพัฒนาของประเทศไทยที่จะนำไปสู่ Zero Carbon ที่จะเป็นแผนการที่ระบุตายตัว หรือมีรายละเอียดที่ชัดเจนที่จะนำไปสู่เป้าหมาย จากการตัดงบประมาณในส่วนของสิ่งแวดล้อมต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา  รัฐบาลควรมีความจริงใจและแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่ชัดเจน มีหลักเป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อแสดงจุดยืนว่าประเทศไทยพร้อมที่จะร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมหรือด้านอากาศสะอาดกับนานาประเทศ

“การประชุมเอเปคในครั้งนี้จะตัดสินได้ว่าประเทศไทยจะเป็นแนวหน้าในโลกหรือรั้งท้ายเหมือนเดิม ขอความร่วมมือรัฐบาลอย่าทำให้ประเทศไทยตกต่ำไปมากกว่านี้ในสายตาประชาคมโลก รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยใช้ความสัมพันธ์ทางการฑูต ในการเจรจา ด้านการต่างประเทศของไทยอ่อนแอ ไม่เคยใช้ให้เป็นประโยชน์ หากเรื่องเหล่านี้ไม่ได้รับการแก้ไข เรื่องใหญ่ ๆ คงไม่เกิดขึ้น กรอบงบประมาณ 3,283.10 ล้านบาท ตลอดวาระการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคครั้งนี้ จะคุ้มค่าหรือละลายแม่น้ำอยู่ในน้ำมือท่าน ท่านจะทำให้ประเทศไทยเผชิญอยู่ในสภาวะใด”  นายจักรพล กล่าว.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

ดีอีเร่งปลดล็อกระงับบัญชีที่ไม่เกี่ยวกับบัญชีม้า

กรุงเทพฯ 14 ก.ย. – ดีอีเร่งปลดล็อกระงับบัญชีธนาคารชั่วคราวให้ประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า แจงระงับจำนวนเงินเฉพาะที่โอนออกไปจากบัญชีต้องสงสัยเท่านั้น ไม่ได้ระงับทั้งบัญชี ยังคงทำธุรกรรมได้ปกติ ส่วนบัญชีม้าจะไม่ปลดล็อกเด็ดขาด พร้อมแจงการอายัดบัญชีทำได้เฉพาะกรณีที่มีหมายจากตำรวจเท่านั้น ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุมการดำเนินมาตรการเพิกถอนการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราวในบัญชีที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าของมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นผลมาจากการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ เปิดเผยว่า ตามที่มีกรณีประชาชนได้รับผลกระทบจากการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการในการตรวจสอบและปิดกั้นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ เพื่อติดตามเส้นทางการเงิน และนำเงินจากการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพกลับคืนมาให้กับผู้เสียหาย เป็นกลไกตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ตามมาตรา 6 และมาตรา 7 ซึ่งธนาคารมีหน้าที่ในการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นการชั่วคราว โดยจะมีการระงับจำนวนเงินเฉพาะที่โอนออกไปจากบัญชีต้องสงสัยเท่านั้น ไม่ได้ระงับทั้งบัญชีแต่อย่างใด ซึ่งบัญชีธนาคารนั้นยังคงสามารถทำธุรกรรมได้อยู่ตามปกติ ในส่วนของการอายัดบัญชีเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการอายัดบัญชี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยมีหมายอายัดเท่านั้น ทั้งนี้ […]

จนท.ห้ามล่าสัตว์ป่า หายตัวปริศนา 3 วัน หลังไปขายลอตเตอรี่

อุทัยธานี 14 ก.ย.- แม่เศร้าลูกชาย ซึ่งเป็น จนท.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยทับเสลา หายตัวปริศนา 3 วัน หลังออกเวรไปเร่ขายลอตเตอรี่ แต่จนถึงขณะนี้ ยังติดต่อไม่ได้ นางจำรัส อายุ 57 ปี ชาวบ้านบึงเจริญ หมู่ 9 ตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี นำเบาะแส เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด มอบให้สื่อมวลชน ช่วยเป็นกระบอกเสียง ในการตามหาลูกชาย คือนายเอกฉัตร อายุ 39 ปี ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ห้ามล่าสัตว์ป่าห้วยทับเสลา ต.ระบำ อำเภอลานสัก จ.อุทัยธานี หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนาน 3 วัน โดยภาพวงจรปิดเมื่อวันที่ 7 กันยายน นายเอกฉัตรนำแผงลอตเตอรี่มาขาย ที่ร้านของชำของแม่ ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ สีแดงออกไป กระทั่งล่าสุด วันที่ 11 กันยายน กล้องอีกจุดจับภาพนายเอกฉัตร ขี่รถจักรยานยนต์ สีเขียว ทะเบียน 1ขอ […]

ทลายแก๊งเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 600 ต่อปี

14 ก.ย.- ตำรวจสอบสวนกลาง ทลายแก๊งเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 600 ต่อปี พบเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 30 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง บุกจับนายณัฐพงษ์ อายุ 36 ปี นายวิเนตร อายุ 28 ปี และนายธีรวุฒิ อายุ 34 ปี ที่อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ข้อหาร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต และเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด พร้อมของกลางหลายรายการ หลังมีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสเครือข่ายเงินกู้นอกระบบเก็บดอกเบี้ยถึงร้อยละ 626.25 ต่อปี กลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจรายย่อย ที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนถูกกฎหมายได้ ผู้กู้ไม่ต้องใช้หลักฐานยืนยันตัวตนไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน โอนเงินให้ผู้กู้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง ไปบัญชีธนาคารของผู้กู้ โดยหักยอดเงินกู้เป็นดอกเบี้ยงวดแรก และงวดสุดท้ายไว้ก่อน หากผิดนัดชำระหนี้ ก็จะไประรานลูกหนี้อย่างไม่เกรงกลัวกฏหมาย. -สำนักข่าวไทย

ปชช.ตื่นตัวใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย กกต.คาดรู้ผลก่อน 3 ทุ่ม

เชียงราย 14 ก.ย.- กกต. คาดผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย 65% เหตุอากาศเป็นใจ พบประชาชนตื่นตัวมารอใช้สิทธิแต่เช้า รู้ผลก่อน 3 ทุ่มคืนนี้ นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 7 จังหวัดเชียงราย ว่า ภาพรวมเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมารอใช้สิทธิทั้ง 2 หน่วยภายในโรงเรียนบ้านสบคา ซึ่งวันนี้สภาพอากาศเป็นใจท้องฟ้าปลอดโปร่ง หากเป็นไปเช่นนี้จะมีส่วนทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากยิ่งขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ดีที่อากาศเอื้ออำนวยในการออกเสียงเลือกตั้งวันนี้ ซึ่งมีตั้งเป้าจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งร้อยละ 65 แม้จะเป็นงานยาก เพราะมีเงื่อนไขในเรื่องของกำหนดเวลายุบสภา แต่ด้วยความร่วมมือของทั้งพรรคการเมืองและผู้สมัคร และทางจังหวัดเชียงราย กกต.จังหวัดเชียงราย คาดว่าตัวเลขผู้ออกมาใช้สิทธิจะใกล้เคียงเป้าที่ได้ตั้งเป้าไว้ สำหรับรายงานผล เมื่อปิดหน่วยในเวลา 17.00 น. กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งจะมีการตรวจบัตรและนับคะแนน คาดว่าจะทราบผลอย่างไม่เป็นทางการในเวลาประมาณ 20.00 – 21.00 น. ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้เชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยระบุว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของชาวจังหวัดเชียงราย และเลขา กกต.ได้มาตรวจเยี่ยมการเลือกตั้งซ่อม สส.เขตเลือกตั้งที่ 7 พร้อมเชิญชวนประชาชนชาวจังหวัดเชียงราย ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะเป็นหน้าที่ เลือกคนดีเข้าสภาเป็นหน้าที่ของชาวจังหวัดเชียงราย […]