หาดนพรัตน์ธารา-พีพี 15 พ.ย.-นายกฯ ระบุกำลังเร่งพลิกโฉมประเทศไทย สิ่งใดทำได้ก่อนจะเร่งทำ สร้างโอกาส ลดเหลื่อมล้ำ ขอทุกฝ่ายช่วยกันไม่ให้โควิดกลับมาระบาดหนักอีก อย่าให้คนที่ไม่ทำตามระเบียบทำสังคมเสียหาย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี
นายกรัฐมนตรีได้พบปะผู้ประกอบการเรือหางยาว โดยกำชับว่า อย่าฉวยโอกาสขึ้นค่าบริการ หากรักษามาตรฐานตรงนี้ได้ เชื่อว่าจะดำเนินธุรกิจไปได้ด้วยดี จากนั้นนายกรัฐมนตรีลงเรือไปตรวจเยี่ยมเรือบริการนักท่องเที่ยวที่จอดอยู่บริเวณชายฝั่ง โดยพบปะกับประชาชน พร้อมกล่าวว่า วันนี้กำลังพลิกโฉมประเทศไทย คำว่าพลิกโฉมประเทศไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก จะทำให้ประเทศดีขึ้นได้อย่างไร ทั้งศักยภาพ แนวคิด หลักคิด ปัญหาอุปสรรค การขจัดปัญหาอุปสรรคที่มีปัญหา เรื่องการใช้จ่ายงบประมาณที่ต้องเหมาะสมและเพียงพอ
“สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาเสถียรภาพของรัฐภายในประเทศ หากไม่มีเสถียรภาพ ไม่มีความเข้มแข็ง จะเกิดความวุ่นวาย ไม่มีความสำเร็จทุกเรื่อง ขณะนี้ต่างประเทศกำลังดูอยู่ ส่วนโครงการต่าง ๆ กำลังคิดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน เป็นโครงการของประเทศเรา เราเป็นประเทศที่ใช้งบประมาณระยะยาว ประชาชนในสถานการณ์โควิด-19 และฟื้นฟูเงินถึง 25% ของงบประมาณ GDP ต้องเข้าใจระบบงบประมาณ นี่คือระบอบประชาธิปไตย แต่ตอนนี้ทุกอย่างที่พูดมาทั้งหมด สิ่งที่ผมคิดมา อะไรที่ยังไม่สำเร็จก็ว่ากันไปทีละอย่าง สำเร็จแต่คนไม่เห็น แต่สิ่งที่เห็นคือเคลื่อนที่ไปมาที่ไหน ถนนหนทางก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ รถไฟ รถไฟฟ้า ท่าเรือต่าง ๆ เปิดใหม่ แต่ต้องเข้าใจว่าทำพร้อมกันไม่ได้ นั่นคือประเด็นสำคัญ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยินดีที่ได้เปิดการท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่อย่างปลอดภัย ทุกมาตรการต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเข้มงวด เด็ดขาด ได้สั่งการไปแล้ว อะไรที่ปล่อยปละละเลย ไม่อนุญาตแล้วยังทำ ต้องถูกลงโทษสถานหนัก เช่น สถานบริการ นี่คือกติกาที่ต้องมีให้แก่กัน จะบอกว่าขาดทุนมากก็ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นมาอีกรอบ เพราะจะถอยหลังกลับไปอีก กว่าจะเปิดได้ ใช้เวลาเท่าไร รัฐบาลพยายามทำเต็มที่แล้ว ต้องอยู่กับรัฐบาล สถานประกอบการ ผู้บริโภค ประชาชน สังคม จะช่วยกันทำให้สังคมลดการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้อย่างไร
“มัวแต่โทษกันไปโทษกันมา ขอให้ทุกคนไปฉีดวัคซีนให้ครบ มีน้อยก็บ่น มีเยอะก็ไม่ฉีด ไม่กล้าไป ฉีดแล้วอย่างไรก็ไม่ตาย ไม่ป่วยรุนแรง ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และต้องฉีดให้ครบ 100 ล้านโดส ในสิ้นปีนี้ แต่ตอนนี้พยายามทำให้ถึงร้อยละ 70 ก่อน ประเทศไทยกำลังเร่งพัฒนาวัคซีนภายในประเทศ ทั้งของจุฬาฯ และมหิดล คาดการณ์ว่าในปีหน้าสำเร็จ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาประชุมวันนี้ (15 พ.ย.) เป็นการประชุมด้านความคิดต่างของคนรุ่นใหม่และคนรุ่นเก่า ต้องช่วยกันทำ ช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ อะไรที่ไม่ดีก็รู้ อะไรที่ดีก็รู้ อะไรทำได้ก็รู้ ถ้าทุกคนเข้าใจซึ่งกันและกัน จะไปได้ทั้งประเทศ เพราะฉะนั้นเรื่องการขับเคลื่อนการท่องเที่ยว ด้านเศรษฐกิจ รู้อยู่แล้วประเทศไทย GDP สูงสุดการท่องเที่ยวบริการ รัฐบาลพยายามบริหารจากห่วงโซ่เหล่านี้ ผู้ผลิต ผู้แปรรูป เพิ่มนวัตกรรมวิจัยพัฒนา เพิ่มมูลค่าการจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศ
“ถ้าระบบเกษตร คือ ขายข้าวจบก็คือจบ ข้าวผันผวน เดี๋ยวอะไรก็ไม่รู้ รัฐบาลมีหน้าที่ก็ประกันไป ต้องอธิบายเขา รัฐบาลไม่สามารถไปสั่งนู่นสั่งนี่ได้ ผู้ประกอบการต้องดำเนินการตามกฎหมาย น้ำมันด้วย ทุกอย่างมีต้นทุน ต้องเข้าใจว่าอะไรคือต้นทุน อะไรคือการแปรรูป อะไรคือการเพิ่มมูลค่าหรือการตลาด มีทุกค่ายอยู่ตรงนี้ ถ้าบังคับได้ก็คงดี เพราะฉะนั้นมีกฎหมายบางตัวที่ทำได้ วันนี้ต้องกลับไปดูใหม่ทั้งหมด อะไรที่ช่วยตัวเองได้ก็ช่วยไปก่อนได้หรือไม่ งบประมาณมีจำกัดต้องค่อย ๆ ทยอยให้ ตอนนี้ลดดอกเบี้ยลดค่าน้ำค่าไฟก็ยังไม่พอ แล้วสนามบินจะเกิดได้หรือไม่ สะพานจะเกิดได้หรือไม่” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่ตนให้ความสำคัญ ทำอย่างไรให้ประเทศไทยมีรายได้สูงขึ้น ด้วยการคิดใหม่ทำใหม่ แล้วเริ่มจากตัวเอง วันนี้โดนมาพูด ทำความเข้าใจเสียงดังไปหน่อย พูดตั้งแต่เช้าเจ็บท้องเกร็ง วันนี้ตนคิดทั้งวันไม่เคยหยุดเลย ว่าจะทำได้อย่างไร ทุกอย่างมีแผนมี Master plan สิ่งสำคัญที่สุดคือการฟังความคิดเห็น แผนงานงบประมาณ จึงจะสามารถทำด้วยกันได้ รัฐบาลยินดีทุกอย่าง ที่ขอมา รับไว้ ไม่ใช่ไม่สนใจไม่ฟังทั้งหมด
“สังคมต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่าให้คนที่ไม่ชอบทำตามระเบียบตามกฎหมายออกมาเพ่นพ่าน ทำให้สังคมเสียหายไปหมด เราเดือดร้อน รายได้ก็ลดลง ความเห็นที่เสนอเข้าไปต้องไม่ขัดแย้งจังหวัด” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พรุ่งนี้ (16 พ.ย.) จะเสนองบประมาณโครงการขึ้นมาจำนวนมากให้ตนพิจารณา ประเทศไทยมีกี่หมู่บ้าน คนไทยทั้งสิ้น จ.กระบี่ ถือเป็นจังหวัดที่มีรายได้สูงอันดับต้น ๆ ของประเทศ ทำไม่สุจริตมันก็ไม่สุจริตอยู่อย่างนี้ ลดความเหลื่อมล้ำเมื่อมีภาระ มีเงินมีรายได้ดีกว่าต้องดูแลคนที่มีรายได้น้อย นี่คือหลักการความเท่าเทียมในเรื่องของโอกาส และอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ความเป็นธรรมคือการดูแลผู้ที่มีรายได้น้อย เราใช้งบประมาณจำนวนมาก ทำอย่างไรให้ผู้มีรายได้น้อยมีชีวิตที่ดีขึ้น พอเพียงในการใช้ชีวิตที่บ้านอาศัยที่เพียงพอ นี่คือความหลากหลายทางชีวภาพ
“ประเทศไทยมีมหาศาลก็สบายดี รัฐพัฒนาในเรื่องเหล่านี้ จะปล่อยให้คนของประเทศเป็นอย่างนี้ไม่ได้ คิดแล้วก็จุกคอทุกที ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน จำไว้ 2 ครั้ง คือ โอกาสที่เท่าเทียมและความเป็นธรรมที่ดูแลผู้มีรายได้น้อยมีรายได้ที่ดีขึ้นอย่างเพียงพอ มีเหตุมีผล ความพอประมาณและมีภูมิคุ้มกันที่ดี ความรู้ คุณธรรม โลกวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ค่าใช้จ่ายรายเดือนมหาศาล ความทันสมัย เทคโนโลยี โครงสร้างสังคมให้เข้มแข็งให้ได้ ไม่ว่าจะอยู่กันไม่ได้ สถาบันต่าง ๆ เราเป็นชาติเดียว คนละศาสนาก็ชาติเดียวกัน คนไทยด้วยกัน อยู่ด้วยกันมาเก่าแก่ยาวนานจนถึงป่านนี้ นี่คือประเทศไทย ประเทศของเราทุกตารางนิ้วคือของเรา ของคนไทยทุกคน ที่จะต้องมีทั้งโอกาส ความเท่าเทียม และความเป็นธรรม เท่าเทียมทุกคนเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว รวยไม่ได้เท่ากัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ได้ถามชาวบ้านถึงการปลูกข้าว พร้อมระบุว่า นายกฯ ไม่ได้โยนภาระให้กับประชาชน โดยไม่ได้หาเสียง พูดด้วยใจจริงของตนเอง โดยความร่วมมือของคณะรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล ตนโกหกใครไม่เป็น อะไรที่ทำได้ตนทำให้ เช่น โครงการ E-Voucher ต่างๆ โครงการท่องเที่ยว เพิ่มการท่องเที่ยว 30 รายการ SHA Plus การใช้เทคโนโลยีออนไลน์ ทุกอย่างต้องเดินหน้าทั้งหมด ต้องสมบูรณ์ในตัวเองทั้งหมด รัฐบาลส่งเสริมให้กลุ่มจังหวัดอันดามัน เป็นประเทศการท่องเที่ยวระดับโลก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ทุกคนช่วยกันคิด ช่วยร่วมมือ ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีจะค่อย ๆ ช่วยทำให้ได้ทั้งหมด ทำแบบเนรมิตไม่ได้ พร้อมถามว่า “ใครว่ายน้ำไม่เป็นบ้าง นายกฯ สอนเด็กๆ มาแล้ว พร้อมทำท่ากางมือ และกล่าวว่า ลอยเฉยๆ ไม่มีวันจม แล้วรอคนมาช่วย นอนหงายแล้วกางมือ ไม่ตาย ผมทำมาเยอะตั้งแต่เด็กๆ แต่ถ้าตกน้ำแล้วตะเกียกตะกาย จะตายตอนนั้น เพราะไม่มีแรง หมดแรงตั้งแต่ต้น ฉะนั้นคนไทยหนึ่งต้องว่ายน้ำเป็น ออกกำลังกาย สามเรียนสองภาษา โอเคจบไหม แต๊งกิ้ว”
ทั้งนี้ ในการลงพื้นที่ จ.กระบี่ นายกฯ และรัฐมนตรี ได้เปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าบาติกหลากสีสัน เป็น “ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่พระราชทานแบบลายผ้า โดยเป็นผลิตภัณฑ์โอทอป จ.กระบี่ จากนั้นนายกรัฐมนตรีปลูกต้นทุ้งฟ้า ต้นไม้ประจำจังหวัดกระบี่ และเยี่ยมชมนิทรรศการภายในงาน
นายกรัฐมนตรี เดินลงไปริมหาดนพรัตน์ธารา พร้อมถ่ายรูปริมทะเล โดยนายกรัฐมนตรีได้ยืนหันหน้าเข้าหาทะเล และเชิญรัฐมนตรีบางส่วนและข้าราชการที่เดินทางมาด้วยถ่ายรูปบริเวณหน้าชายหาด ก่อนจะกลับที่พัก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำหนดการของนายกรัฐมนตรีถูกเลื่อนให้เร็วขึ้น เนื่องจากต้องการหลีกเลี่ยงกลุ่มกระบี่ไม่ทน ที่นัดรวมตัวกันที่อ่าวนางแลนด์มาร์ค.-สำนักข่าวไทย