รัฐสภา 8 พ.ย.-“สุพัฒนพงษ์” แจง ส.ว. ราคาน้ำมันสูงจาก 3 ปัจจัย โควิด-19 คลี่คลาย-เศรษฐกิจฟื้นตัว-ตะวันตกต้องการพลังงาน ยืนยันไม่เลิกน้ำมันผสม เหตุกระทบนโยบายรัฐบาล
การประชุมวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อพิจารณากระทู้ถามของ พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ ส.ว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพลังงาน วุฒิสภา ที่ถามถึงปัญหาราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซหุงต้มมีราคาแพง ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชน
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ชี้แจงว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้น มาจาก 2 ปัจจัย คือ ราคาน้ำมันตลาดโลกที่สูงขึ้น และราคาอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท โดยปัจจัยทั้ง 3 อย่างเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่คลี่คลายจากภาวะโควิด-19 และในภูมิภาคตะวันตกที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว อากาศหนาว ต้องการพลังงาน ทำให้ราคาน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยนสูงขึ้นมาก อย่างไรก็ตามยอมรับว่าราคาน้ำมันดีเซลกระทบประชาชนมาก จากปลายปี ราคา 25 บาทต่อลิตร ปัจจุบันทะลุ 30 บาทต่อลิตร ขณะที่ก๊าซหุงต้มราคาจาก 500 เหรียญต่อตัน เป็น 800 เหรียญต่อตัน
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการแก้ปัญหาโดยคณะกรรมการกรรมการนโยบายและแผนพลังงาน (กบง.) มีมติตั้งแต่เดือนตุลาคม เพื่อรักษาระดับให้น้ำมันดีเซลราคาไม่เกินลิตรละ 30 บาท ส่วนที่เกินใช้กลไกลของกองทุนน้ำมัน นอกจากนั้นได้ขอความร่วมมือให้ผู้ขายลดค่าการตลาดลง แม้ว่าการกำหนดราคาขายปลีกน้ำมันจะเป็นไปตามกลไกตลาดเสรีก็ตาม สำหรับการใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น หากไม่พอจะจัดหาแหล่งทุนจากแหล่งที่มาอื่นๆ ได้ และตามมาตรา 55 ของพ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กำหนดระยะเวลาให้ผู้ผลิตต้องปรบตัวและลดต้นทุน ซึ่งการชดเชยกองทุนมีระยะเวลาไม่เกินปี 2565 และสามารถต่อได้ 2 ครั้งๆ ละ 2 ปี ดังนั้นจะสิ้นสุดในปี 2569 ส่วนข้อเสนอต่อการลดราคาน้ำมันผสมชีวภาพ นั้น ข้อเท็จจริงพบว่า การผสมน้ำมันมีต้นทุนสูง เพราะเหตุผลจากการขาดแคลน ซึ่งผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย มีภาวะการระบาดโควิด ทำให้ขาดแคลนแรงงานเก็บเกี่ยวปาล์มน้ำมัน ทำให้น้ำมันราคาสูง ทั้งนี้มาตรการที่รัฐบาลดำเนินการอยู่จะช่วยพยุงราคาและดูแลประชาชน รวมถึงประคับประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงที่เป็นรอยต่อสำคัญของการเปิดประเทศให้พ้นวิกฤตให้ได้
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า การผสมเชื้อเพลิงชีวภาพในน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นนโยบายที่รัฐบาลต้องการส่งเสริมพลังงานสะอาด ลดฝุ่นละออง ช่วยรักษาเสถียรภาพพืชผลเกษตรให้เกษตรกรมีรายได้มั่นคง รวมถึงลดพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ หากลดปริมาณสัดส่วนผสมอาจกระทบเศรษฐกิจต้องสูญเสียเงินตราออกนอกประเทศ แต่หากคงไว้จะสร้างเศรษฐกิจ มีเงินหมุนเวียนในประเทศ ดังนั้นการยกเลิกเวลานี้ไม่เป็นประโยชน์ ไม่สอดคล้องนโยบายรัฐ และหลายพรรคการเมือง หลายกรรมาธิการ ที่มีจุดยืนสนับสนุน แต่การลดสัดส่วนอาจพิจารณาตามความจำเป็นในระยะเวลาที่เหมาะสม โดยขณะนี้ กบง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการรับฟังความเห็น และศึกษาผลกระทบ
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า สำหรับก๊าซหุงต้ม ยอมรับว่าเป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19 แต่หน่วยงานของรัฐบาลได้ประสานและตรึงราคา รวมถึงช่วยประชาชนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ลดค่าก๊าซหุงต้ม 100 บาท จากมาตรการดังกล่าวจะใช้เงิน 4,200 ล้านบาทต่อเดือน ส่วนกรณีที่พบการบิดเบือนข้อเท็จจริง กระทรวงพลังงานจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายครบถ้วน นอกจากนั้นจะปฏิบัติการเชิงรุกเพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชน.-สำนักข่าวไทย