เพื่อไทย ชี้โลกเปลี่ยนการศึกษาไทยต้องเร่งปรับ

เพื่อไทย 2 ต.ค.-เพื่อไทย ชี้โลกเปลี่ยนการศึกษาไทยต้องเร่งปรับ ให้เรียนรู้ คิด วิเคราะห์ พร้อมเสนอนโยบายดาบ 5 เล่มดันการศึกษาไทยพุ่งทะยาน 

พรรคเพื่อไทยจัดเสวนาโลกเปลี่ยน การศึกษาไทยต้องปรับ? โดยมี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายนพดล ปัทมะ ประธานคณะกรรมการนโยบายและวิชาการพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางสาวณหทัย ทิวไผ่งาม อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ร่วมเสวนา


นายนพดล กล่าวว่าหลายปีมานี้ปัญหาการศึกษารุนแรง ทั้งความเหลื่อมล้ำ เด็กยากจนหลุดจากระบบการศึกษานับแสน โรงเรียนขนาดเล็กนับหมื่น ปัญหาคุณภาพการศึกษาทั้งระบบ ดูจากตัวชี้วัด เช่นคะแนน PISA ที่ทดสอบด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์และการอ่านคะแนนล่าสุดต่ำที่สุดในรอบ 15 ปี ทักษะภาษาอังกฤษ ปี 2563 ลดลง 15 ลำดับเป็นที่ 89 จาก 100 ประเทศ ระบบการศึกษายังไม่พัฒนาคนให้มีทักษะที่ต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ไม่ตอบโจทย์การสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ผลิตแรงงานทักษะฝีมือไม่พอและไม่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน ขาดแคลนนักวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม จึงเห็นว่า การพลิกโฉมการศึกษาอาจไม่พอ แต่ต้องทำให้การศึกษาพุ่งทะยานไปข้างหน้า

นายนพดล เห็นว่าเป้าหมาย 3 ด้านคือ ทุกคนต้องมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาคุณภาพระดับโลก ตามความถนัด ทุกที่ ทุกเวลา สร้างสมรรถนะและทักษะที่จำเป็น และต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ดังนั้นจึงขอเสนอแนวนโยบายดาบ 5 เล่มเพื่อให้การศึกษาพุ่งทะยานไปข้างหน้า คือ 1) SMART SECURITY การศึกษาเป็นความมั่นคงอันชาญฉลาดของคนไทย ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาคุณภาพ ทุกที่ ทุกเวลาตลอดชีวิต ต้องไม่มีเด็กหลุดจากโรงเรียน เพิ่มงบฯให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา สร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลให้คนไทยเข้าถึงความรู้หรือทักษะได้ทุกที่ทุกเวลาเมื่อต้องการ 2) SMART START การเริ่มต้นชีวิตอย่างชาญฉลาด โดยเน้นการลงทุนในเด็กปฐมวัย 1-6 ขวบ พัฒนาให้ศูนย์เด็กเล็กมีมาตรฐานชาติเป็น Smart day care 20,000 แห่งทั่วประเทศ เพิ่มเงินเลี้ยงดูบุตร 1-6 ขวบ เป็นเดือนละ 1,000 บาท 3) SMART SCHOOL โรงเรียนที่ชาญฉลาด ยึดโรงเรียนเป็นตัวตั้งในการพัฒนา เพิ่มอิสระ กระจายอำนาจให้โรงเรียน หนึ่งอำเภอต้องมีหนึ่งโรงเรียนต้นแบบ Smart School  ปรับหลักสูตร แนวการสอนและสื่อการสอน การทดสอบ และประเมินใหม่ เร่งพัฒนาครู 4) SMART STUDENT ผู้เรียนที่ชาญฉลาด เช่น ทักษะคิดวิเคราะห์ คิดวิพากษ์ คิดสร้างสรรค์ รวมทั้งทักษะอื่นๆในการรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เรียน 4 ภาษา ไทย จีน อังกฤษ ภาษาคอมพิวเตอร์ ที่สำคัญต้องสื่อสารภาษาอังกฤษได้ 5)SMART STRATEGY ยุทธศาสตร์ที่ชาญฉลาดพัฒนาทุนมนุษย์เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ  เพิ่มสัดส่วนการเรียนด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีให้มากขึ้น เพิ่มสายอาชีพ ผลิตช่างฝีมือรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย


“ปัญหาการศึกษาเป็นเรื่องใหญ่ เชื่อมโยงกับปัญหาความเหลื่อมล้ำ และปัญหาเศรษฐกิจอย่างแยกไม่ออก ทุกฝ่ายต้องร่วมทำ รัฐบาลต้องนำและเข้มแข็งมีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษา แต่ตนเห็นว่าสิ่งนี้ยังไม่บรรลุผล พรรคเพื่อไทยตระหนักในปัญหา มีแนวทางพร้อมแก้ไข ถ้ามีโอกาส”

นางสาวณหทัย กล่าวว่า ปัญหาด้านโครงสร้างทางกฎหมายปัจจุบัน ไม่ส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาอย่างแท้จริง เพราะการเรียนรู้และการศึกษา หากยิ่งตั้งกรอบมากขึ้นเท่าไหร่ จะยิ่งกดสมองไม่ให้พัฒนาไปมากขึ้นไปเท่านั้น ดังนั้นความยืดหยุ่น เปิดให้เด็กฝันมากขึ้น ก็จะยิ่งทำให้สมองพัฒนามากขึ้น นอกจากนี้ในฐานะผู้ประกอบการโรงเรียนเอกชน เห็นว่าการเปิดกรอบให้สถานศึกษาและครู ทำสิ่งแหวกแนวไปจากกรอบกฎหมายที่ครอบและกำหนดไว้ได้ จะนำสู่การปฏิวัติการเรียนรู้ของเด็กไทยอย่างแท้จริง

ส่วนนโยบาย One tablet per child คือความก้าวหน้า แต่เราต้องไม่หยุดพัฒนาประเทศไปให้ไกลกว่าทุกคน ดังนั้นจึงเสนอการทำระบบ Cloud data bank ขึ้นเพิ่มเติมด้วย เพื่อเป็นแพลตฟอร์มให้หน่วยงานรัฐหรือเอกชน สามารถเรียกดูประวัติผู้เรียน และเรียกระดมคนที่มีความเชี่ยวชาญตามสาขาที่ขาดแคลนนั้นเข้ามาระดมมาทำงานได้เลย ทั้งนี้การจัดการศึกษาต้องมองทั้งลูป แยกส่วนไม่ได้ และรัฐไม่จำเป็นต้องทำทั้งหมด การกระจายอำนาจให้เอกชนช่วย โดยจูงใจด้วยนโยบายภาษีที่ดีเพียงพอ หากใครทำได้รวดเร็วกว่า ก็จะมีโอกาสทางเศรษฐกิจได้มากกว่า


นายพงษ์เทพ กล่าวว่า ปัญหาคุณภาพการศึกษาในไทยคือระบบการเรียนการสอนที่ไม่สอนให้เด็กคิดวิเคราะห์ และสร้างสรรค์ด้วยตนเอง หากจะปฏิรูปต้องเริ่มจาก ปฏิรูปหลักสูตร ให้เรียนตามความจำเป็น ปรับทัศนคติครู ให้รอบรับวิธีการสอนแบบใหม่ๆ และระบบการทดสอบนักเรียน ก็ต้องปรับให้สอดคล้องกับการเรียนแบบใหม่ เน้นการคิดวิเคราะห์ให้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

นายพงษ์เทพ กล่าวอีกว่า โลกปัจจุบันและโลกอนาคต ทรัพยากรมนุษย์คุณภาพคือความสำคัญที่สุด การทุ่มเททรัพยากร และงบประมาณเพื่อพัฒนาคนจะทำให้การศึกษาไทยสำเร็จเป็นรูปธรรม การศึกษาไทยเสียเวลากับการเมืองต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ต้องรีบสร้างทักษะคนให้พร้อม การพัฒนาคนต้องเน้นเสรีภาพการแสดงออก ยอมให้เด็กเห็นต่าง เปิดพื้นที่การมีส่วนร่วมของเยาวชน ให้สามารถอยู่กับโลกใหม่ได้อย่างแท้จริง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ประชุม 20 ผู้ว่าฯ อีสาน เข้มโดรน-จับตาสถานที่สำคัญ

3 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ประชุม 20 ผู้ว่าฯ จังหวัดอีสาน เข้มมาตรการกำจัดโดรน สั่งจับตาสถานที่สำคัญ ศาลากลางจังหวัด-คลังอาวุธ-สถานีขนส่ง บูรณาการตำรวจจับผู้ก่อเหตุ ดำเนินคดีข้อหาหนัก “ก่อการร้าย-ไส้ศึก” เมื่อวันที่ 3 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า วานนี้ (2 ส.ค.) ได้มีการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 20 จังหวัดภาคอีสาน ผ่านระบบ VTC เรื่องมาตรการกำจัดโดรน โดยให้ผู้ว่าแต่ละจังหวัด ในฐานะ ผอ.กอ.รมน.จังหวัด ให้แต่ละหน่วยงานบูรณาการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและภาคเอกชน ประชาชน จัดหาเครื่องแอนตี้โดรน ป้องกันจังหวัดของตัวเอง โดยเฉพาะเพ่งเล็งในพื้นที่สำคัญ อาทิ ศาลากลางจังหวัด สนามกีฬา คลังอาวุธ สถานีตำรวจ สถานีขนส่ง และสนามบิน นอกจากนี้ให้มีการจัดชุดลาดตระเวนพิสูจน์ทราบบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ หากสามารถควบคุมตัวได้ให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดในทุกประเด็น เช่น ก่อการร้าย ไส้ศึก โดยโทษหนักสุดถึงขั้นประหารชีวิต คงต้องไปดูข้อกฎหมาย ทั้งนี้ได้กำชับห้ามปล่อยตัวง่ายๆ ต้องตรวจสอบไปถึงต้นตอ […]

พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายโดรน บินเหนือน่านฟ้าสุรินทร์

สุรินทร์ 3 ส.ค. – พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายโดรน บินเหนือน่านฟ้าเมืองสุรินทร์ ชาวบ้านกังวลเรื่องความปลอดภัย ขณะที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดว่าเป็นโดรนหรือเครื่องบินขนาดเล็ก เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา มีรายงานว่าพบวัตถุต้องสงสัยลักษณะคล้ายโดรน บินเหนือหลายพื้นที่ในจังหวัดสุรินทร์เป็นจำนวนมาก โดยยังไม่มีคำชี้แจงอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานราชการ ว่าวัตถุดังกล่าวเป็นโดรนจริง หรือเป็นอากาศยานชนิดใดกันแน่ ชาวบ้านในพื้นที่ได้โพสต์และแชร์ภาพวัตถุปริศนา บินอยู่เหนือเขตเมืองและพื้นที่ชายแดน ซึ่งถือเป็นพื้นที่หวงห้ามตามคำสั่งของกองทัพ ห้ามอากาศยานไร้คนขับบินโดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ทีมข่าวลงพื้นที่และสามารถบันทึกภาพวิดีโอไว้ได้ โดยพบวัตถุลักษณะคล้ายโดรนบินจากรอบนอกเมืองเข้าสู่เขตชั้นในของตัวเมืองสุรินทร์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าเป็นโดรนหรือเครื่องบินขนาดเล็ก ล่าสุดเช้าวันนี้ ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ยังจุดที่ชาวบ้านแจ้งว่าพบเห็นวัตถุดังกล่าว โดยมีการนำภาพถ่ายที่บันทึกไว้ตั้งแต่ช่วงเย็นขณะที่ท้องฟ้ายังสว่างให้ทีมข่าวดู ภาพปรากฏวัตถุคล้ายเครื่องบินขนาดเล็ก หรือโดรนที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัด ชาวบ้านบางส่วนแสดงความวิตก ว่า วัตถุดังกล่าวอาจมีลักษณะคล้ายโดรนพลีชีพหรืออาจบรรทุกวัตถุระเบิด ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกและกังวลในชุมชน จึงอยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ หรือหน่วยงานความมั่นคง ออกมาชี้แจงโดยเร็ว เพื่อความสบายใจของประชาชนในพื้นที่ . – 716 – สำนักข่าวไทย

ไทยตอนบนฝนน้อย ทะเลอันดามัน-อ่าวไทย คลื่นสูง 1-2 ม.

กทม. 3 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีฝนน้อย ส่วนทะเลอันดามันและอ่าวไทย คลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อยเนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง – สำนักข่าวไทย

กระเช้าหลุด ช่างทาสีร่วงตึก 5 ชั้น ตาย 1 สาหัส 1

พัทลุง 2 ส.ค. – เกิดเหตุสลด กระเช้าปลายบูมหลุดจากเครน ช่างทาสีร่วงจากตึก 5 ชั้น เสียชีวิต 1 เจ็บสาหัส 1 ที่ไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียน จ.พัทลุง เกิดเหตุสลดกลางไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อกระเช้าที่ผูกติดกับหัวเครนเกิดหัก หลุดจากตึกสูง 5 ชั้น ส่งผลให้ช่างทาสี 2 คน ที่อยู่บนกระเช้าร่วงตกลงกระแทกพื้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 1 คน คือ นายธวัชชัย อายุ 36 ปี และนายชุติเดช อายุ 43 ปี บาดเจ็บสาหัส ขาทั้งสองข้างหักละเอียด แขนซ้ายหักผิดรูป เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุงอย่างเร่งด่วน ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คนงานทั้ง 2 เป็นช่างทาสี ได้ขึ้นกระเช้าเหล็กเพื่อขึ้นไปทาสีบริเวณชั้น 5 ของอาคาร ซึ่งมีความสูงประมาณ 26 เมตร แต่ด้วยน้ำหนักของคนงานทั้งสองคน […]