ฝ่ายค้านแจงเหตุบริหารล้มเหลว ต้องซักฟอก

รัฐสภา 16 ส.ค.-ฝ่ายค้านแจงยิบเหตุผลยื่นซักฟอกนายกฯ- 5 รัฐมนตรี เน้นบริหารจัดการปัญหาโควิดล้มเหลว ทุจริตในหน้าที่ ส่งผลประชาชนเดือดร้อนทุกกลุ่มอาชีพ


ผู้สื่อข่าวรายงานรายละเอียดที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรายนามดังต่อไปนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ญัตติดังกล่าวระบุพฤติการณ์และเรื่องที่จะอภิปราย ในส่วนของพล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็นบุคคลที่ไร้ความสามารถที่จะเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผู้นำประเทศ ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเกิดความล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องเสียหายอย่างร้ายแรงทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ทั้งในภาวะปกติและในภาวะวิกฤติ โดยเฉพาะในยามที่บ้านเมืองต้องประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปีพ.ศ.2563 จนถึงปัจจุบันกว่า19 เดือนเศษ พล.อ.ประยุทธ์รวมศูนย์อำนาจ รวบอำนาจและมีอำนาจตามกฎหมายแบบเบ็ดเสร็จทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้กำกับการปฏิบัติงานตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ประธานกรรมการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ผอ.ศบค. ประธานศูนย์บริหารสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ (ศบศ.) และผอ.ศบค.กทม.

นายกรัฐมนตรียังรวบอำนาจตามกฎหมายต่าง ๆ ถึง 40 ฉบับ ที่เป็นอำนาจของรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลมาไว้กับตนเอง ต้องไม่ใช้อำนาจตามอำเภอใจ ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต เสียสละ เปิดเผยข้อมูลความจริง และสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน และทุกภาคส่วนในการเตรียมมาตรการป้องกัน ควบคุม และแก้ไขการแพร่ระบาดของโรคอย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพสูงสุด และบริการประชาชนโดยทั่วถึง แต่กลับปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและไม่สุจริต จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี ปล่อยปละละเลยต่อมาตรการป้องกันควบคุม การระบาดของโรคในหลายเรื่องจนมีการแพร่ระบาดของโรคจากกลุ่มก้อนเล็ก ๆ กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศอย่างรวดเร็วจนยากควบคุม จากการกลายพันธุ์ของโรคที่เพิ่มสายพันธุ์ขึ้นจากเดิม


กระทั่งปัจจุบันการแพร่ระบาดเข้าสู่ชุมชนและครัวเรือน ส่งผลให้เพียงระยะเวลา 4เดือนเศษ มีผู้ติดเชื้อเกือบเก้าแสนคนและเสียชีวิตกว่าเจ็ดพันคน ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงขนาดที่สถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์มีไม่เพียงพอที่จะรับรักษาผู้ป่วย ระบบสาธารณสุขไทยล้มเหลวเกินขีดความสามารถการบริการประชาชน พล.อ.ประยุทธ์มีหน้าที่และอำนาจในการจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดตามหลักจริยธรรมและหลักวิชาการเพื่อฉีดให้กับประชาชนโดยทั่วถึงและรวดเร็ว โปร่งใส และตรวจสอบได้ ประชาชนทุกคนที่ประสงค์จะฉีดวัคซีนต้องได้ฉีด รวมถึงวัคซีนทางเลือกอีกหลายประเภทที่ประชาชนต้องการ แต่ที่ปรากฏคือความล่าช้า เลื่อนลอย ไม่แน่นอนว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนทางเลือกหรือไม่

การตรวจหาเชื้อก็ทำได้ในปริมาณน้อย มีมาตรการไม่แน่นอน เครื่องมือในการตรวจหาเชื้อไม่เพียงพอ ไม่ทันกับการแพร่ระบาดของโรคที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากทุกวัน การจัดหาเครื่องมือเป็นไปโดยทุจริต ส่วนมาตรการควบคุมโรคก็ไร้ทิศทาง ผิดเป้าหมาย และแผนงาน และไร้ประสิทธิภาพ ประชาชน และภาคธุรกิจได้รับผลกระทบและความเสียหายจากมาตรการของรัฐ อาทิ การล็อดดาวน์ การสั่งปิดสถานประกอบการ โดยขาดการศึกษาวิเคราะห์ที่ดีพอ อันนำมาสู่ความเสียหายจนทำให้ภาคธุรกิจต้องเลิกกิจการจำนวนมาก การดำรงชีวิตของประชาชนเป็นไปอย่างยากลำบาก เกิดภาวะตกงาน ต้องกลับไปต่อสู้ดิ้นรนยังภูมิลำเนาบ้านเกิด

มาตรการที่กำหนดขึ้นทั้งจากการปิดเมือง ปิดโรงงาน กำหนดข้อห้ามต่าง ๆ ออกข้อกำหนดครั้งแล้วครั้งเล่า กลับไม่สามารถหยุดยั้งหรือลดการแพร่ระบาดของโรคได้จนส่งผลกระทบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขณะที่การกู้เงินของรัฐบาลจำนวนมากแต่กลับนำมาใช้จ่ายอย่างไร้ทิศทาง ไม่ลำดับความสำคัญของการใช้เงินงบประมาณที่หมดไปกับการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งที่พล.อ.ประยุทธ์รู้ดีว่า ประเทศตกอยู่ในสงครามของโรคระบาด ไม่ใช่สงครามของการสู้รบ ใช้จ่ายงบประมาณและเงินกู้ โดยไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง สร้างภาระหนี้สาธารณะจนชนเพดานหนี้สาธารณะตามกฎหมายและหนี้ครัวเรือนสูงเป็นประวัติการณ์


ธุรกิจ SME ต้องล้มเลิกกิจการจำนวนมาก ร้านค้าหลายประเภทต้องปิดกิจการ คนตกงาน และมาตรการที่ออกมาไม่สามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและภาคธุรกิจได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอ ท่ามกลางวิกฤติการณ์ดังกล่าวกลับพบว่าพล.อ.ประยุทธ์บริหารราชการแผ่นดินโดยไม่สุจริต มีพฤติการณ์ฉ้อฉล ทุจริตต่อหน้าที่ในหลายเรื่องทั้งการจัดหาวัคซีนที่มีพฤติการณ์ปิดบังอำพราง ไม่โปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ ไม่ทั่วถึง เลือกปฏิบัติและไม่มีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งแอบอ้างว่ามีวัคซีนของบริษัทในพระปรมาภิไธยเพื่อมาฉีดให้กับประชาชน เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบัน มีผลทำให้ยุทธศาสตร์การจัดหาวัคซีนผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น

อีกทั้งยังปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและแสวงหาประโยชน์ของบรรดานักการเมือง พวกพ้องและข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างกว้างขวางหลายเรื่อง ทั้งการทุจริตเกี่ยวกับการจัดหาและจองวัคซีนล่วงหน้า การซื้อวัคซีนก็หลีกเลี่ยงการบังคับใช้กฎหมายเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อเปิดประตูให้มีการทุจริต และยังมีการทุจริตในการกระจายวัคซีนโดยเลือกปฏิบัติ รวมถึงการทุจริตในเรื่องอื่นๆ ไม่สร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมทั้งที่เอกชนและโรงพยาบาลเอกชนประสงค์จะช่วยจัดหาและจัดซื้อวัคซีนทางเลือกให้กับประชาชน แต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชากลับดำเนินการโดยล่าช้า ขาดความจริงใจ

พฤติการณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ มีลักษณะค้าความตาย โดยเห็นวัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะ เหิมเกริม คิดการใหญ่โตในการสร้างกำไรจากวัคซีนร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยหวังการกอบโกยผลประโยชน์บนซากศพและคราบน้ำตาของพี่น้องประชาชน เพิกเฉยละเลยทำให้ประชาชนสูญเสียโอกาสที่จะได้รับวัคซีนที่หลากหลายและทั่วถึง ภายใต้โครงการ Covax จนกระทั่งสถาบันวัคซีนแห่งชาติต้องออกมาขอโทษประชาชน เมื่อประชาชนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ก็ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือข่มขู่เอาผิดกับประชาชนและลิดรอนสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนและประชาชน

พล.อ.ประยุทธ์ยังลุแก่อำนาจสั่งการให้ใช้กำลังปราบปรามประชาชนที่ออกมาชุมนุมอย่างรุนแรงเกินสมควรกว่าเหตุตลอดมา ตามนิสัยความถนัดของตนเอง จนกล่าวได้ว่าประเทศกำลังขับเคลื่อนไปด้วยความคับแค้นเกลียดชัง พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลยังปล่อยปละละเลยให้รัฐมนตรีหลายคนกระทำการทุจริตต่อหน้าที่และจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรี และข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี โดยที่พล.อ.ประยุทธ์ละเว้น ไม่ติดตามผลข้อสั่งการว่าได้รับการปฏิบัติหรือไม่ นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังเห็นชอบและปล่อยปละละเลยให้เสนอและใช้จ่ายงบประมาณจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ไม่มีสถานการณ์การสู้รบ

การบริหารราชการแผ่นดินและการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของพล.อ.ประยุทธ์จึงทำให้ประชาชนทุกข์ยากเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เศรษฐกิจของประเทศดิ่งเหว ทำให้ประเทศไทยถึงจุดที่เรียกว่าตกต่ำที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์และกลายเป็นประเทศที่ไม่ปลอดภัยในสายตาชาวโลก การพลิกฟื้นและการลดการสูญเสียทางเศรษฐกิจไม่สามารถกระทำได้ การที่ประชาชนต้องติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมากและต้องทนทุกข์ทรมานจากพิษภัยของโรคโควิด-19 เช่นนี้ เป็นผลโดยตรงจากความไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ ความไม่ซื่อสัตย์สุจริต ความไม่รอบคอบระมัดระวัง ไม่สนใจต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชนและประโยชน์ของประเทศชาติ การแสวงหาประโยชน์บนความเดือดร้อนของประชาชน

พล.อ.ประยุทธ์และพวกพ้องไม่ยึดประโยชน์ของประเทศและประชาชนโดยส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ใจดำ ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน ไม่เห็นใจในความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนและจากความโอหังและการเสพติดในอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ จนทำให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในสภาพของคนเป็นโรคโอหังคลั่งอำนาจ(Hubris Syndrome) ไม่อยู่ในภาวะที่จะเป็นผู้นำประเทศได้อีกต่อไป ดังนั้น หากปล่อยให้พล.อ.ประยุทธ์บริหารราชการแผ่นดินต่อไป จะทำให้ประชาชนติดเชื้อและเสียชีวิตมากยิ่งขึ้น จนไม่สามารถหาสถานที่ฌาปนกิจได้ทันและเพียงพอ ไม่มีหนทางหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ ประชาชนจะต้องทนทุกข์ทรมานทั้งจากโรคและการดำรงชีวิต บ้านเมืองจะไร้ซึ่งความสงบสุขร่มเย็น อันจะนำมาซึ่งความหายนะของประเทศชาติอย่างแท้จริงตามที่มีการกล่าวกันว่าผู้นำโง่ เราจะตายกันหมด เพราะคนโง่คือภัยอันตรายร้ายแรง เมื่อได้กลายเป็นผู้มีอำนาจ

ส่วนเหตุผลที่ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากเห็นว่าขาดซึ่งองค์ความรู้ ไร้ซึ่งภูมิปัญญาและความสามารถในการกำกับดูแลงานด้านสาธารณสุขของประเทศ มีพฤติกรรมคุยโม้โอ้อวด ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ฉ้อฉล หลอกลวงประชาชน ส่งผลให้การบริหารงานของกระทรวงสาธารณสุขล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะการรับมือกับโรคอุบัติใหม่ดังเช่นโรคโควิด-19 ที่เป็นวิกฤติของชาติอยู่ในปัจจุบัน

นายอนุทินขาดสติปัญญา ประเมินความรุนแรงและผลกระทบของโรคนี้ผิดพลาดอย่างร้ายแรง เห็นว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดาเป็นและหายได้เอง ประเมินว่าเป็นโรคกระจอก จึงปล่อยปละละเลยในการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขและมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโดยเฉพาะวัคซีน จนทำให้การแพร่ระบาดของโรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว กว้างขวาง และรุนแรง ประชาชนขาดโอกาสที่จะได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานในปริมาณที่เพียงพอ การจัดหาวัคซีนเป็นไปอย่างล่าช้า และได้วัคซีนที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันโรค มุ่งเน้นแต่จะจัดหาวัคซีนลึกลับ แต่ด้อยคุณภาพ วัคซีน

ขณะที่การตรวจหาผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นไปอย่างล่าช้า ไม่ทันต่อการระบาดของโรค และยังมีพฤติการณ์แสวงหาประโยชน์จากการจัดหาวัคซีน การกระจายวัคซีนและการจัดซื้ออุปกรณ์ตรวจโรค พูดเท็จโอ้อวดต่อประชาชนว่าเราจะมีวัคซีนเต็มสองแขนเหลือเฟือ การจัดหาวัคซีนโดยรวมมีความผิดพลาดบกพร่องในทางยุทธศาสตร์อย่างร้ายแรง จากพฤติการณ์ในการบริหารจัดการของ นายอนุทินทำให้เพียงระยะเวลา 4 เดือนเศษ มีผู้ติดเชื้อเกือบเก้าแสนคนและเสียชีวิตกว่าเจ็ดพันคน มีแนวโน้มที่จะมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น จนขณะนี้ไม่มีสถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์เพียงพอในการรักษาผู้ป่วย ต้องปล่อยให้ผู้ป่วยรักษาตัวเองที่บ้านและทยอยเสียชีวิตลงไป

สถานพยาบาลบางแห่งต้องออกหลักเกณฑ์ว่าจะเลือกให้ผู้ป่วยคนใดอยู่หรือตาย ผู้ป่วยบางรายทนไม่ไหวก็นอนเสียชีวิตอยู่กลางถนนหรือในบ้านตนเอง สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เห็นว่าระบบสาธารณสุขของประเทศล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เป็นโศกนาฏกรรมของสังคมไทยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นเลยหากได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่มีความรู้ความสามารถ มองปัญหารู้และแก้ปัญหาเป็น แต่นายอนุทินซึ่งกำกับดูแลทั้งกรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค องค์การเภสัชกรรม และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กลับไร้ความรู้ความสามารถที่จะทำให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยุติลงได้ อีกทั้งยังมุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์จากการจัดหาวัคซีนและการกระจายวัคซีนโดยมิได้คำนึงถึงประสิทธิภาพของวัคซีนและโอกาสของประชาชนในการได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ซึ่งเป็นการกอบโกยผลประโยชน์บนคราบน้ำตาและความเป็นความตายของประชาชน

ดังนั้น หากปล่อยให้นายอนุทินยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขต่อไปจะทำให้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นและไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงเมื่อใด ชีวิตของพี่น้องประชาชนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ขณะที่ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจะมีเพิ่มมากขึ้น จนอาจกล่าวได้ว่าไม่มีสถานที่เพียงพอที่จะทำพิธีฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตได้
ส่วนนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ฝ่ายค้านเห็นว่าเป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญาและไร้ความรู้ความสามารถที่จะบริหารราชการของกระทรวงแรงงาน ทำให้ผู้ใช้แรงงานได้รับผลกระทบทั้งระบบ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย กระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ส่อว่าจงใจและมีผลประโยชน์ทับซ้อน ปล่อยปละละเลยให้แรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายปะปนอยู่ในระบบแรงงานและเกิดการแสวงหาประโยชน์จากแรงงานผิดกฎหมายดังกล่าว จนเป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ

นายสุชาติไม่มีมาตรการรองรับผลกระทบของผู้ใช้แรงงานและโรงงานจากมาตรการของรัฐในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค จนผู้ใช้แรงงานต้องตกงานจำนวนมากและใช้ชีวิตตามยถากรรม นักศึกษาจบใหม่ก็ไม่มีงานทำ ซึ่งเป็นอัตราการว่างงานที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ภาคการผลิตได้รับผลกระทบอย่างหนักจนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างรุนแรงและยังบกพร่องผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่ปล่อยปละละเลยให้เกิดคลัสเตอร์การติดเชื้อใหม่ในโรงงานรายวันโดยไม่มีมาตรการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ ความล้มเหลวจากการบริหารงานของนายสุชาติ ชมกลิ่น ได้สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างมาก หากให้ดำรงตำแหน่งต่อไปยิ่งจะสร้างความเสียหายอีกเป็นทวีคูณ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง มุ่งแต่แสวงหาและกอบโกยผลประโยชน์จากโครงการขนาดใหญ่ของหน่วยงานที่อยู่ในกำกับดูแล รู้เห็นและปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในการประมูลโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต เข้าบุกรุกครอบครองที่ดินของรัฐเพื่อนำมาเป็นของตนและเครือญาติโดยการฉ้อฉล ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐอย่างร้ายแรง ประพฤติตัวเสเพลไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมโรค เข้าไปในแหล่งอบายมุขจนเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปทั่วประเทศจนถึงปัจจุบัน ขาดจิตสำนึกรับผิดชอบ มุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองโดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่ของตน พฤติการณ์ดังกล่าวนำมาซึ่งความเสียหายแก่ทางราชการและภาพลักษณ์ของการเป็นรัฐมนตรีของประเทศไทย หากปล่อยให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไปจะยิ่งสร้างความเสียหายแก่การบริหารราชการแผ่นดินและผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยรวมจนยากที่จะแก้ไขเยียวยาได้

ส่วนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถในการบริหารงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำให้การบริหารงานด้านการเกษตรล้มเหลวทั้งระบบ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต เข้าไปมีส่วนได้เสียในการเรียกรับผลประโยชน์จากโครงการของหน่วยงานที่กำกับดูแล สร้างความเสียหายแก่รัฐจำนวนมาก ไม่ปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ปกป้องรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จงใจเบียดบังเอาทรัพยากรของชาติไปให้พวกพ้องตนเอง ปล่อยปละละเลยให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคในสัตว์ทั้งวัวและสุกร จนส่งผลเสียหายแก่เกษตรกรจำนวนมาก ขณะที่มาตรการชดเชยเยียวยาแก่เกษตรกรไม่ทั่วถึงและเพียงพอ หากปล่อยให้นายเฉลิมชียบริหารราชการแผ่นดินต่อไปจะเกิดความเสียหายแก่รัฐและเกษตรกรไม่หยุดยั้ง

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีพฤติการณ์จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน ทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ใช้ตำแหน่งหน้าที่และสื่อของรัฐเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงและสร้างความแตกแยกในสังคม ทำลายบรรทัดฐานอันดีของสังคม มุ่งประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ปฏิบัติตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี หากปล่อยให้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไป ยิ่งจะทำให้สังคมเกิดความแตกแยกมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

แม่แจ่มอ่วม! ฝนถล่ม-น้ำทะลัก บางจุดสูงเกือบ 1 ม.

เชียงใหม่ 23 ก.ย.- ฝนตกหนัก ลำน้ำแม่แจ่มทะลักท่วมชุมชน อ.แม่แจ่ม ช่วงเช้ามืด ขยายวงกว้าง ชาวบ้านบางส่วนไม่ทันตั้งตัว ข้าวของจมน้ำเสียหาย ฝนที่ตกหนักทำให้น้ำจากลำน้ำแม่แจ่ม เอ่อล้นทะลักเข้าท่วมหลายหมู่บ้านและในเขตชุมชนของตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดวันนี้ โดยน้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือน ร้านค้า ตลาดสด สถานที่ราชการ และโรงเรียน ระดับน้ำที่ท่วมบางจุดสูงเกือบ 1 เมตรและขยายวงกว้างออกไป น้ำที่ทะลักเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว ทำให้ชาวบ้านหลายคนไม่ทันตั้งตัว ตื่นเช้ามาเจอน้ำท่วมบ้าน ข้าวของเครื่องใช้จมน้ำเสียหาย นายเกรียงศักดิ์ บุญตาปวน นายอำเภอแม่แจ่ม สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สมาชิกกองร้อย อส. รวมทั้งหน่วยงานท้องถิ่น เร่งเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้าน ทั้งการยกข้าวของขึ้นที่สูงและอพยพกลุ่มเปราะบางไปอยู่ในที่ปลอดภัย คาดว่าหากไม่มีฝนตกมาเติมทางต้นน้ำของลำน้ำแม่แจ่ม ระดับน้ำที่ท่วมจะค่อยๆ ลดลง -สำนักข่าวไทย

ไต้ฝุ่น “รากาซา” ถล่มฟิลิปปินส์

มะนิลา 23 ก.ย. – ซูเปอร์ไต้ฝุ่น “รากาซา” พัดถล่มเกาะลูซอนทางภาคเหนือ ทำให้ฝนตกหนักและดินถล่ม ประธานาธิบดีสั่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมือเต็มที่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งใช้เครื่องจักรกลหนักเก็บกวาดหินและดินโคลนที่พังถล่มปิดทับเส้นทางสัญจรบนทางหลวงสายหนึ่งในเมืองทูบา จังหวัดเบงเกต ทางภาคเหนือของฟิลิปปินส์ หลังเกิดฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น “รากาซา” หรือที่ฟิลิปปินส์เรียกว่า “นานโด” ที่พัดขึ้นฝั่งจังหวัดคากายานที่อยู่ใกล้เคียง ด้วยความรุนแรงระดับซูเปอร์ไต้ฝุ่น เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ด้วยความเร็วลมสูงสุดใกล้จุดศูนย์กลาง 295 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักและดินถล่มในหลายพื้นที่ คลื่นรุนแรงซัดเข้าชายฝั่ง ชาวบ้านกว่า 18,000 คนในหลายจังหวัดทางตอนเหนือของเกาะลูซอนต้องอพยพจากบ้านเรือน ขณะที่สำนักอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติยังคงแจ้งเตือนภัยไต้ฝุ่นระดับสูงสุดบริเวณหมู่เกาะบาบูยัน ทางตอนเหนือของเกาะลูซอน เนื่องจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันจากฝนตกหนักต่อเนื่อง พร้อมแนะนำชาวบ้านหลีกเลี่ยงพื้นที่ชายฝั่งและริมฝั่งแม่น้ำ ด้านประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ระบุผ่านเฟซบุ๊กว่า เขากำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมสั่งการหน่วยงานรับมือภัยพิบัติเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนและรับมือเหตุฉุกเฉินตลอดเวลา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต รวมถึงความเสียหายรุนแรง ขณะที่ซูเปอร์ไต้ฝุ่นรากาซาค่อยๆ เคลื่อนตัวไปทางตะวันตกมุ่งหน้าภาคใต้ของจีน ที่เมืองเซินเจิ้น เจ้าหน้าที่เตรียมแผนอพยพประชาชนหลายแสนคนออกจากพื้นที่ชายฝั่งและพื้นที่ลุ่มต่ำ เมืองอื่น ๆ หลายแห่งในมณฑลกวางตุ้งได้ประกาศหยุดเรียนและหยุดงาน พร้อมระงับการให้บริการขนส่งสาธารณะ เนื่องจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น ขณะที่สำนักอุตุนิยมวิทยาไต้หวันคาดการณ์ว่า อิทธิพลของไต้ฝุ่นรากาซาจะส่งผลให้ฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่ภาคตะวันออก รัศมีของพายุลูกนี้ค่อนข้างกว้าง ประมาณ 320 กิโลเมตร แม้ศูนย์กลางพายุจะยังอยู่ห่างออกไป […]

อุตุฯ เตือน 9 จังหวัดฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) […]

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย