ทำเนียบ 11 ส.ค.-นายกฯ เปิดจุดคัดกรองผู้ป่วยโควิด-รพ.สนามแบบครบวงจร ของบริษัท ปตท. เสริมศักยภาพรองรับผู้ป่วย พร้อมระบุตัวเลขหายป่วยเพิ่มสะท้อนระบบการทำงานที่ดีขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดหน่วยคัดกรองโควิด-19 และโรงพยาบาลสนามครบวงจร ของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ภายใต้โครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้เร่งดำเนินการทุกมาตรการเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศ ทั้งการตรวจเชิงรุกในประชาชนกลุ่มเสี่ยง เพื่อคัดกรองหาผู้ป่วยในชุมชนให้รวดเร็วและทั่วถึงมากขึ้น การเร่งฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ การเปิดช่องทางให้ประชาชนเข้าถึงระบบการรักษา การกำหนดแนวทางการรักษาผู้ป่วยที่บ้านและการดูแลผู้ป่วยในชุมชน การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามต่างๆ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น และพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับป่วยที่รุนแรงมากขึ้น
นายกรัฐมนตรี ยังขอบคุณความร่วมมือจากภาคเอกชน ที่เข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 และขอชื่นชมบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่ได้สนับสนุนงบประมาณ และนำความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมในการคิดค้นอุปกรณ์สนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ และสามารถนำมาใช้ช่วยเหลือสังคมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และพันธมิตรทางการแพทย์ ในการจัดตั้งโครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” เพื่อช่วยเหลือประชาชนและเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาผู้ป่วยได้มีช่องทางรักษามากขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในขณะนี้รัฐบาลพยายามทำวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญทั้งเรื่องของความปลอดภัยของประชาชน เรื่องเศรษฐกิจ และเรื่องสุขภาพ ที่ต้องเดินหน้าไปด้วยกัน ซึ่งเรามีลมหายใจเดียวกัน เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน ซึ่งช่วงเวลาวิกฤตได้เห็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชนได้เข้าช่วยรัฐบาล
ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้เริ่มจากการดูแลผ่านระบบสาธารณสุข และเมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดมากขึ้น ได้มีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อบูรณาการบุคลากรจากทุกภาคส่วนมาช่วยกันดูแล ส่วนการรักษาพยาบาลระยะแรกอาจไม่มีปัญหามากนัก ระยะต่อไปการแพร่ระบาดรุนแรงมากขึ้น รัฐบาลจำเป็นต้องปรับแผนดูแลประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์ ทั้งเรื่องการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามสีเขียว เพื่อแบ่งเบาภาระการเข้ารักษาในโรงพยาบาล และวันนี้รัฐบาลได้ปรับให้โรงพยาบาลสนามสีเขียว เป็นสีเหลือง และสีแดง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถมากขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่ายินดีคือตัวเลขผู้ป่วยกลับบ้านใกล้เคียงหรือมากกว่าผู้ติดเชื้อในบางวัน แสดงให้เห็นว่า ประสิทธิภาพในการทำงานของเราเริ่มจะดีขึ้น แต่ยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ ซึ่งการทำโรงพยาบาลสนามครบวงจรไม่ใช่เรื่องง่าย และแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือ และความเสียสละของบุคลากรทุกคนที่ร่วมกันจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม และหวังว่าเป็นแบบอย่างให้กับพื้นที่อื่นๆด้วย
“สิ่งสำคัญ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจอื่นๆ ซึ่งพร้อมช่วยเหลือรัฐบาล ช่วยเหลือประชาชน น่าจะที่เอาแบบอย่างตรงนี้ไปช่วยกันพัฒนาไปสู่พื้นที่อื่นๆอีกต่อไป ผมคิดว่า น้ำใจเรามีให้กันเสมอมา เราน่าจะสามารถทำได้ เพราะเรามีลมหายใจเดียวกันที่จะช่วยเหลือประชาชน” นายกฯ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า การดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาโควิดยังไม่สิ้นสุดตราบใดที่โควิดยังไม่หมดจากโลกหรือจากประเทศไทย และต้องหาแนวทางจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไรในอนาคต ซึ่งคาดการณ์ว่า สถานการณ์จะดีขึ้นต้องใช้เวลาอีกนาน เพราะทุกประเทศยังได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน ซึ่งการรวมพลังในประเทศไทยจะมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยอยู่รอด และก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมีศักดิ์ศรีและพัฒนาประเทศไทยไปสู่ยุค New normal ต่อไป.-สำนักข่าวไทย