กรุงเทพฯ 3 ส.ค.-เพื่อไทยซัดก้าวไกล อย่าเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น ชี้โยกงบที่ถูกตัดไปไว้งบกลางเรื่องปกติตามกฎหมายงบฯ การเบิกไปใช้จ่ายต้องมีรายละเอียด
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ชี้แจงกรณีพรรคก้าวไกลตั้งข้อสังเกตว่ากรรมาธิการจากเพื่อไทยสมรู้ร่วมคิดกับกรรมาธิการของรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐสนับสนุนให้โยกงบประมาณที่ถูกตัดลดจำนวน 16,362 ล้านบาทไปไว้ที่งบกลาง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะการโยกไปรวมไว้ที่งบกลางว่า อย่าเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่น และขอให้ไปดูว่าเป็นพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ที่สู้จนกองทัพเรือยอมถอนงบจัดซื้อเรือดำน้ำออกไป
“ไม่ควรมองเป็นเรื่องการเมืองในสถานการณ์ที่ประเทศวิกฤติ ประชาชนเดือดร้อน ต้องได้รับการแก้ปัญหาและช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว เพราะงบกลางนั้นสามารถเบิกจ่ายนำงบประมาณไปใช้ได้ง่าย ส่วนที่มองว่าเป็นการตั้งงบประมาณสำหรับแก้ปัญหาเรื่องนี้อยู่แล้ว หากสามารถเบิกจ่ายได้ง่ายและรวดเร็ว คงจะไม่เห็นภาพประชาชนขอรับบริจาค ต้องไปต่อแถวรออาหาร ต้องรอเตียงและรอยา” นายยุทธพงศ์ กล่าว
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ตนไม่ไช่ส.ส.ขายตัว และไม่มีความคิดจะย้ายพรรค และตนเป็นส.ส.มาหลายสมัย เข้าใจเรื่องกฎหมายเป็นอย่างดีว่าการบริหารจัดการเป็นเรื่องของรัฐบาล ไม่มีกฎหมายข้อใดที่ให้ฝ่ายค้านบริหารหรือใช้จ่ายงบประมาณบริหาร ดังนั้นงบที่ปรับลดจึงต้องส่งกลับไปที่รัฐบาลและการแปรญัตติก็มีความชัดเจนว่าต้องเป็นเรื่องโควิดตามที่ได้แปรญัตติ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การนำงบประมาณที่ถูกตัดลดโยกไปไว้ที่งบกลางเป็นไปตามหลักชอบธรรมและเป็นเหตุเป็นผล แต่เหตุใดพรรคก้าวไกลจึงจะแปรญัตติงบที่ถูกปรับลดกลับไปให้ท้องถิ่นอีก ทั้งที่ถูกตัดงบประมาณมาตั้งแต่ชั้นอนุกรรมาธิการ หากเป็นสถานการณ์ปกติ ตนก็ไม่เห็นด้วย แต่ในสถานการณ์แบบที่ ประเทศกำลังวิกฤติจากโควิด แม้จะตั้งงบกลางเพื่อใช้จ่ายเฉพาะโควิดแล้วก็ตาม รัฐบาลจะใช้จ่ายอะไรต้องมีรายละเอียด และฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ ซึ่งที่ผ่านมาหลายครั้งพรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทยแก้ไขกฎหมาย จึงเป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรค.-สำนักข่าวไทย