เตรียมปรับระดับการดูแลผู้ป่วยโควิด

ทำเนียบรัฐบาล 23 ก.ค.-กทม.เตรียมชี้แจงภาพรวม Rapid Test ขอให้เข้าสู่ระบบตรวจเพื่อเข้าระบบการรักษาได้เร็ว พบการแยกตัวรักษาที่บ้านได้ผลดี เบิกค่าใช้จ่ายได้ปกติ ย้ำต้องพักปอด อย่าออกนอกบ้านตามคำชักชวน อาจไม่ปลอดภัย เตรียมประชุมปรับระดับการดูแลผู้ป่วย


พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า การประชุม ศบค.ชุดเล็ก ได้หารือเรื่องการดูแลผู้ติดเชื้อใน กทม. ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ 3,104 ราย ยังไม่รวมการตรวจด้วยวิธี Rapid Test ที่มีผลบวกอีกกว่า 2,000 ราย โดยใน 1-2 วันนี้ กทม.จะรวบรวมตัวเลขการตรวจทั้งหมดรายงานให้เห็นภาพรวม และจะชี้แจงให้ประชาชนทราบว่า แต่ละเขตสามารถไปตรวจหาเชื้อได้ที่ไหนบ้าง

“จากข้อมูลพบว่า การตรวจเชิงรุกในพื้นที่ กทม. 100 ราย จะพบผู้ติดเชื้อ 11% และถ้ามีประวัติเป็นผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อ จะมีผลยืนยันตามมาทีหลัง 15% หรือถ้าเป็นผู้มีอาการจากระบบทางเดินหายใจจะกลายเป็นผู้ติดเชื้อได้ถึง 25% ดังนั้น ขอให้ทุกคนสำรวจตัวเองและพยายามเข้าสู่ระบบการตรวจ เพื่อจะได้เข้าสู่กระบวนการรักษาโดยเร็วที่สุด” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว


พญ.อภิสมัย กล่าวถึงการรับผู้ป่วยเข้าสู่ระบบการรักษาว่า รองอธิบดีกรมการแพทย์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีผู้ป่วยรอเตียงเพิ่ม 868 ราย ซึ่งที่ผ่านมา กทม.ปิดเคสผู้ป่วยรอเตียงได้ทั้งสิ้น 121,457 ราย แต่ยังมีประชาชนที่ไม่เข้าสู่ระบบ ซึ่งกระบวนการทำงานกำลังเร่งอย่างที่สุด ผู้อยู่ระหว่างรอการจัดสรรเตียงจะได้รับการจัดสรรโดยเร็ว โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยสีแดงถึง 40 ราย จะเร่งนำเข้าระบบโดยเร็วที่สุด และใน 1-2 วันนี้จะมีข้อมูลชัดเจนว่า ผู้ป่วยระดับสีใดอยู่ในพื้นที่ใดใน 50 เขตของ กทม.

“ปริมาณผู้ป่วยใน กทม. พบว่า 70-80% เป็นผู้ป่วยสีเขียวอ่อนและเขียวเข้ม เมื่อได้รับการยืนยันเป็นผู้ติดเชื้อ หากอาการอยู่ในระดับสีเขียว อาจจะไม่ได้เข้าโรงพยาบาล ไม่จำเป็นต้องหาเตียง เพราะแนวทางปฏิบัติในปัจจุบันเน้นให้ดูแลตัวเองที่บ้าน จึงต้องประเมินตัวเองว่ามีอาการอยู่ในระดับไหน ระดับสีเขียว คือ ผู้ที่ยังมีอาการแข็งแรง ติดเชื้อ อายุน้อย จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ถ่ายเหลว แต่ไม่มีอาการระบบทางเดินหายใจ ทั้งนี้ จากการศึกษาโฮมไอโซเลชั่นที่หลายหน่วยงานดำเนินการมาแล้ว 2 สัปดาห์ พบว่าการแยกกักตัวที่บ้านได้ผลดี” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า กรมการแพทย์ รายงานว่า หากตรวจแล้วได้รับการยืนยันว่าเป็นผู้ติดเชื้อ สามารถขอเข้าโฮมไอโซเลชั่นได้ที่โรงพยาบาลที่ไปตรวจ เพราะโรงพยาบาลที่รับตรวจหลายโรงพยาบาลเริ่มระบบนี้แล้ว แต่ถ้าตรวจที่แล็บเอกชน หรือเอ็นจีโอที่รับตรวจ แต่ไม่มีโรงพยาบาลรองรับ สามารถติดต่อได้ที่หมายเลข 1330 กด 14 ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งจะเพิ่มคู่สายจาก 100 คู่สาย เป็น 200 คู่สาย รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะจัดหมายเลขของสำนักงานเขตใน กทม.ทั้ง 50 เขต อำนวยความสะดวกให้ประชาชน


“เมื่อเข้าระบบนี้แล้วจะมีคลินิกอบอุ่น 161 แห่ง กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) 69 ศูนย์ และโรงพยาบาลหลักที่จะดูแลให้เข้าระบบโฮมไอโซเลชั่น โดยจะได้รับกล่องรอดตายของ กทม. ที่มีเครื่องวัดอุณหภูมิ อุปกรณ์ต่างๆ ให้ความช่วยเหลือ ส่วนการเบิกจ่าย สปสช.เน้นย้ำว่า แม้รักษาตัวที่บ้าน แต่สามารถเบิกจ่ายได้ตามปกติ รวมทั้งค่าเอกซเรย์ ค่ารถหากต้องส่งต่อไปโรงพยาบาล ค่าอาหาร 3 มื้อ ขณะนี้ระบบอาจยังไม่สมบูรณ์ แต่มีข้อมูลมากพอสมควรที่จะให้ผู้ติดเชื้อใน กทม. เข้าถึงการดูแลโดยเร็วที่สุด และจะมีการจ่ายยาให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะยาฟาวิพิราเวียร์ และหากใครมีประกันสังคม สามารถติดต่อไปที่ 1506 กด 6 ได้ด้วย” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า กรณีที่มีข้อจำกัด เช่น ในครอบครัวมีกันอยู่หลายคน ทั้งเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ สภาพบ้านไม่พร้อมให้แยกกักที่บ้าน คอมมูนิตี้ไอโซเลชั่น หรือการแยกกักในชุมชน หรือศูนย์พักคอย เป็นคำตอบที่ช่วยได้ ซึ่งขณะนี้มีคนเข้าระบบแล้ว 1,682 คน ใน กทม.เปิดแล้ว 22 เขต กำลังจะเปิดอีก 14 เขต และอีก 14 เขต กำลังเตรียมสถานที่ ซึ่งจะมีสภากาชาดไทย ภาคประชาสังคม เอ็นจีโอ เข้ามาช่วยกัน

“ต้องขอขอบคุณทุกฝ่าย เพราะศูนย์พักคอยจะเปิดรับประชาชนที่ติดเชื้อ มีอาการระดับสีเขียว ไม่สะดวกที่จะกักตัวอยู่ที่บ้าน สามารถเข้าไปรับการดูแล โดยที่จะมีโรงพยาบาล 25 แห่ง เป็นเหมือนพี่เลี้ยงคอยดูแล ขอให้มั่นใจเรื่องความปลอดภัย โดย 25 โรงพยาบาล เป็นโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร 11 แห่ง สังกัดกรมการแพทย์ 3 แห่ง โรงเรียนแพทย์ 4 แห่ง โรงพยาบาลเอกชน 7 แห่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า การระดมความช่วยเหลือทั้งเรื่องสถานที่ การจัดการ บุคลากร มีความพยายามอย่างสูงสุดที่จะรองรับประชาชนที่ติดเชื้อ รวมทั้งโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลที่จะรองรับผู้ป่วยระดับสีเหลือง สีแดง ขอเน้นย้ำประชาชนให้ติดตามข้อมูลข่าวสารและดูจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ต้องขอบคุณสื่อมวลชนจำนวนมากที่พยายามสรุปข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ติดเชื้อว่าจะสามารถเข้าสู่ระบบได้อย่างไร ศบค.จะพัฒนาและนำข้อมูลมาสรุปให้อย่างทันกาลที่สุด” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาจะมีข่าวการเชิญชวนให้ผู้ติดเชื้อออกจากบ้านไปรวมตัวกันที่ใดที่หนึ่ง ขอเน้นย้ำว่า ผู้ติดเชื้อมีความเสี่ยงที่อาการอาจทรุดลงได้ จึงขอให้อยู่บ้านและติดต่อหมายเลขที่ระบุไว้ให้ ซึ่ง ศบค.จะพัฒนาระบบให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ กรมการแพทย์ ย้ำว่าผู้ป่วยจำเป็นต้องพักปอด พักสุขภาพร่างกาย หากออกมานอกบ้านอาจจะมีความไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะถ้าเป็นผู้มีโรคประจำตัว หรือน้ำหนักเกิน ที่สำคัญมีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไปยังชุมชน หรือบุคคลที่ได้ไปสัมผัสและพูดคุยด้วย

“ศบค.ยินดีรับฟังรายงานข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ การจัดการที่ไหนยังมีข้อบกพร่อง เรายินดีน้อมรับข้อเสนอแนะเหล่านั้น และขอให้ทุกคนร่วมมือกัน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงระบบการรักษาดูแลที่ปลอดภัยให้เร็วที่สุด” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว

เมื่อถามว่า ขณะนี้ขยายโรงพยาบาลสนามมากขึ้น แต่บุคลากรทางการแพทย์ทำงานอย่างหนักถึงขั้นขาดแคลนแล้ว ศบค.จะบริหารจัดการอย่างไร พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ภายใน 1-2 วันนี้ จะสรุปเรื่องโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลที่สามารถดูแลผู้ป่วยระดับสีเหลือง สีแดง โรงพยาบาลบุษราคัม ซึ่งเดิมเป็นสีเหลือง ขณะนี้ปรับเพื่อรับผู้ป่วยสีแดงเพิ่ม โรงพยาบาลสนามเดิมเป็นผู้ป่วยสีเขียว ขณะนี้มีอุปกรณ์ บุคลากรสามารถจะพัฒนาขึ้น ยกระดับเป็นโรงพยาบาลสนามสีเหลืองได้

“ส่วนในแง่ของบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข ที่ผ่านมาได้ขอความร่วมมือบุคลากรจากต่างจังหวัดโยกมาช่วยในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล แต่ขณะนี้หลายจังหวัดสถานการณ์หนักขึ้น หลายพื้นที่ในต่างจังหวัด ระบบเตียงเพิ่มสูงขึ้นถึง 70% แล้ว โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดังนั้น บุคลากรจึงต้องโยกกลับไปดูแลสถานการณ์ในพื้นที่ ซึ่งวันนี้ กรมการแพทย์ กรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุข สภากาชาดไทย และภาคประชาสังคมต่างๆ จะประชุมหารือกันเวลา 15.00 น. เรื่องโฮมไอโซเรชั่น คอมมูนิตี้ไอโซเรชั่น รวมทั้งเตียงในระดับเหลือง-แดง ว่าจะปรับอย่างไรบ้าง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือน 9 จังหวัดรับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 20 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือน 9 จังหวัดรับมือฝนตกหนัก เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย ชัยภูมิ นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “มิแทก” บริเวณทะเลมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้ว คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำและสลายตัวอย่างรวดเร็ว ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางไว้ด้วย -สำนักข่าวไทย

สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” ปมร้องเรียนทุจริตเงินวัด-พัวพัน 3 สีกา

19 ก.ย. – สึกแล้ว “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง” และเดินทางออกจากวัดทันที หลังก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับทุจริตเงินวัด และพัวพัน 3 สีกา เป็นภาพเอกสารที่พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ส่งไปยังเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เพื่อชี้แจงกรณีของผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง พร้อมแนบภาพถ่ายการลาสิกขาของผู้ช่วยเจ้าอาวาส เอกสารระบุข้อความว่า “ตามที่มีประเด็นปรากฏในสื่อออนไลน์ และสื่อต่างๆ เกี่ยวข้องกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ทางวัดหัวลำโพง ขอชี้แจงตามประเด็นดังต่อไปนี้ 1.กรณีพฤติกรรมชู้สาวของพระครูปริยัติวัฒนกิจ ทางวัดยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนบุคคล2.กรณียักยอกงินวัดนั้น ทางวัดขอชี้แจงว่า ยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากหน้าที่ของพระครูปริยัติวัฒนกิจ เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ฌาปนสถานวัดหัวลำโพง มีหน้าที่ประสานงานกับเจ้าภาพที่มาติดต่อเกี่ยวกับการจองศาลาบำเพ็ญกุศล อีกทั้งฌาปนสถานวัดหัวลำโพง ประกอบด้วยกรรมการบริหารจำนวน 5 รูป โดยมีเจ้าอาวาสเป็นประธาน และมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายในส่วนฌาปนสถานของวัดมาโดยตลอด 3.กรณีลาสิกขา ทางพระครูปริยัติวัฒนกิจ แจ้งความประสงค์ลาสิกขาด้วยความสมัครใจ เพื่อมิให้กระทบกระเทือนต่อภาพลักษณ์ของวัด และศรัทธาของสาธุชน โดยลาสิกขา 18 ก.ย. 2568 เวลา 19.10 น. และเดินทางออกจากวัดทันที ย้อนดูคำชี้แจง “อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ”ย้อนดูคำชี้แจงจากปากของอดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ ก่อนหน้านี้ที่ทีมข่าวได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ สำหรับเรื่องทุจริตเงินวัด อดีตพระครูปริยัติวัฒนกิจ บอกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเอง […]

เบื้องหลังละครกัมพูชา

สระแก้ว 19 ก.ย. – ชาวกัมพูชาที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ยังไม่รามือ หลังพบความพยายามรวบรวมฝูงชนจากพื้นที่อื่น เข้ามาสร้างสถานการณ์ยึดดินแดนไทย อาจมีเบื้องหลังเป็นข้าราชการกัมพูชา-นายทุนต่างชาติ.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]