จ.นนทบุรี 29 มิ.ย.- “จุรินทร์” ยันคุยหลายพรรค-นักกฎหมายแล้ว มั่นใจร่างแก้ รธน.ฉบับ ปชป. เดินหน้าต่อได้ การแก้ไขมาตราอื่นเป็นหน้าที่ กมธ. หวัง 3 ฝ่ายร่วมใจกัน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่ส.ส.และส.ว.กังวลว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอโดยพรรคประชาธิปัตย์ที่รัฐสภารับหลักการแล้ว ไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 86 ในการแบ่งพื้นที่ส.ส.เขตที่ยังมี 350 เขต โดยเสนอส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าได้หารือเรื่องนี้กับหลายพรรคการเมืองและฝ่ายกฎหมายของฝ่ายต่าง ๆ อีกทั้งจากประสบการณ์และการทำงานในฐานะสมาชิกรัฐสภา ไม่คิดว่าจะมีปัญหา เชื่อว่าเดินหน้าต่อได้
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเขียนหลักการเป็นเรื่องของการเขียนกว้าง ๆ ว่ามีหลักการที่ต้องแก้เรื่องอะไร ด้วยเหตุผลอะไร เมื่อรับหลักการแล้ว เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการและสมาชิกรัฐสภาที่ต้องปรับปรุงแก้ไขมาตราอื่น ๆ ที่ยังขัดแย้งให้สอดคล้องกับหลักการ ซึ่งหลายครั้งแก้ถึงขั้นแก้ตัวเลขมาตรา เพื่อให้สอดคล้องกัน เพราะถ้าผลของการรับหลักการทำให้ต้องเพิ่มบางมาตรา มาตราที่เหลือ ก็ต้องขยับชื่อตัวเลขไป ซึ่งสามารถทำได้
“ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ที่รัฐสภารับหลักการไป แม้ระบุไว้แค่ 2 – 3 มาตรา แต่มาตราไหนที่แก้แล้วขัดแย้งกับมาตราหลักที่รับหลักการไปก็สามารถที่จะแก้ไขได้ ทั้งนี้ เป็นไปตามข้อบังคับ จึงไม่คิดว่าจะมีอุปสรรคที่จะเดินหน้าต่อไปได้ และขณะนี้มีผู้ยื่นเรื่องขอแปรญัตติเข้าไปแล้วที่กรรมาธิการ ฯแล้ว” นายจุรินทร์ กล่าว
ส่วนกรณีส.ว.เตรียมจะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยตีความร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมร่างที่ 13 ในมาตรา 83 และมาตรา 91 หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เป็นเรื่องแต่ละบุคคล แต่ละกรณีจะดำเนินการ สำหรับตนและพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าร่างที่รับหลักการไปสามารถเดินหน้าไปได้ตามขั้นตอนกระบวนการปกติ ตามข้อบังคับของรัฐสภาได้ และความจริงอยากให้ช่วยกันทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ประสบความสำเร็จ
“อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ควรไปตั้งแง่ว่าเป็นร่างของพรรคไหน เป็นร่างของใคร เพราะสุดท้ายมันก็คือความร่วมมือร่วมใจของทั้งส.ส. รัฐบาล ฝ่ายค้านและสมาชิกวุฒิสภา ถ้าสามฝ่ายไม่ร่วมใจกัน โอกาสจะประสบความสำเร็จมันก็ยาก ผมเชื่อว่าทุกฝ่ายอยากเห็นประเทศเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าไปได้ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมได้อย่างยั่งยืน นั่นคือการเดินหน้าไปสู่วิถีประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเป็นสิ่งที่เรากำลังเดินอยู่ ขั้นตอนกระบวนการของการแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ผ่านไปก็เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนกระบวนการที่จะเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย