ทำเนียบรัฐบาล 28 มิ.ย.-มท.1 เชื่องดเคลื่อนย้าย กักแรงงานในแคมป์ สกัดเชื้อโควิดกระจายได้ วอนสังคมเข้าใจ โควิดซับซ้อน ไม่ง่าย ยันสื่อสารชัดเจน แต่ทุกมาตรการจะมีคำถามตามมา
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลแรงงานที่ข่าวว่าเคลื่อนย้ายออกต่างจังหวัดจำนวนมาก ว่า อันดับแรกเรามีนโยบายให้แรงงานอยู่ในแคมป์ ไม่ให้เคลื่อนย้าย ส่วนการเยียวยาจะให้เฉพาะคนที่อยู่ในแคมป์ กรณีเคลื่อนย้ายไปต่างจังหวัดเฉพาะแรงงานไทย ต้องถูกกักตัวที่บ้าน 14 วัน ไม่ออกไปไหน เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดของเชื้ออีก ซึ่งทุกพื้นที่จะเป็นเช่นนี้ กระทรวงมหาดไทยจะกำชับไปในพื้นที่ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน (อสม.) จะต้องเข้มงวด ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดการแพร่เชื้อ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผลเสียออกมา
“ส่วนที่มีสื่อเผยแพร่ว่ามีแรงงานออกมาซื้อข้าวของ ส่วนนี้ถือเป็นความยากลำบาก เพราะระบบยังไม่มีความพร้อม เนื่องจากเพิ่งจะมีคำสั่งออกมา การดูแลเรื่องการกินอยู่ของแรงงานนั้น วันนี้ได้หารือกัน โดยที่ประชุมศบศ.ให้ทำงานบูรณาการกันระหว่างสมาคมทางด้านอาหารและผู้ประกอบการก่อสร้าง ให้ร้านอาหารต่าง ๆ ทำอาหารไปแจกจ่ายตามแคมป์ก่อสร้างเพื่อแก้ปัญหาทั้ง 2 ด้าน มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ปัจจุบันต้องยอมรับว่าที่มีปัญหาคือแคมป์ก่อสร้าง ทั้งในต่างจังหวัด และปริมณฑลมีหลายร้อยแคมป์ ฉะนั้นจะต้องควบคุมให้ได้ หากยังปล่อยให้เกิดการเคลื่อนย้ายจะคุมไม่อยู่และจะทำให้มีปัญหาเรื่องเตียงไม่เพียงพอ จึงต้องหยุดการเคลื่อนที่ทั้งหมด โดยไม่ให้เคลื่อนย้ายไปต่างจังหวัด แต่จะให้อยู่ในแคมป์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว
เมื่อถามว่า จะต้องควบคุมแคมป์คนงานในต่างจังหวัดด้วยหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จะคุมทั้งหมดในพื้นที่สีแดงและทุกพื้นที่จะต้องเข้มงวด ไม่ให้แรงงานออกจากแคมป์ ถ้าพบว่าออกไปจะต้องถูกกักตัว เชื่อมั่นว่าต่างจังหวัดจะมีความเข้มงวดไม่ให้แรงงานเหล่านี้เข้าไปอยู่พื้นที่ทั้งสิ้น ยืนยันว่าจะไม่ไปแพร่เชื้อในต่างจังหวัด สิ่งที่อยากเน้นคือ เมื่อเขาออกไปจากพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดอยู่ ถ้าเขามีเชื้อและถูกกกักตัว เชื้อก็จะไม่ระบาด
“สื่ออย่าไปลงว่าเมื่อแรงงานที่อาจจะมีเชื้อไปต่างจังหวัด แล้วจะทำให้แดงไปทุกจังหวัด มันไม่ใช่ เพราะต้องดูให้ละเอียด เพราะเราคุ้นเคยกับโควิดมาตั้งแต่ระลอกแรก พอปิดกทม.หมด ประชาชนก็หนีออกไปต่างจังหวัด ยอดผู้ติดเชื้อก็จะขึ้น แต่ไม่แพร่ระบาดในจังหวัดนั้น ๆ นี่คือจุดที่เราเห็นว่าเราน่าจะคุมได้” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า นโยบายขณะนี้ไม่อยากให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงาน แรงงานต่างด้าวเราคงจะคุมได้ แต่แรงงานของไทยมีทั้งนอนในแคมป์ และนอนที่บ้าน ถ้าปิดแคมป์ เขาก็อยากกลับบ้าน ซึ่งกลับไปก็ต้องโดนกักตัว ที่ไม่ใช่ลักษณะของ quarantine แต่เป็นลักษณะการกักตัวที่บ้าน เป็นการคุมไว้สำหรับสังเกตอาการ ไปไหนไม่ได้เท่านั้น
เมื่อถามย้ำกรณีการป้องกันแรงงานในบริเวณชายแดนได้กำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราป้องกัน หากลักลอบเข้ามาก็จับ ทั้งนี้ ในการประชุมวันนี้ กระทรวงแรงงานเสนอว่าถ้ามีความจำเป็นต้องใช้แรงงานจะให้เข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ต้องคุยกับ 3 ประเทศนั้นด้วย และเมื่อเข้ามาต้องมีมาตรการกักตัว เพื่อแก้ปัญหาการลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมายและจะช่วยจัดการการแพร่เชื้อได้ ขณะนี้ในส่วนขอวงกระทรวงมหาดไทยระดมกำลังเจ้าหน้าที่จากทุกส่วน เช่น แคมป์คนงานก็มีทั้งทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง เพราะ 6 จังหวัดมีหลายร้อยแคมป์ ซึ่งต้องช่วยกันหมดทุกหน่วยงาน
“ทุกคนทำงานกันเต็มที่ คิดว่าตึงคือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและแพทย์ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ในพื้นที่สีแดงจะตึง เพราะการสร้างโรงพยาบาลสนามไม่ใช่มีแต่การสร้างเตียงแต่มีบุคลากรสธ.เข้ามาทำงานด้วย ขณะเดียวกันบุคลากรสธ.ต้องป้องกันตัวเองด้วย ส่วนเจ้าหน้าที่ในส่วนอื่นเชื่อว่าระดมได้ แล้วช่วงนี้ให้ทหารมาคุมหน้าแคมป์คนงาน” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
ส่วนความคืบหน้าของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วหรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง แต่จะฉีดได้มากน้อยเพียงใดก็เหมือนกับกลุ่ม 7 โรคเสี่ยงและกลุ่มผู้สูงอายุ ยอมรับว่ายังฉีดไม่ได้หมด เพราะการจะฉีดมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับวัคซีนที่มีอยู่
ส่วนกรณีประชาชนจำนวนมากไม่เข้าใจการทำงานของรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ต้องค่อย ๆ สื่อสาร เพราะโควิดเป็นเรื่องซับซ้อน บางทีสื่อถามตนยังไม่แน่ใจว่าสื่อเข้าใจหมดหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องยาก และยิ่งตั้งคำถามว่ากลัวจะเป็นอย่างนี้กลัวจะเป็นอย่างนั้น ยิ่งทำให้ยุ่งกันไปใหญ่ และเมื่อรัฐบาลทำมาตรการอะไรไปก็จะมีคำถามตามมา
“ยืนยันว่ารัฐบาลสื่อสารชัดเจน ไม่มีปัญหา เพราะที่ผ่านมาก็แก้ตามสถานการณ์ แต่ตอนนี้ปัญหาเกิดจากแคมป์ก่อสร้างติดเชื้อมาก มากเสียจนระบบสาธารณสุขจะรับไม่ได้ ยกตัวอย่างกทม.ป่วยเป็นพัน ๆ คน และคนที่ป่วยทุกคนก็อยากอยู่โรงพยาบาลทั้งนั้น ไม่ว่าจะเขียว เหลืองแดงเขาอยากอยู่ทั้งนั้น พอเราจัดไม่ทัน ต้องรอก็เริ่มมีปัญหาแล้ว ดังนั้น จึงต้องหาวิธีหยุดให้ได้ เพราะถ้ายังเพิ่มวันละพัน แม้จะทำโรงพยาบาลสนามได้ แต่บุคลากรทางการแพทย์ก็มีจำนวนไม่เพียงพอ ดังนั้น แคมป์คนงานจำเป็นจะต้องหยุดก่อน รวมทั้งการชุมนุมจะต้องเข้มงวดด้วยและต้องตรวจเชิงรุก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า กังวลเรื่องการสื่อสารที่ไม่เข้าใจ ทำให้เกิดการเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เรามีหน้าที่สร้างความเข้าใจและอย่านึกว่าเรื่องโควิดเป็นเรื่องที่แก้กันง่าย ๆ ซึ่งไม่ใช่ มันยาก มันซับซ้อน เพราะฉะนั้นทุกคนต้องเข้าใจ ตนไม่คงไม่ต้องยกตัวอย่างของหลายประเทศ ซึ่งเขามีปัญหาทั้งนั้น เช่น วัคซีน การรักษาอาการก็มีปัญหา ประเทศชั้นนำก็ทราบดีว่ามีปัญหา ซึ่งเราก็ต้องแก้ไขปัญหาไป และเราก็อยากให้ทุกคนได้รับความดูแลและอยากให้ทุกคนร่วมมือการป้องกัน.-สำนักข่าวไทย