กำชับทุกระดับในจังหวัดเฝ้าระวังเดินทางข้ามพื้นที่

ทำเนียบรัฐบาล 17 มิ.ย.-ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,129 ราย ขณะพบคลัสเตอร์ใหม่เพิ่มไม่หยุดหลายจังหวัด กำชับทุกระดับในจังหวัดต้องเข้มงวดป้องกัน เฝ้าระวังเดินทางข้ามจังหวัด รอฟังชุดใหญ่เคาะมาตรการพรุ่งนี้ หากยอดติดเชื้อในแคมป์คนงานยังพุ่ง


พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 3,129 ราย โดยเป็นการติดเชื้อในประเทศ 3,106 ราย แยกเป็นจากระบบเฝ้าระวังและบริการสุขภาพ 1,991 ราย จากการตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 658 ราย จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 457 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศอีก 23 ราย รวมยอดผู้ป่วยสะสม 207,724 ราย

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า รักษาหายเพิ่มอีก 4,651 ราย รวมยอดรักษาหาย 172,316 ราย ยังรักษาอยู่ 33,853 ราย เป็นการรักษาใน รพ. 8,590 ราย รพ.สนาม 25,263 ราย ทั้งนี้ มีผู้ป่วยอาการหนัก 1,313 ราย ในจำนวนผู้ป่วยหนักนี้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจถึง 376 ราย การระบาดในระลอกเดือนเมษายน ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-17 มิ.ย.64 พบผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 2,331 ราย โดยมีผู้ป่วยยืนยันสะสม 178,861 ราย รักษาหายเพิ่ม 4,651 ราย รวมรักษาหายแล้ว 144,890 ราย ยังรักษาอยู่ 33,853 ราย


“วันนี้เสียชีวิต 30 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 1,461 ราย ส่วนรายละเอียดผู้เสียชีวิต 30 ราย เป็นเพศชาย 18 ราย เพศหญิง 12 ราย อายุ 38-89 ปี อยู่ในพื้นที่ กทม.มากที่สุด 22 ราย เพชรบุรี 3 ราย สมุทรปราการ สมุทรสงคราม อุดรธานี สระแก้ว นราธิวาส จังหวัดละ 1 ราย โดยมีโรคประจำตัว เป็นโรคความดันโลหิต เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หัวใจ โรคไต มะเร็ง ติดเตียง โรคปอด ซึ่งเป็นโรคประจำตัวที่เป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้น โดยเป็นการติดเชื้อจากคนในครอบครัวและคนอื่น ๆ เช่น เพื่อนร่วมงาน เพื่อนบ้าน อาศัยและเดินทางเข้าไปในสถานที่ระบาด เข้าไปในสถานที่แออัดพลุกพล่าน ซึ่งมี 2 ราย เสียชีวิตระหว่างการสอบสวนโรค” พญ.อภิสมัย กล่าว

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า สำหรับ 10 อันดับจังหวัดที่พบผู้ป่วยภายในประเทศสูงสุด อันดับ 1 ยังเป็นกรุงเทพมหานคร 1,032 ราย อันดับ 2 สมุทรปราการ 390 ราย อันดับ 3 สมุทรสาคร 171 ราย อันดับ 4 นครปฐม 130 ราย อันดับ 5 นนทบุรี 105 ราย อันดับ 6 ชลบุรี 75 ราย อันดับ 7 ปทุมธานี 71 ราย อันดับ 8 นราธิวาส 67 ราย อันดับ 9 ปัตตานี 58 ราย อันดับ 10 พระนครศรีอยุธยา 43 ราย

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า กทม.พบคลัสเตอร์ใหม่ในเขตบางนา เป็นโรงเรียนพลาธิการของกองทัพเรือ พบเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยรายใหม่ 37 ราย ที่ จ.สมุทรปราการ เป็นคลัสเตอร์ใหม่เช่นกัน เป็นบริษัทเฟอร์นิเจอร์ ที่ อ.เมืองสมุทรปราการ เริ่มพบเมื่อ 16 มิ.ย. มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 154 ราย และที่ อ.พระประแดง เป็นบริษัทผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป พบผู้ติดเชื้อ 30 ราย จ.สมุทรสาคร อ.เมืองสมุทรสาคร เป็นโรงงานอาหารทะเลสด พบเมื่อ 16 มิ.ย. มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 11 ราย ซึ่งวันนี้ยังมีรายงานของจังหวัดที่แสดงให้เห็นรายวัน เช่น ที่สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม นนทบุรี ชลบุรี ผู้ติดเชื้อยังสูงอย่างต่อเนื่อง


“รายงานจังหวัดที่ติดเชื้อลำดับที่ 12 คือ จ.ยะลา พบกรณีคลัสเตอร์ของโรงเรียนมัรกัส ซึ่งมีนักเรียนที่เดินทางข้ามพื้นที่ มีการติดเชื้อในโรงเรียน และจากโรงเรียนมัรกัส เดินทางไปยัง จ.สุราษฎร์ธานี ทำให้พบตัวเลขยืนยันผู้ติดเชื้อ จ.สุราษฎร์ธานี 8 ราย กระบี่ 12 ราย พังงา 2 ราย ภูเก็ต 1 ราย ตอนนี้ผู้ติดเชื้อในกลุ่มก้อนนี้ยืนยัน 23 ราย และยังคงรอผลอยู่อีกบางส่วน ซึ่งทางสำนักงานป้องกันควบคุมโรค เขตสุขภาพที่ 11 ได้ส่งตรวจเชื้อสายพันธุ์กลายพันธุ์เรียบร้อยแล้ว และแจ้งจังหวัดที่มีรายงานให้เฝ้าระวังติดตามกระบวนการสอบสวนโรค ทั้งผู้ติดเชื้อและครอบครัวให้ความร่วมมือในการเปิดเผยข้อมูล ไทม์ไลน์เป็นอย่างดี” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับข้อมูลการฉีดวัคซีนโควิด ประจำวันที่ 16 มิ.ย. ฉีดแล้ว 222,967 โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 166,528 โดส เข็มที่ 2 อีก 56,439 โดส ยอดการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-16 มิ.ย.64 สะสม 7,003,783 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 5,114,755 โดส และเข็มที่ 2 อีก 1,889,028 โดส ทั้งนี้ หากฉีดในอัตราที่เกือบ 3 แสนต่อวัน ทำให้ยอดรวม 1 เดือน ควรจะฉีดได้ประมาณ 10 ล้านโดส สำหรับการจำแนกการได้รับวัคซีนตามกลุ่มเป้าหมาย ครบ 2 เข็มตามเกณฑ์ 1. บุคลากรสาธารณสุข 88.8% 2. เจ้าหน้าที่ด่านหน้า 14.9% 3. อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) 12.2% 4. ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค 1.7% 5. ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 0.3% และ 6. ประชาชนทั่วไป 2.5%

“กรมควบคุมโรคเสนอให้จังหวัดกำหนดมาตรการเข้มข้น เช่น กรณีพบผู้ติดเชื้อ แต่ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ต้องกักกันตัวก่อน หลายคนทำไม่ได้ เพราะที่อยู่อาศัยค่อนข้างแออัด จึงขอความร่วมมือให้จังหวัดหาสถานที่ทำการกักตัว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัด รวมทั้งให้จังหวัดเฝ้าระวังการเดินทางข้ามพื้นที่ เหตุที่ต้องเน้นย้ำเรื่องนี้ เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อยังไม่ลดลง ทาง ศบค.ชุดเล็กมีความเป็นห่วงและเห็นใจผู้บริหารหรือผู้ว่าราชการในแต่ละจังหวัด ท่านอาจดูแลทั้งจังหวัดไม่ไหว อยากขอร้อง ศปก.โควิดระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล ท่านปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ คงต้องเป็นความร่วมมือของทุกฝ่าย ทุกภาคส่วน” ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าว

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า กรณีแคมป์คนงานใน กทม. ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก หารือกันว่า การสอบสวนในแคมป์คนงาน 50 เขตใน กทม. อยู่ที่ 575 แคมป์ มีคนงาน 79,620 คน เป็นคนไทย 33,432 คน เป็นคนต่างชาติ 46,188 คน ที่ผ่านมาได้ขอความร่วมมือแต่ละแคมป์ไปแล้ว ซึ่งหากทำไม่ได้ ต้องปรับมาตรการเข้มข้นขึ้น โดยให้กระทรวงมหาดไทย ประสานกำลังตำรวจ ทหาร เข้าควบคุมดูแลแคมป์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (18 มิ.ย.) ศบค.ชุดใหญ่จะประชุม ซึ่งหากยังมีปริมาณผู้ติดเชื้อในแคมป์คนงานเพิ่ม ศบค.อาจมีมาตรการที่เข้มงวดขึ้น

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุดวันนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมรวมแล้ว 177,777,052 ราย เสียชีวิต 3,847,778 ราย โดยประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงสุด อันดับแรก สหรัฐอเมริกา 34,365,985 ราย อันดับ 2 อินเดีย 29,699,555 ราย อันดับ 3 บราซิล 17,629,714 ราย อันดับ 4 ฝรั่งเศส 5,747,647 ราย และอันดับ 5 ตุรกี 5,348,249 ราย โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 78.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมแม่แจ่มยังวิกฤติ

เชียงใหม่ 24 ก.ย.- “อำเภอแม่แจ่ม” น้ำท่วมยังวิกฤติ หลังฝนตกหนักบนดอย เช้านี้ลำน้ำแม่แจ่มเพิ่มระดับสูงขึ้นอีกครั้ง เตือนหมู่บ้านท้ายน้ำเตรียมรับมวลน้ำจากน้ำแม่หยอด-น้ำแม่แจ่ม ที่จะไหลมาสมทบกัน ขอให้อพยพกลุ่มเปราะบางและขนย้ายสิ่งของไว้บนที่สูง ภาพจากกล้องวงจรปิดเวลาตลาดสดเทศบาลแม่แจ่ม เช้านี้ (24 กันยายน 2568) ยังคงมีมวลน้ำจากลำน้ำแม่แจ่มไหลเอ่อเข้าท่วมถนนและในตลาดสดเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ หลังน้ำที่ท่วมเมื่อวานนี้เริ่มลดลง แต่เมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้น้ำเพิ่มสูงขึ้น ทำให้น้ำที่ท่วมถนนหน้าที่ว่าการอำเภอแม่แจ่ม และบ้านเรือนของชาวบ้านในตำบลช่างเคิ่ง และตำบลท่าผา บางจุดท่วมสูง 70- 80 เซนติเมตร นายเกรียงศักดิ์ บุญตาปวน นายอำเภอแม่แจ่มให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมยังหนักอยู่ เนื่องจากมีน้ำจากบนดอยเติมมาตั้งแต่ช่วงตี 5 ของวันนี้ หลังน้ำที่ท่วมเมื่อวานนี้ลดลงในช่วงค่ำ แต่มีมวลน้ำมาเติมอีกระลอก น้ำที่ไหลมาท่วมวันนี้ถือว่าหนักกว่าเมื่อวานเพราะไหลมาจากอำเภอกัลยานิวัฒนา ซึ่งขณะนี้ทางอำเภอยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้ว่าน้ำจะเริ่มลดระดับลงเมื่อไหร่ถ้าหากฝนบนดอยยังตกมาเรื่อยๆ โดยน้ำท่วมครั้งนี้มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกว่า 700 หลังคาเรือน กระทบกว่า 3,000 คน โดยมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักและต้องการความช่วยเหลือด่วน คือตำบลแม่นาจร สะพานไม้ขาด ถนนพัง ขณะนี้ทางผู้นำท้องถิ่นช่วยกันดูแลอยู่ อย่างไรก็ตามในส่วนของอำเภอแม่แจ่มและหน่วยงานส่วนราชการนั้น ระดมกำลังช่วยเหลือชาวบ้านกลุ่มเปราะบางและผู้สูงอายุ รวมทั้งได้ตั้งโรงครัวนำอาหารและน้ำดื่มแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัย จัดตั้งศูนย์อพยพไว้ที่อำเภอและเทศบาลต่างๆ แต่ขณะนี้ชาวบ้านยังไม่มีการอพยพแต่อย่างใด เนื่องจากยังมีไฟฟ้าใช้ตามปกติและยังมีอาหารเพียงพอ มีเพียงบางส่วนที่ไปอาศัยบ้านญาติอยู่ชั่วคราว ข้อมูลจากสำนักงานป้องกันสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่รายงานเมื่อวันที่ 23 […]

ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างหน้าวชิรพยาบาล แนะเลี่ยงเส้นทาง

24 ก.ย.- ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างบริเวณหน้าวชิรพยาบาล จนท.เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วย-ประชาชนใกล้เคียง ออกนอกพื้นที่เสี่ยง แจ้งเตือนหลีกเลี่ยงเส้นทางอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจร ช่วงประมาณ 07.13 น. ศูนย์วิทยุพระราม199 รางานเหตุถนนทรุดตัวเป็นบริเวณกว้างใกล้เคียงอาคารของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสามเสน ถึงที่เกิดเหตุ ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นถนนทรุดตัวขนาดใหญ่ เป็นหลุมกว้าง 30 x 30 เมตร ลึก 50 เมตร ทรุดตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบริเวณหน้าโรงพยาบาลและหน้าสถานีตำรวจสามเสน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและประชาชนใกล้เคียง ออกจากจุดที่เกิดเหตุ ล่าสุดสำนักงานเขตดุสิต แจ้งปิดการจราจรแยกวชิรพยาบาล – แยกซังฮี้ และบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ เนื่องจากเหตุผิวจราจรทรุดตัวส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณูปโภคโดยรอบ และอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจรใกล้เคียงได้ -สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักบางพื้นที่-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนภาคอีสาน ภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง มีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.นครพนม จันทบุรี และตราด ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ และภาคกลาง มีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครพนม จันทบุรี และตราด ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 […]

ชนกัน 10 คันรวด ทางลอดอุโมงค์แยกดาราสมุทร จ.ภูเก็ต

ภูเก็ต 23 ก.ย.-รถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกเสาเข็ม เบรกแตก พุ่งชนระเนระนาดในอุโมงค์ดาราสมุทร จ.ภูเก็ต รถเสียหาย 10 คัน บาดเจ็บ 4 คน เป็นคนไทย 3 คน และชาวมาเลเซีย 1 คน เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2568 ศูนย์วิทยุพิทักษ์วิชิตได้รับแจ้งเหตุรถชนกันหลายคันภายในอุโมงค์ทางลอดแยกดาราสมุทร ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต มีรถได้รับความเสียหายจำนวนมากและมีผู้บาดเจ็บ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วย พ.ต.ท.วุฒิวัฒน์ เลี้ยงบุญจินดา รอง ผกก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบการจราจรติดขัดอย่างหนัก รถไม่สามารถผ่านอุโมงค์ได้ทั้ง 2 เลน เบื้องต้นตรวจสอบพบรถชนกันเสียหายรวม 10 คัน มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย อาการแน่นหน้าอก […]