กรุงเทพฯ 16 มิ.ย.- รังสิมันต์ โรม ขอเพื่อไทย เลิกหวังแลนด์สไลด์แก้ระบบเลือกตั้ง ย้ำก้าวไกล เห็นคงใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว
นายรังสิมันต์ โรม รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ชัดเจนว่าจุดมุ่งหมายของพรรคเพื่อไทยในการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ โดยเฉพาะเรื่องระบบการเลือกตั้งที่ยอมเล่นตามเกมของพรรคพลังประชารัฐ รื้อกรอบจำนวน ส.ส. พึงมีออกไป แล้วไปเน้นหนักที่การเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต 400 คน ซึ่งเพิ่มจากเดิม 50 คน คงเป็นอย่างที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้กล่าวไว้ คือเพื่อหวังให้เกิดการเทคะแนนไปที่พรรคใดพรรคหนึ่งอย่างเต็มที่ ด้วยข้ออ้างว่าหากเป็นเบี้ยหัวแตกแล้วจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ยาก
“พูดง่ายๆ คือหวัง แลนด์สไลด์ แบบที่เคยได้ในอดีต โดยค่อยไปวัดพลังกับพรรคพลังประชารัฐเอาดาบหน้า ผมคงไม่ลึกลงรายละเอียดถึงปัญหาเชิงหลักการของข้อเสนอระบบการเลือกตั้งดังกล่าว เพราะทั้งผมและพรรคก้าวไกลได้พูดไปพอสมควรแล้ว แค่ขอย้ำว่าระบบการเลือกตั้งดังกล่าวมีปัญหาแน่ๆ ในการทำให้สัดส่วนระหว่างจำนวน ส.ส. ของแต่ละพรรคการเมืองกับจำนวนประชากรที่เลือกพรรคการเมืองนั้นๆ ไม่เหมาะสมกัน บางพรรคจะได้ ส.ส. เกินส่วนประชาชนที่เลือก ในขณะที่บางพรรคก็จะได้ ส.ส. ขาดส่วนประชาชนที่เลือกเช่นกัน แค่อยากจะขอถามไปยังพรรคเพื่อไทย ว่า แลนด์สไลด์ ที่คาดหวังนี้ จะไปในทิศทางไหนกันแน่”นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ ระบุอีกว่า พรรคพลังประชารัฐ เป็นเพียงอวัยวะหนึ่งของ คสช. ที่เข้ามาชิงพื้นที่ในสภาฯ คสช. ยังมีอวัยวะอื่นๆ อีกที่จะใช้ประโยชน์ในการสืบทอดอำนาจ ไม่ว่าจะเป็น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระอื่นๆ ตลอดจนระบบราชการ ในวันนี้พรรคพลังประชารัฐเลือกที่จะแก้ระบบการเลือกตั้ง เพื่อหวังขยายจำนวน ส.ส. ของตัวเองในอนาคตให้เกินกรอบจำนวน ส.ส. พึงมี ซึ่งมีปัญหาทั้งในเชิงหลักการและยังแสดงให้เห็นถึงเจตนาร้ายที่หวังใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือสืบทอดอำนาจเท่านั้น
“การที่พรรคเพื่อไทยไปร่วมเห็นชอบกับระบบการเลือกตั้งดังกล่าวด้วยนั้น หากผลปรากฏว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นฝ่ายที่ใช้ประโยชน์จากระบบดังกล่าวได้ดีที่สุดและชนะเลือกตั้งไป จะยิ่งเป็นการเพิ่มความชอบธรรมแก่พรรคพลังประชารัฐเพราะถือว่าผ่านการเลือกตั้งในระบบที่พรรคใหญ่ของฝ่ายค้านเองก็ยังรับรอง และเมื่อประกอบกับกลไกอวัยวะอื่นๆ ของ ฝ่าย คสช. ที่ยังคงอยู่เพื่อคอยรักษาสถานะทางอำนาจไว้แล้ว การจะตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จะยากยิ่งขึ้นไปอีก หากผลออกมาเป็นเช่นนี้แล้วพรรคเพื่อไทยจะรับผิดชอบอย่างไร” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ ยังชี้ว่า การต้องการให้พรรคการเมืองเข้มแข็งที่อ้างว่าต้องไม่เป็นเบี้ยหัวแตก คือการมุ่งหวังให้คะแนนเทมายังพรรคเพื่อไทย ที่มีความพร้อมมากกว่าหลายพรรคในการหาเสียงเลือกตั้งแบบแบ่งเขต แต่ปล่อยให้พรรคฝ่ายค้านอื่นๆ ต้องต่อสู้ดิ้นรนในเวที ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อที่มีเพียง 100 คน หรือเพียง 20% ของทั้งสภาฯ เรียกได้ว่าพรรคเหล่านี้คือผู้ที่จะต้องจมอยู่ใต้แลนด์สไลด์ที่เกิดขึ้น จึงเป็นคำถามว่า เป็นประโยชน์กับประชาชนจริงหรือ และหากพรรคเพื่อไทยยังดึงดันในข้อเสนอนี้ แล้วผลปรากฏว่าชัยชนะกลายเป็นของพรรคพลังประชารัฐ ถึงตอนนั้นแล้วจะยังมีพรรคไหนจะร่วมสู้ด้วยกันกับพรรคเพื่อไทยอีก
“ผมและพรรคก้าวไกลยังคงยืนยันว่าระบบการเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียวตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มีปัญหา การใช้บัตร 2 ใบดีกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ใช่ว่าหากไม่เอาระบบตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 แล้วจะต้องหันไปเอาระบบตามที่พรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐ เสนอมาเท่านั้น ยังมีระบบการเลือกตั้งอื่นที่สะท้อนเจตจำนง ซื่อตรงต่อเสียงของประชาชนได้มากยิ่งกว่า 2 ระบบนี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทุกพรรคการเมืองในระยะยาว รวมทั้งพรรคเพื่อไทยด้วย หวังว่าพรรคเพื่อไทยจะทบทวนการตัดสินใจของตัวเอง อย่าได้คล้อยตามสิ่งล่อใจเพียงชั่วครู่ชั่วคราวจนยอมรับในระบบที่ยังมีปัญหาเชิงหลักการแล้วเอาชะตากรรมของประชาชนไปแขวนอยู่บนความไม่แน่นอนเลย” รังสิมันต์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย
