กทม. 31 พ.ค.- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยืนยัน ไม่ต้องแก้ไขกฎระเบียบกรณีท้องถิ่นจะโยกงบประมาณซื้อวัคซีนโควิด-19 แต่ต้องผ่านการพิจารณา จาก ศบค. ป้องกันการเหลื่อมล้ำและสับสน
พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จะขอจัดซื้อวัคซีน โดยต้องมีการแก้ระเบียบกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ ว่า เรื่องนี้ไม่ต้องมีการแก้ระเบียบกระทรวงมหาดไทย เพราะไม่มีกฎระเบียบที่ห้าม แต่เนื่องจากเมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 64 ที่ผ่านมา ผู้ตรวจการแผ่นดินมีคำวินิจฉัย ห้าม ท้องถิ่นและเอกชนซื้อวัคซีนโควิด-19 เอง โดยระยะแรกต้องให้รัฐดำเนินการ ดังนั้น ขณะนี้จะต้องพิจารณาว่าพ้นระยะแรกหรือยังและถ้าปล่อยให้เอกชนและองค์กรปกครองท้องถิ่นซื้อวัคซีนได้โดยไม่มีแผน จะทำให้เกิดความสับสน เพราะขณะนี้รัฐได้มีแผนกระจายการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ รวมทั้งทำให้เกิดการเหลื่อมล้ำได้เนื่องจาก ท้องถิ่นแต่ละแห่ง มี การจัดเก็บรายได้ และงบประมาณไม่เหมือนกัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เสนอว่า แนวทางที่ดีที่สุดคือต้องให้ ศบค. เป็นผู้พิจารณาว่าถึงเวลาหรือยังที่จะให้เอกชนและองค์กรปกครองท้องถิ่นร่วมซื้อวัคซีนได้อย่างไรก็ตาม วัคซีนโควิด-19 เป็นวัคซีนในภาวะฉุกเฉินต้องซื้อโดยรัฐบาล ทั้งนี้หากศบค.มีแนวทาง ให้เอกชนและองค์กรปกครองท้องถิ่น ร่วม จัดซื้อวัคซีน ศบค.จะต้องเป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อให้
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ย้ำ ในการฉีดวัคซีน โควิด-19 ต้องดำเนินการภายใต้มาตรฐานเดียวกัน และไม่ซ้ำซ้อน กับการดำเนินการของภาครัฐ ที่สำคัญ สิ่งที่ท้องถิ่น ต้องพิจารณา คือ ในการฉีดวัคซีน ต้องมีแพทย์และเจ้าหน้าที่ รวมทั้ง ต้องดูแลหลังฉีดวัคซีนเพื่อระวัง ผลกระทบและอาการที่ตามมา.-สำนักข่าวไทย