10 พ.ค.-“พล.อ.ประวิตร” สั่ง บจธ.ทุกพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านช่วงโควิด เร่งสนับสนุนที่ดินทำกิน และสร้างแหล่งน้ำธรรมชาติ
วันนี้ 10 พฤษภาคม 2564 พลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ ศีวรขาน ประธานบอรด์สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน หรือ บจธ. เปิดเผยว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล บจธ. มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ได้มอบหมายให้ บจธ. ติดตามสถานการณ์ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันต่อสถานการณ์ ทั้งนี้ทาง บจธ.กำชับเจ้าหน้าที่เร่งสนับสนุนที่ดินทำกินเพิ่ม โดยล่าสุดมีสองชุมชนในพื้นที่สุราษฎร์ธานี ได้แก่ชุมชนน้ำแดง ต.คลองน้อย อ.ชัยบุรี ซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์การเกษตรสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ จำกัด ที่ยื่นขอความช่วยเหลือผ่านหลายหน่วยงาน และสมาชิกต้องเผชิญปัญหารอบด้านมายาวนานหลายปี จนกระทั่งสามารถยุติความขัดแย้ง ความรุนแรงในพื้นที่ โดย บจธ. จัดซื้อที่ดิน จำนวน 69 ไร่เศษ ให้สมาชิก 37 ครัวเรือนทำประโยชน์ในรูปแบบกรรมสิทธิ์ร่วม และทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินกับสหกรณ์การเกษตรสหพันธ์เกษตรกร ภาคใต้ จำกัด เมื่อเดือนมกราคม 2564 และอีกแห่งหนึ่งคือกลุ่มวิสาหกิจชุมชนรวมพลังสร้างอาชีพวัดประดู่ ต.ปากฉลุย อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี ที่ บจธ.สนับสนุนจัดหาและพัฒนาที่ดินทำกินเนื้อที่กว่า 117 ไร่ ให้กับสมาชิก 23 ครอบครัวในรูปแบบทำสัญญาเช่ากับ บจธ.เมื่อปี 2563
ด้าน นายกุลพัชร ภูมิใจอวด ผู้อำนวยการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน)ได้กล่าวว่า บจธ.ได้ติดตามความคืบหน้าทั้งสองพื้นที่ได้รับรายงานส่าสมาชิกชุมชนน้ำแดง ต.คลองน้อย ได้ประกาศความพร้อมยกระดับเป็นพื้นที่เกษตรอินทรีย์ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารให้เกิดขึ้นในชุมชนและอำเภอชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี รวมทั้งการบริหารจัดการให้เป็นต้นแบบการบริหารจัดการที่ดินอย่างยั่งยืน เนื่องจากในพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ ทั้งพืชเศรษฐกิจเช่นปาล์ม ทุเรียน และพืชผักพื้นบ้าน จนถึงแหล่งน้ำธรรมชาติ ที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกันอยู่แล้ว สถานการณ์วิกฤตโควิด – 19
นอกจากนี้ ช่วงโควิดระบาด ทางชุมชนน้ำแดง ได้พูดคุยกับสมาชิกเรื่องการป้องกันตัวเอง และหาปลาในคลองผักข้างบ้านมาบริโภค เพื่อลดการเดินทางไปในที่เสี่ยงต่างๆ แล้วนำมาแลกเปลี่ยนกัน ในพื้นที่เรามีผักพื้นบ้านหลายชนิดพวกผักเหลียงหาง่ายมาก และช่วงนี้เริ่มเตียมดินเพาะปลูก ข้าวโพด ถั่ว แตง ฟัก เพราะสมาชิกในชุมชนส่วนใหญ่มีรายได้หลักคือ ปาล์มน้ำมันและตัดยางอยู่แล้ว ตอนนี้ทางกลุ่มกำลังจะทำโรงเรือนผักกลางมุ้งชุมชนเพื่อทุกคนจะได้ได้บริโภคผักปลอดภัย ขณะที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนรวมพลังสร้างอาชีพวัดประดู่ ต.ปากฉลุย ซึ่งมีปาล์มน้ำมันอายุ 5 ปี ที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อย่างต่อเนื่องจำนวนหลายสิบไร่ ทำรายได้ให้สมาชิกครั้งละ 40,000 -60,000 บาท ซึ่งสมาชิกตกลงใช้เงินรายได้ดังกล่าวมาพัฒนาพื้นที่ร่วมกับงบประมาณที่ บจธ. สนับสนุน และองค์การบริหารส่วนตำบลปากฉลุยได้สนับสนุนการพัฒนาเส้นทางเข้าพื้นที่ ล่าสุดยังได้เตรียมพื้นที่ปลูกไม้ยืนต้นประจำถิ่น และพืชผักอายุสั้น รวมทั้งทยอยสร้างบ้านพักอาศัยแล้ว
นายกุลพัชร กล่าวต่อว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด -19 บจธ. ยังคงติดตามความก้าวหน้าในพื้นที่โครงการบริหารจัดการที่ดินอย่างยั่งยืนทั้ง 12 แห่ง และโครงการนำร่องธนาคารที่ดินในพื้นที่นำร่อง 5 แห่งอย่างต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย