“ยุทธพงศ์” ชำแหละมหากาพย์ ฮั้วเจ้าสัวบีทีเอส

รัฐสภา 17 ก.พ.-“ยุทธพงศ์” ชำแหละมหากาพย์ ฮั้วเจ้าสัวบีทีเอส เอื้อขยายรถไฟฟ้าสายเขียว เปรียบ นายกฯ ออก ม.44 เหมือนขืนใจหญิงสาว กล่าวหามท.1 หนี พ.ร.บ.ฮั้ว – พ.ร.บ.ร่วมทุน ฝากไปยังป.ป.ช.หวั่นโดนเป่าคดีทิ้ง บอกสถานีต่อไปของนายกฯ คือ ศาลรัฐธรรมนูญ


นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในประเด็นการใช้ ม.44 ยกสัปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้กับเจ้าสัวฯ ต่อสัปทานไปอีก 40 ปี

โดยนายยุทธพงศ์ ชี้ว่ามีข้อพิรุธ 1.ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2.ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ร่วมทุน ปี 2562 3.ขัดมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวานที่ 20 พ.ย.61 4.เป็นการกระทำที่ขัดแห่งผลประโยชน์ด้วยการผูกขาดตัดตอน เอื้อประโยชน์ให้เจ้าสัวฯ BTS เพียงเจ้าเดียว โดยไม่มีการประมูล ทำให้รัฐเสียหาย ซึ่งนับเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้ว การเสนอราคาต่อหน่วยงานภาครัฐ จัดฉากสร้างหนี้เพื่อยกสัปทานให้กับเอกชน 5.สร้างความเดือดร้อนให้กับคนกรุงเทพฯ เพราะจะเป็นรถไฟฟ้าที่มีค่าโดยสารที่แพงที่สุดในโลก ถือเป็นการจับประชาชนเป็นตัวประกัน


นายยุทธพงศ์ ยังชี้ว่า ผู้ว่าฯ กทม.ไม่ได้บอกความจริงกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า กรณีการหมดสัญญาเส้นทางรถไฟฟ้าไข่แดง ในปี 2572 ได้ไปจ้างให้บริษัท BTS วิ่งรถต่อ ไปถึงปี 2585 ตนย้อนถามว่า บ้องตื้อแค่ไหน นำเส้นทางไข่แดงที่ผ่านย่านธุรกิจ ย่านที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุดของไทย แทนที่รัฐบาลจะนำมาเป็นของ กทม.เมื่อหมดสัญญา เพื่อบริหารเอง และสัญญาจ้างสิ่งรถกทม.ก็ไปผ่านกรุงเทพธาคม หรือ KT และ KT ก็ไปจ้าง BTS ต่อด้วนวิธีพิเศษทำสัญญามูลค่าล่วงหน้ามูลค่า 187,800 ล้านบาท  โดยไม่ผ่านการประมูล ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พร้อมขอฝากไปยังป.ป.ช.ด้วย เพราะตนทราบมาว่าจะเป่าคดีนี้ทิ้ง มีคนไปวิ่งเต้นอยู่

นายยุทธพงษ์ ได้ชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติในปี 2559  ในสมัยหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ไปจ้าง BTS วิ่งรถในรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายเขียวเหนือและเขียวใต้ แต่ขณะนั้นยังขึ้นอยู่กับรฟม.ภายใต้กำกับกระทรวงคมนาคม จึงน้อนถามกทม.มีอำนาจหรือมีสิทธิ์อะไรให้บีทีเอสวิ่งรถ และยังทำสัญญาล่วงหน้าอีก 1.6 แสน ล้านบาท

ทั้งนี้ในปี 2561 มติคณะรัฐมนตรีที่มีพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็มีมติให้กู้เงินกระทรวงการคลังไปใช้หนี้รฟม.เนื่องจากได้โอนส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือและเขียวใต้ จากรฟม.ให้กทม.ซึ่งให้กทม.รับหนี้แทน ดังนั้น พลเอกอนุพงษ์จะมาบอกว่าที่ต้องยกสัมปทานให้เขา 40 ปีมีมูลค่ากว่า 6 แสนล้านบาท เพราะกทม.เป็นหนี้ไม่ได้ และมติครม.ระบุชัดเจน ระบุชัดเจนให้ดูแลค่าโดยสารไม่ให้แพง แต่ต้องระบุตรงๆว่าโคตรจะแพง หนี้ไม่ใช้กลับใช้ ม.44 เจรจาBTS เพื่อขยายสัมปทานแรกหนี้ และอนุโลมว่าเป็นการแก้ไขตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน ถือเป็นการเอื้อประโยชน์หรือไม่ โดยอาจถือเป็นนิติกรรมอำพรางโดยใช้ตัวแทนเพื่อหลีกหนีพ.ร.บ.ร่วมทุน และพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างของรัฐ ผิดกฎหมายอาญามาตรา 157


“นายกฯบอก เคารพกฎหมาย แล้วท่านไปออกม.44 ให้กับเจ้าสัวบีทีเอสอยู่เจ้าเดียว ทำไมไม่ออกให้กับคนอื่นบ้าง “

นายยุทธพงศ์ ยังถามหา นายศักดิ์สยามชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่มีคนกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ เห็นด้วยกับการต่อสัญญา แต่ขณะนี้ไม่เห็นด้วยแล้ว หลังจากปี 2562 สภาผู้แทนราษฎรไม่เห็นชอบให้ขยายสัมปทาน และได้ส่งให้ครม.พิจารณา

นอกจากนี้ นายยุทธพงศ์ ยังชี้ให้เห็นว่าในเส้นทางไข่แดง ช่วงหมอชิตถึงอ่อนนุช เป็นสัญญาร่วมทุน แต่ว่วนต่อขยายคือสัญญาจ้างสิ่งรถ การนำขบวนรถผ่านตลอดเส้นทาง จึงถือเป็นการใช้ทรัพย์สินร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชน มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกัน จึงต้องเป็นพ.ร.บ.ร่วมทุน จึงเป็นปัญหาที่ใช้ม.44 หนีพ.ร.บ.ร่วมทุน พต้อมกับระบุว่าเรื่องนี่นายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้ชี้แจงเอง เรื่องนี้ผู้ที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดคือบริษัทบีทีเอส วิ่งรถได้ไกลขึ้นก็ไปขนคนจากสมุทรปราการมาพื้นที่ไข่แดง จากปทุมธานีมาพื้นที่ไข่แดง และยังได้ค่าจ้างวิ่งรถได้แต่กำไร แถมยังไปเอาเงินในอนาคตมาใช้ นำสัมปทานไปขายให้กับนักลงทุนเป็นหุ้น BTS GIF ได้เงินสดมา ผลประโยชน์มหาศาล

บรรยากาศการอภิปรายเริ่มตรึงเครียดหลัง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลรุมประท้วง หลังนายยุทธพงศ์ นำรูปผู้หญิงมาอภิปรายก่อนที่นายยุทธพงศ์จะชี้แจงว่า ตนจะเปรียบเทียบรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหมือนสาวสวยเพราะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดทำกำไรดีที่สุดในประเทศไทย แต่การที่นายกรัฐมนตรีออกม.44 เหมือนผู้หญิงถูกขืนใจ ทำให้นายกรัฐมนตรีเสียขุนคลังมือดีไป 2 คน ทั้ง นายอุตตม สวนานนท์ และนายปรีดี ดาวฉาย เนื่องจากไม่กล้าเซ็น พ.ร.บ.ร่วมทุน เนื่องจากกลัวติดคุกจึงลาออก

ทั้งนี้ก่อนที่นายยุทธพงศ์ จะกล่าวปิดจบการอภิปราย กล่าวว่า Next Station ของบิ๊กตู่ต่อการใช้มาตรา 44 ในการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว คือศาลรัฐธรรมนูญ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่า สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจ สอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย

GBC หารือใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืนถกถึงเที่ยงคืน

มาเลเซีย 6 ส.ค.-GBC ประชุมใหม่เช้านี้ หลังเมื่อคืน ฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ การหารือภายใต้กรอบ GBC ณ เวลา 07.45 น. วันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อคืน คณะเลขานุการ GBC ของทั้งสองฝ่าย ได้เจรจากันถึงเวลา 00.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในบางประเด็นสุดท้าย เนื่องจากฝ่ายเลขานุการ GBC ของฝ่ายกัมพูชา ไม่สามารถตัดสินตกลงใจได้ในบางหัวข้อและต้องส่งกลับไปให้พนมเปญพิจารณาต่อ จึงได้นัดประชุมอีกครั้ง เวลา 08.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) วันนี้ เพื่อหาข้อสรุปสำหรับประเด็นดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีช่วยกลาโหม ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับคณะเลขานุการ GBC ของฝ่ายไทยติดตามความคืบหน้าในการเจรจา ให้กำลังใจ และชื่นชมในการทำงานอย่างหนักถึงวินาทีสุดท้ายของทีมไทยแลนด์ ขอให้ประสบความสำเร็จในการเจรจา เพื่อบรรลุผลและปกป้องผลประโยชน์ของไทย.-สำนักข่าวไทย