นายกฯ ยกกลอนเตือนใจกลางสภา

รัฐสภา 17 ก.พ.- นายกฯ ร่ายกลอนห่วงคนไทยฆ่ากันเอง แล้วจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง หลังแจงฝ่านค้านทุกประเด็น


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันที่สอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่เปิดการประชุม น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายคนแรกเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมใช้มาตรา 44 สั่งปิดเหมืองทองอัครา ทำให้รัฐต้องชดใช้ค่าเสียหายหลังแพ้คดีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้ขาดความเชื่อมั่นในการลงทุนด้วย ถือว่าการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีทำลายอนาคตประเทศ

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า บริษัทแม่ที่ต่างประเทศได้ฟ้องร้องรัฐบาลไทย เนื่องจากบริษัทลูกไม่ได้รับความเป็นธรรมตั้งแต่ปี 2550 และรัฐบาลไทยได้ต่อสู้ตามกระบวนการและกติกาสากล สิ่งที่รัฐบาลและประชาชนได้รับผลกระทบเช่นกันทั้งด้านสิ่งแวดล้อม การใช้พื้นที่ที่ต้องสำรวจเรื่องความถูกต้อง โดยกระทรวงอุตสาหกรรมรับผิดชอบการต่อสู้คดีระหว่างประเทศและนำเข้าสู่การพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ สิ่งสำคัญที่อาจกระทบต่อการพิจารณาคดี คือการนำเรื่องที่อยู่ในชั้นศาลมาพูดภายนอกและฝ่ายค้ายนำมาอภิปรายและให้ข่าว ซึ่งทั้งหมดเป็นการคาดการณ์ทั้งสิ้น เป็นข้อมูลที่ไม่เป็นทางการ ยังไม่ได้ข้อยุติ เพราะเรื่องทั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี


“ยืนยันว่าการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ไม่ใช่การปิดเหมือง แต่เป็นเรื่องการต่อสัมปทานอาชญาบัตร เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพประชาชน และไม่ได้ใช้เฉพาะเหมืองแร่อัคราเท่านั้น แต่ใช้กับเหมืองแร่ทั้งหมด จึงไม่ใช่เรื่องการเสนอผลประโยชน์ตามที่กล่าวหา การดำเนินการใด ๆ รัฐบาลคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก ยืนยันไม่ได้แก้ปัญหาด้วยการใช้คำสั่ง แต่หารือหน่วยงานที่รับผิดชอบ ถ้าเอาอันนี้มาตีอันนั้นมาตี แล้วสรุปจะเอายังไง ก็ต้องมีคนเดือดร้อน ผมไม่อยากให้ใครเดือดร้อนทั้งสิ้น แต่ก็จำเป็น บางอย่างเป็นการแก้ปัญหาที่เกิดมาก่อนหน้าผม ผมก็ต้องแก้ปัญหา ถ้าผมไม่พูด ทุกคนก็ไม่รู้กันว่าเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่ ปัญหาอยู่ที่ไหน ทำไมรัฐบาลนี้มาแก้ และก่อนหน้านี้ไม่แก้ให้เสร็จเรียบร้อย ทำไมต้องมาถึงตอนนี้ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีนายพิจารณ์ เชาวน์มีพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลระบุว่า กองทัพใช้งบประมาณจัดซื้อเครื่องแต่งกายทหารแพงเกินจริง เมื่อเทียบกับการซื้อในเว็บออนไลน์ทั่วไป ว่า กองทัพดำเนินการโดยวิธีจัดซื้อจัดจ้าง มีราคากลางเป็นตัววัด อีกทั้งต้องดูคุณภาพ ศึกษาประสิทธิภาพของสินค้า รวมถึงประสิทธิภาพการผลิตของผู้ขาย ซึ่งต่างจากการซื้อสินค้าออนไลน์ นอกจากนี้ ร้านที่ซื้อจะต้องเสียภาษีให้รัฐด้วย มีการกำหนดวงเงินค่าปรับ หากร้านค้าทำตามสัญญาไม่ได้ จึงทำให้ต้นทุนการผลิตมีราคาสูงกว่าสินค้าออนไลน์

“เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานทางทหาร มีความคงทน จึงต่างจากการจัดซื้อในตลาดทั่วไป ส่วนการจัดซื้ออาวุธกล้องเพื่อใช้ในภารกิจของหน่วยรบจะต้องมีคุณสมบัติเฉพาะประสิทธิภาพสูง เพื่อความปลอดภัยสำหรับภารกิจในสถานการณ์ที่อันตรายสูงสุด ส่วนการปฏิรูปกองทัพ กำหนดให้การพัฒนาสอดคล้องกับการบริหารความมั่นคงรูปแบบใหม่ การรักษาความสงบเรียยบร้อยในภูมิภาค และเพื่อประสิทธิภาพในการพร้อมรบ เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศ ผมยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง ขออย่ากล่าวอ้างว่าได้รับผลประโยชน์จากตรงนี้ และยืนยันไม่รับเงินที่ไม่สุจริต ขอเน้นย้ำว่ามีความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง” นายกรัฐมนตรี กล่าว


ส่วนเรื่องกิจการเหมืองหินสัมปทานของกองทัพเรือ ที่ต่อสัญญาณให้ผู้ประกอบการ แม้จะทำผิดสัญญา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าสัญญาที่ทำไว้กับผู้ประกอบการมีเวลา 5 ปี และจะทำปีต่อปี สัญญาระบุเงื่อนไขต่าง ๆ ไว้ ซึ่งผู้ประกอบการไม่สามารถผลิตหินได้ตามสัญญา จึงมีมูลค่าขาดประโยชน์ 40 ล้านบาท และผู้ประกอบการขอผ่อนชำระ และผู้ประกอบการเพิ่มกำลังการผลิตเต็มประสิทธิภาพมาตลอด ปรับปรุงเหมืองให้เป็นไปตามระเบียบ และเมื่อพิจารณาในภาพรวมจะเห็นว่าการทำสัญญาในปีที่สองกับผู้ประกอบการ จะทำให้กองทัพเรือได้ประโยชน์สูงสุด

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงความจำเป็นต้องจัดซื้อเรือดำน้ำว่า เป็นการสร้างความมั่นใจว่าไทยมีศักยภาพที่จะปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย ไม่เคยมีอุปกรณ์สำรวจท้องทะเลลึก ดูแลรักษาทรัพยากรทางทะเลของไทย ดูแลเรื่องโรฮีนจา อีกทั้งมีเหตุการณ์ที่บางประเทศลักลอบเข้ามาในน่านน้ำไทยในทางลับ ทั้งนี้การจัดซื้อเรือดำน้ำต้องรออีก 6 ปีกว่าจะได้เรือ และต้องส่งกำลังพลไปเรียนรู้ ยืนยันว่าดำเนินการเพื่อคนไทยทุกคน เป็นการจัดซื้อด้วยงบประมาณที่ถูกลง คุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งในอาเซียนและประเทศต่าง ๆ มีเรือดำน้ำรวมแล้ว 18 ลำ ที่ผ่านมาไทยเคยมีเรือดำน้ำ ปลดประจำการไปแล้วตั้งแต่ปี 2494 ดังนั้นเป็นเวลา 69 ปีแล้วที่กองทัพเรือไทย ไม่มีเรือดำน้ำประจำการ

“เมื่อเทียบผลประโยชน์ทางทะเลที่มีมูลค่า 24 ล้านล้านบาท แต่ราคาที่ลงทุนไป คิดเป็น 0.093 เท่านั้น ถือว่ามีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและตอบสนองยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง หลายท่านบอกว่าจะไปซื้อมาทำไม อาวุธก็ไม่ต้องมี ทหารก็ไม่ต้องมี คิดอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าคิดแบบนี้ เราจะอยู่กันอย่างไรในวันข้างหน้า อนาคตเราก็ไม่รู้ ยามศึกเรารบ ยามสงบเราก็ต้องเตรียมพร้อม หลักการสำคัญมีแค่นี้ พร้อมทั้งขวัญกำลังใจคน เครื่องไม้เครื่องมือ วันนี้ความรุนแรงของอาวุธต่าง ๆ เร็วขึ้น แม่นยำขึ้น ถ้าไม่พัฒนาตัวเอง ไม่ปรับปรุงตัวเอง ก็อยู่ไม่ได้ ชีวิตทุกคนมีความเสี่ยงทั้งหมด แล้วท่านจะรู้ว่า ถ้าไปเผชิญสถานการณ์การสู้รบจริง ๆ เป็นอย่างไร ท่ามกลางกระสุนปืนใหญ่ รถถัง M79 ผมถึงเห็นใจเขาไง เห็นใจลูกหลานของท่านบ้าง เขาตายไปจะทำอย่างไร” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลายอย่างเกิดขึ้นไม่ว่าจะในทางทหารและประชาชนด้วยกัน วันนี้มีความรุนแรงเกิดขึ้นในสังคมจำนวนมาก จะเห็นได้จากข่าวทั้งตีกัน ต่อยกัน อยากให้บ้านเมืองเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ถ้าทุกคนชินกับความรุนแรง การใช้กำลังการต่อต้านการใช้กฎหมาย แล้วจะอยู่กันอย่างไร จะมีความสุขกันหรือไม่ วันนี้ทุกคนทำงานเต็มที่ เหมาะสมกับการบริหารจัดการและการบังคับใช้กฎหมาย ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วย การชุมนุมสามารถทำได้ แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น อย่าใช้ความรุนแรง

“ก็เห็นอยู่รุนแรง มีทุกอย่าง ท่านอย่าปฏิเสธผม ใครทำผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมเห็นเขาเป็นคนไทย นั่นคือสิ่งที่ผมคิดเสมอมาว่าเขาเป็นคนไทย เขาคือผู้ร่วมชาติของผม แต่เขาคิดแบบนั้นกับผมหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ ก็แล้วแต่ท่าน แผ่นดินนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ เจตนาดี เจตนาไม่ดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์รู้หมด ผมเป็นคนนับถือศาสนาพุทธ ผมก็เชื่อมั่นตรงนี้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการใช้งบประมาณที่รัฐบาลต้องดูแลหนี้สาธารณะ เงินกู้ต่าง ๆ รวมถึงต้องจ่ายผลการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าว ที่รัฐชดเชยไปแล้วกว่า 7 แสน 5 พันล้านบาท เหลือหนี้จำนำข้าวอีกกว่า 2 แสน 8 หมื่นล้านบาท และต้องตั้งงบฯชดใช้ไปอีก 12 ปี นอกจากนี้ยังมีภาระหนี้จากโครงการบ้านเอื้ออาทร อีกกว่า 20,000 ล้านบาท รัฐบาลจึงต้องการชี้แจงให้ทราบว่าได้ดำเนินการอะไรอยู่บ้าง และพยายามทำอย่างเต็มที่ทุกประเด็นที่ฝ่ายค้านอภิปรายมา รัฐบาลไม่ต้องการรีดภาษีจากใคร และไม่ปรับขึ้นภาษี โดยเฉพาะช่วงนี้ที่รายได้ประเทศลดลง

“มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าให้ความช่วยเหลือประชาชนไม่ทั่วถึง วันนี้เป็นการช่วยเหลือเพื่อให้ประชาชนดำรงชีพอยู่ได้ และที่ให้ไปเพื่อไปใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น โครงการคนละครึ่ง เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนการใช้เงินในระบบ เกิดมูลค่าเพิ่มการใช้จ่ายในระดับฐานราก วันนี้ทุกคนต้องอยู่อย่างพอเพียง และรัฐบาลจำเป็นต้องสนับสนุนการลงทุนให้มีศักยภาพ ทั้งนี้ ต้องการฟังคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ไม่ผิดหลักการ ไม่ผิดกฎหมายและข้อบังคับ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้ใช้เงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เพื่อช่วยเหลือประชาชนจากโควิด-19 ให้ครอบคลุมทั้งกลุ่มเกษตร ผู้มีรายได้น้อย ผู้ประกอบอาชีพอิสระ แรงงานในระบบประกันสังคม กลุ่มเปราะบาง รวมกว่า 5.7 แสนล้านบาท และวันนี้มีโครงการเราชนะ ซึ่งอาจจะติดขัดเรื่องการใช้งบฯบ้าง จึงต้องทยอยดำเนินการ มั่นใจว่ารัฐบาลบริหารจัดการได้ดี แม้จะมีคนบางกลุ่มเข้าไม่ถึง ก็เร่งแก้ปัญหา และติดตามปัญหาโดยตลอด ส่วนงบฯที่ใช้เรื่องวัคซีนโควิด-19 รัฐบาลได้เตรียมไว้แล้ว มีเพียงพอและทยอยนำเข้ามา โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและอยู่ในความควบคุมของรัฐ ส่วนถ้าสมาชิกคนใดไม่ต้องการฉีดวัคซีนก็ให้ส่งรายชื่อมา และขออย่าไปอยู่ในการชุมนุมทำให้เกิดการแพร่ระบาดอีก

“ไม่ชอบผมก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่ชอบประเทศของท่าน ไม่ควร เพราะประชาชนก็คือประชาชนของเรา ที่ต่างฝ่ายต่างรักกันทั้งคู่ คำว่ารักประชาชนต้องไม่เลือกว่าใครเป็นใคร กฎหมายเป็นผู้ดำเนินการอยู่แล้ว ให้ทุกคนอยู่อย่างเป็นปกติในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยแบบไหนก็ตาม ต้องมีกฎหมาย นั่นคือทำให้สังคมสงบเรียบร้อย อันศึกนอกศึกไกล ผมไม่ห่วง แต่หวั่งห่วงศึกใกล้ไล่ข่มเหง หากคนไทยหันมาฆ่ากันเอง เราจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ทั้งนี้ ทันทีชี้แจงจบ นายกรัฐมนตรีได้วางเอกสารและลุกขึ้นจากเก้าอี้ข้างบัลลังก์ประธานสภาฯ ออกนอกห้องประชุมทันที

นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ใช้สิทธิ์ประท้วงประธานว่า ปล่อยให้นายกรัฐมนตรีมายืนบ่นส.ส. ทั้งที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ และนายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ตอบส.ส. ไม่ใช่มาบ่นเช่นนี้ ทำให้ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงให้ประธานดูแลสมาชิก เพราะพฤติกรรมที่นายขจิตรแสดงออกมา คล้ายกับคนที่มีแอลกฮอล์ในเลือดสูง ซึ่งประธานการประชุมได้วินิจฉัยว่า นายขจิตรมีบุคลิกแบบนี้ ไม่ได้เมา ยืนยันได้ เพราะเป็น ส.ส.ด้วยกันหลายสมัย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” โพสต์พรรคร่วมฯ มีมติหนุนรัฐบาล ร่วมสร้างเสถียรภาพการเมือง

โรงแรมโรสวูด 22 มิ.ย.- นายกฯ โพสต์พรรคร่วมรัฐบาลมีมติหนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ชี้ ความเป็นหนึ่งเดียว ช่วยก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหว เดินหน้ารับมือภัยคุกคามและความมั่นคง ภายหลัง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เชิญพรรคร่วมรัฐบาล หารือ ปรับคณะรัฐมนตรี แทนตำแหน่งที่ว่าง 8 ตำแหน่ง หลังภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. รถบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและเลขาธิการพรรคได้เดินทางออกจากโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ขณะที่ นายกรัฐมนตรีได้ ยังอยู่ภายในโรงแรม ก่อนที่ นายกรัฐมนตรี จะโพสต์ภาพถ่ายผ่านโซเชียลร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมระบุข้อความว่า “ประเทศชาติต้องเดินไปข้างหน้า สามัคคีประเทศไทย รวมพลังผลักดันนโยบาย แก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน ขอขอบคุณคณะกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลทุกท่าน ที่มีมติและประกาศแนวทางสนับสนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อรับมือต่อภัยคุกคามความมั่นคงของชาติจากภายนอก และขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ในช่วงเวลาที่รัฐบาลกับกองทัพมีจุดยืนร่วมกัน ยืนยันหลักการประชาธิปไตย ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและรวมพลังสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียวของพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการผนึกกำลังกันของคนไทย ก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหวนี้ด้วยความมั่นคง และประสบผลสำเร็จในการปกป้องอธิปไตย ธำรงไว้ซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศชาติและประชาชน ดิฉันเชื่อมั่นว่าไม่มีภัยคุกคามใดจะเหนือกว่าพลังสามัคคีของคนไทย […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

จับตานายกฯ นัดคุยหัวหน้าพรรคร่วม ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – จับตานายกฯ เชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่หารือเป็นการภายใน คาดจะมีการพูดคุยเกลี่ยโควตาเพิ่มให้กับพรรคร่วมรัฐบาลตามความเหมาะสม ความเคลื่อนไหวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีรายงานว่า วันนี้ (22 มิ.ย.68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่หารือเป็นการภายใน ภายหลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่างลง 8 ตำแหน่ง คาดว่าจะมีการพูดคุยเกลี่ยโควตาเพิ่มให้กับพรรคร่วมรัฐบาลตามความเหมาะสม โดยเมื่อเวลา 12.26 น. รถยนต์ของนายกรัฐมนตรีได้เลี้ยวเข้าโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ.-316-สำนักข่าวไทย

“ฮุน มาเนต” สั่งปิดด่าน 2 แห่ง ตอบโต้ไทยปิดด่านช่องสายตะกู

22 มิ.ย.- “ฮุน มาเนต” นายกฯ กัมพูชา ออกคำสั่งปิดด่าน 2 แห่ง ตอบโต้ทางการไทยปิดด่าน “ช่องสายตะกู” เมื่อเวลา 07.00 น. “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โพสต์หนังสือคำสั่ง โดยระบุว่า ให้ปิดด่านบ้านจุ๊บโกกี อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย จนกว่าไทยจะเปิดด่านช่องสายตะกู พร้อมระบุว่า เมื่อคืนวานนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ของกัมพูชา ได้รับแจ้งจากกองทัพภาคที่ 2 ของไทย ว่า จะมีการปิดด่านชายแดนช่องสายตะกูอย่างไม่มีกำหนด นอกจากนี้ ผู้นำกัมพูชา ยังได้อนุมัติให้ปิดด่านช่องจวม อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย และจะแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ของไทย รับทราบ สำหรับคำสั่งปิด 2 ด่านดังกล่าว เป็นจุดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด่านช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และด่านช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ -สำนักข่าวไทย