ทำเนียบ 12 ม.ค.- ครม. เห็นชอบ มาตรการ ช่วยเหลือประชาชนจากวิกฤต โควิด-19 ลดค่าน้ำ-ค่าไฟ 2 เดือน พร้อมขอผู้ให้บริการพิจารณาลดค่าอินเตอร์เน็ตบ้านช่วยผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชน
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ มาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (ไฟฟ้า น้ำประปา และอินเตอร์เน็ต) สำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็กและประชาชนในระยะเร่งด่วน เดือนมกราคม-มีนาคม 2564 ได้แก่ 1. ค่าไฟฟ้า มีระยะเวลา 2 เดือน สำหรับใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้าประจำเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 2564 กรณีบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน ฟรี 90 หน่วยแรก กรณีเกิน 150 หน่วยต่อเดือนให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า ดังนี้ (1) กรณีหน่วยการใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าหรือเท่าใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนธันวาคม 2563 ให้คิดค่าไฟฟ้าตามหน่วยการใช้ไฟฟ้าจริง (2) กรณีหน่วยการใช้ไฟฟ้ามากกว่าใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนธันวาคม 2563 ให้คิดค่าไฟฟ้าตามหน่วยการใช้ (2.1) ไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนธันวาคม 2563 (2.2) มากกว่า 500 แต่ไม่เกิน 1,000 หน่วยต่อเดือน ให้คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนธันวาคม 2563 บวกด้วยหน่วยที่ใช้ไฟฟ้าที่มากว่าหน่วยการใช้ไฟฟ้าใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนธันวาคม ในอัตราร้อยละ 50 และ (2.3) มากกว่า 1,000 หน่วย ให้คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนธันวาคม 2563 บวกด้วยหน่วยการใช้ไฟฟ้าที่มากกว่าหน่วยการใช้ไฟฟ้าของใบแจ้งค่าไฟฟ้าเดือนธันวาคม 2563 ในอัตราร้อยละ 70 โดยให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม และสำหรับกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ให้สิทธิใช้ไฟฟ้าฟรี 50 หน่วยแรก
นายอนุชา กล่าวต่อว่า 2. ค่าน้ำประปา ให้ลดร้อยละ 10 เฉพาะบ้านที่อยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) เป็นระยะเวลา 2 เดือน สำหรับใบแจ้งหนี้ค่าประปาประจำเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 2564 3. ค่าอินเตอร์เน็ต กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและสำนักงานคณะกรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) จะขอความร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายระบบโทรคมนาคมพิจารณามาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายอินเตอร์เน็ตของครัวเรือน ดูแลระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตให้มีเสถียรภาพสูงสุดเพื่อรองรับการทำงานที่บ้านได้อย่างเต็มที่
โฆษก ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ มาตรการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันโรคโควิด-19 อาทิ ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งจัดหาอุปกรณ์ป้องกันโคควิด-19 อาทิ หน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า เจลแอลกอฮอล์ ชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ให้เพียงพอและครอบคลุมทั่วถึงโดยเฉพาะพื้นที่ที่มีกลุ่มเสี่ยง ส่วนมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการที่ใช้โรงงานของตนเองเป็นสถานที่ในการกักตัวแรงงานในพื้นที่โรงงาน (Factory Quarantine) โดยผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ให้ความร่วมมือในการใช้พื้นที่โรงงานของตนเองเป็นสถานที่กักตัวแรงงานป้องกันการแพร่ระบาดและป้องกันการปนเปื้อนในกระบวนการผลิต
นายอนุชา ยังกล่าวถึงมาตรการปรับปรุงเงื่อนไขของโครงการเราเที่ยวด้วยกันว่า จะให้ผู้ใช้สิทธิ์โครงการเราเที่ยวด้วยกัน สามารถเลื่อนการจองที่พักในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ออกไปได้จนถึงเดือนเมษายน 2564 โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพิจารณาขยายระยะเวลาของโครงการที่เหมาะสม ปรับปรุงโครงการให้ความรัดกุม เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศตั้งแต่ปลายไตรมาสแรก ของปี 2564 ขณะที่มาตรการช่วยเหลือด้านสภาพคล่องและลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ โดยกระทรวงการคลังจะประสานธนาคารแห่งประเทศไทย พิจารณามาตรการช่วยเหลือด้านสภาพคล่องและลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์เพิ่มเติมเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบอย่างเหมาะสม
นายอนุชา กล่าวถึงมาตรการส่งเสริมการจ้างงานและรักษาระดับการจ้างงาน กระทรวงแรงงานเร่งดำเนินโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาให้โดยภาครัฐและเอกชน ปรับปรุงเงื่อนไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดและผลกระทบที่เกิดขึ้น เช่น ขยายกลุ่มเป้าหมายจากเดิมเฉพาะเด็กจบใหม่ให้ครอบคลุมกลุ่มแรงงานที่ได้รับผลกระทบจาการระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งหามาตรการดูแลแรงงานที่อยู่นอกระบบประกันสังคม ช่วยเหลือผู้ประกันตนตามมาตรา 33 กรณีส่งเงินสมทบไม่ครบ 6 ใน 15 เดือน และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตร 40 ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดด้วยเช่นกัน โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า มาตรการบรรเทาผลกระทบของประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจในระยะเร่งด่วน จากการแพร่ระบาดของโควิด -19 ในระลอกใหม่ มุ่งลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในเบื้องต้น ป้องกันความเสี่ยงที่ต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการและการใช้ชีวิตของประชาชน และช่วยให้เศรษฐกิจไทยในภาพรวมสามารถขับเคลื่อนได้ในระยะต่อไป.-สำนักข่าวไทย