ภูเก็ต 3 พ.ย. – นายกรัฐมนตรี พอใจผลการประชุม ครม.สัญจร ที่ภูเก็ต รับทุกข้อเสนอจากพื้นที่ เพื่อพิจารณาให้ตามความเหมาะสม ขอบคุณประชาชนแสดงออกถึงความรักความสามัคคี รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ชี้ ทุกอย่างจะดี ต้องเริ่มต้นที่ความสงบ ปัดตอบประเด็นการเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลง ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่อย่างเป็นทางการ ที่ จ.ภูเก็ต วันนี้ (3 พ.ย.) ว่า วัตถุประสงค์ในการประชุม ครม.ที่ จ.ภูเก็ต เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความพร้อมของมาตรการต่างๆ หากเริ่มเปิดประเทศ จะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง เพื่อให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นจากต่างประเทศ และต้องการส่งเสริมการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนตามมาตรการ การเงินการคลัง เพื่อรักษาสภาพคล่องในการจ้างแรงงาน
“ได้รับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการ ระหว่างการลงพื้นที่ ผลกระทบจาก โควิด-19 ครั้งนี้ จะเป็นบทเรียนให้กับทุกรัฐบาล สิ่งสำคัญคือการปรับรูปแบบ และโครงสร้างของธุรกิจใหม่ให้ตรงตามศักยภาพของพื้นที่ สำคัญที่สุด ต้องนำพระราโชบายตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาดำเนินการ และสร้างการรับรู้ พอใจกับผลการประชุมครั้งนี้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง แผนพัฒนาฟื้นฟูการท่องเที่ยวโครงสร้างพื้นฐานกลุ่มจังหวัดอันดามัน ที่ใช้งบประมาณกว่า 3 หมื่นล้านบาท ว่า รัฐบาลรับไว้พิจารณา โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติศึกษาข้อกฏหมาย และงบประมาณ ถ้าทำได้ก็จะดำเนินการ
“รัฐบาลพร้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกคน ทุกพวก ทุกฝ่าย แต่ก็จำเป็นต้องใช้กลไกในการบริหาร และกลไกของรัฐสภาในการแก้ปัญหา ทุกรัฐบาลจำเป็นต้องยึดมัน และอาศัยกระบวนการยุติธรรมที่มีอยู่ จะก้าวล่วงซึ่งกันและกันไม่ได้ จึงขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคนทั่วประเทศ”
นายกรัฐมนตรี ขอบคุณในการต้อนรับของประชาชนภาคใต้ โดยเฉพาะ อ.เกาะสมุย และ จ.ภูเก็ต เห็นถึงความรัก ความสามัคคี รักชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ ที่แสดงออกมา รู้สึกตื่นตัน รวมถึง ชาวกรุงเทพมหานครด้วย ที่แสดงถึงเจตนาที่จะให้ประเทศชาติปลอดภัย
“ทุกอย่างจะดีขึ้น ต้องเริ่มต้นด้วยความสงบเรียบร้อย เริ่มต้นด้วยสิ่งที่ถูกต้อง มีวัฒนธรรม มีอัตลักษณ์ มีประเพณี จะเป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศชาติเข้มแข็ง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงประเด็นการเมือง โดยให้เหตุผลว่า ต้องการให้ประชาชนรับรู้ว่ารัฐบาลจริงจังกับปัญหาสุขภาพ ปัญหาเศรษฐกิจ ที่กำลังเผชิญปัญหาอยู่.- สำนักข่าวไทย .- 236 (211)
