รัฐสภา 29 ต.ค.- กมธ.กิจการศาลฯ เชิญผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ แจงกรณีร้องเรียนจัดสรรทุน หลังถูกร้อง ยืนยันไม่ได้เอากลุ่มของผู้เสนอขอรับทุนเป็นตัวตั้ง แต่ยึดข้อเสนอโครงการเป็นหลักในการพิจารณา
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมพิจารณาเรื่องร้องเรียนจากเครือข่ายประชาชนเพื่อการปฏิรูปกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กรณีขอให้ตรวจสอบกระบวนการพิจารณาให้ทุนสนับสนุนการผลิตสื่อ ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ประจำปี 2563 จำนวน 300 ล้านบาท ที่อาจกระทำผิดวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกองทุนพัฒนาสื่อฯ โดยเชิญผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เข้าชี้แจง รวมถึงฝ่ายผู้ร้องเข้าให้ข้อมูล
ทั้งนี้ ทางกรรมาธิการ ได้ตั้งข้อสังเกตหลายประเด็นต่อกองทุนสื่อฯ ซึ่งคล้ายกับความเห็นของผู้ร้องเรียน โดยเฉพาะสถานะขององค์กรแสวงหากำไร จะจัดไว้ในประเภทนิติบุคคล หรือ องค์กรเอกชน แต่อย่างไรก็ตาม ในประกาศที่กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ขอรับทุนนั้น กลับนิยามความหมายทั้งสองคำไว้อย่างเดียวกัน ซึ่งเป็นการขัดกันของเนื้อหาหรือไม่ อีกทั้งยังเป็นการขยายความเกินกว่าที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติกองทุนสื่อฯ มาตรา 5 (6) ซึ่งครอบคลุมเฉพาะ “การส่งเสริมบุคคล องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรสาธารณประโยชน์ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ..” โดยไม่ปรากฏคำว่า “นิติบุคคลอื่น ๆ ที่จดทะเบียนในประเทศไทย” ที่เพิ่มเข้ามาในประกาศคุณสมบัติผู้ขอรับทุน
นายธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้ชี้แจงถึงที่มาการก่อตั้งกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์เมื้อปี 2558 มีการจัดสรรทุนครั้งแรก ปี2560 ซึ่งขั้นตอนอำนาจเป็นไปตามมาตรา 21(7) ของพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. 2558 โดยนิยามคำว่า”สื่อ”นั้น ไม่ได้จำกัดแพลตฟอร์ม พร้อมกับเปิดกว้างคำว่า “ผู้ขอรับทุนสื่อ” เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ที่อยากเห็นสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ไม่ใช่การจำกัดกลุ่มผู้ทำสื่อ จึงอยากให้ผู้ร้องเกิดความสบายใจในประเด็นที่องค์กรแสวงหากำไร ไม่ควรเข้าข่ายรับทุนตามที่ร้องเรียนมา พร้อมยืนยันว่าการจัดสรรทุนของกองทุนสื่อ มีแนวปฏิบัติมาแล้ว 4 ปี และยังคงดำเนินการแบบเดิมโดยตลอด ขณะที่การเบิกจ่ายก็ยึดตามระเบียบของทางราชการ ได้รับการตรวจสอบอย่างโปร่งใสและยืนยันไม่ได้เอากลุ่มของผู้เสนอขอรับทุนเป็นตัวตั้ง แต่ยึดเอาข้อกฎหมาย รวมทั้งข้อเสนอโครงการและตัวชี้วัดเป็นหลักในการพิจารณาเพื่อขอรับทุน.-สำนักข่าวไทย